ไลฟ์แฮ็ก
Slow Think คิดช้า สุขล้น

ภาพหน้าปกโดย DanaTentis จาก Pixabay.com
การอ่านคือพื้นฐานของความคิด ประโยชน์มากมายของการอ่าน จะทำให้สมองได้มีเวลาคิดเกี่ยวกับเรื่องที่อ่านได้มากขึ้น ไม่เหมือนตอนที่เราอ่านแบบเร่งด่วน อ่านผ่าน ๆ ตา ไม่ได้ใช้ความคิดและสมองกลั่นกรองในเรื่องที่อ่านนั้น ทำให้ส่วนใหญ่แล้วเราจะรู้แค่ข้อความแต่ไม่เกิดความเข้าใจและยิ่งไม่เกิดไอเดียใด ๆ จากการอ่านลักษณะนั้น เพราะเราต้องใช้ความคิดเป็นหลักไม่ว่าเราจะคิดทำอะไรอย่างแรกเราต้องเกิดความคิดก่อนลงมือทำในสิ่งนั้น
แต่หากเราอ่านแบบช้า ๆ จะเท่ากับเราเปิดโอกาสให้สมองได้คิดตามแต่ละข้อความที่เราอ่านพบครับ ซึ่งการอ่านแบบนี้แหละที่จะทำให้สมองของเราโลดแล่น มีไหวพริบดีขึ้น มีปัญญาสูงขึ้น ฉลาดเฉลียวขึ้น
ดังนั้นนี่จึงเป็นคำตอบสำหรับหลาย ๆ คนที่มักจะถามว่า "ฉันก็อ่านหนังสือเยอะแต่ทำไมสมองมันไม่ค่อยจะว่องไว ไม่ค่อยจะไบร์ทเท่าไรเลย ไหนบอกว่าอ่านมากแล้วสมองจะดีไงล่ะ" นั่นก็เพราะอ่านอย่างช้า ๆ แล้ว เมื่อเราเกิดความคิดจากการอ่านเราควรหยิบเอาความคิดเหล่านั้นมาคิดต่อยอดครับ มาลองคิดวิเคราะห์ในแบบของตนเอง หรือถ้ามีคำถามจากการอ่านก็ควรค้นหาคำตอบ จำไว้เสมอครับว่า "การรู้จักตั้งคำถามนั้นคือประตูสู่ความฉลาด" แบบเดียวกับที่นักคิดระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เพลโตหรือเม่งจื้อ ต่างก็เริ่มต้นจุดประกายแห่งปัญญาในตนเองด้วยการตั้งคำถามนี่แหละครับ
Advertisement
Advertisement
ภาพโดย geralt จาก Pixabay.com
แต่เมื่อเราเข้าสู่กระบวนการคิด เราหลายคนก็จะเข้าสู่ความเร่งรีบนั่นก็คือพอจะคิดก็จะพยายามเร่งคิดรีบคิดตามกระแสสังคมที่ชอบอะไรไว ๆ และใครก็ตามที่คิดช้าก็จะถูกหาว่าเป็นพวกไม่ฉลาด สมองอ่อนแรง คิดไม่ทันกิน ฯลฯ
ทว่าการคิดเร็วนั้นมันดีจริงหรือ? ปฏิเสธไม่ได้ครับว่าคนที่คิดเร็วทำเร็วมักได้รับการยกย่องว่าฉลาดและเปี่ยมไหวพริบ แต่ประเด็นก็คือไม่ใช่ทุกคนที่คิดเร็วแล้วจะเป็นคนฉลาดขนานแท้ได้
เพราะคนที่เขาฉลาดจริง ๆ นั้น เขาจะคิดเร็วได้โดยอัตโนมัติ มันคือธรรมชาติของเขา แต่กับบางคนที่ไม่ได้มีสมองเปรื่องมาแต่กำเนิดกลับพยายามทำตนเป็นคนคิดเร็วบ้าง อันนี้แหละครับที่จะก่อให้เกิดปัญหา
เพราะการคิดเร็วผ่านสมองที่ฉลาดและปราดเปรื่อง กับการคิดเร็วแบบเร่งรีบเพื่อจะได้ชื่อว่าฉลาดนั้นมันให้ผลลัพธ์ที่ต่างกันมาก
Advertisement
Advertisement
เราจึงควรยอมรับตนเองครับว่าเราคิดเร็วได้แค่ไหน สมองเราทำการคิดได้ไวเพียงไร หากมันคิดไวมากไม่ได้ก็ไม่ควรไปฝืน เพราะไม่เช่นนั้นเราอาจคิดผิดพลาด ทำอะไรผิดพลาด ทีนี้ล่ะครับเราจะยิ่งอับอายมากกว่าเวลาคิดช้าแล้วโดนคนอื่นแซวซะอีก
โปรดเข้าใจครับ ว่าการคิดเร็วไม่สำคัญเท่ากับการ "คิดให้ถูก คิดให้เหมาะ คิดให้เกิดประโยชน์และคิดให้เกิดทางออก" เพราะการคิดเร็วจะไร้ค่าทันทีที่ความคิดของเรานั้นไม่ถูกต้อง
ลองจับจ้องไปที่การคิดแบบเร็วและตัดสินใจแบบเร่งด่วนเกินไปสิครับ หลายครั้งทีเดียวที่มันส่งผลเลวร้ายเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด... เช่นนั้นแล้วเราจะเป็นคนคิดเร็วคิดด่วนไปอีกทำไมกันครับ... หันมาคิดให้ช้าลงไม่ดีกว่าหรือครับ... ช้าแต่แน่นอน ช้าแต่ได้คำตอบที่เหมาะสม ช้าแต่ได้ความคิดที่ถูกต้อง
การคิดในแบบนี้ถือเป็นการชี้ชวนให้คุณได้หันกลับมาใส่ใจสมองและความคิดอ่านของคุณ เชื่อไหมครับว่าส่วนใหญ่ไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าสมองของตนเองคิดได้เร็วหรือคิดได้ช้า คิดติดขัดหรือคิดไหลลื่น ตอนนี้เราลองมาใส่ใจและพิจารณามันสักหน่อยครับ ผมมี 2 หัวข้อที่จะแนะนำ มาฝากให้ได้คิดและให้ความรู้กันนะครับ
Advertisement
Advertisement
ภาพโดย geralt จาก Pixabay.com
ประการแรกคือ ลดความเร็วของการคิดให้แบบพอเหมาะ ถ้าสมองคุณอ่อนล้า คิดช้าในยามคับขัน นั่นคือสัญญาณว่าคุณต้องลดความเร็วในการคิดลงครับ อย่าเร่งรีบ อบ่าบีบคั้นตนเอง แต่จงให้เวลาตนเองในการคิดมากกว่าเดิม ไม่ต้องสนใจใครจะว่ายังไงครับเพราะสมองก็ของเรา ความคิดก็ของเรา เรามีสิทธิ์เต็มร้อยที่จะใช้มันให้เหมาะสมและเป็นหน้าที่ขอวเราอีกเช่นกันที่จะต้องทำการอัพเกรดให้มันมีศักยภาพที่มากขึ้นครับ
หากอยากคิดได้เร็วขึ้น (แบบพอเหมาะ) ต้องเริ่มจาการ Slow Think ก่อนอื่นใดเลยครับ แต่ที่ผมบอกว่าคิดเร็วขึ้นนี่ไม่ได้แปลว่าคิดเร็วว่องไวเท่าคนอัจฉริยะหรือคิดเร็วแบบเร่งรีบนะครับ แต่หมายความว่าเราจะคิดได้ดีขึ้น คล่องขึ้น สามารถประมวลความคิดและจัดลำดับเหตุผลต่าง ๆ ได้รวดเร็วเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้ว่องไวขึ้น ดังนั้นการคิดเร็วแบบที่คุณจะได้หลังจากเข้าสู่กระบวนการคิดแบบ Slow Think จึงเป็นคนละความหมายกับการคิดเร็ว คิดด่วนแบบเร่งรีบโดยสิ้นเชิง... เข้าใจตรงกันนะครับ
ประการที่สองคือ อย่ากดดันตนเอง จงมีสมาธิและสติในการคิด นับแต่นี้ไป อย่ากลัว อย่ากดดันตนเองแบบนั้นอีกเลยครับ ขอให้คุณสร้างเงื่อนไขเวลาคิดเสียใหม่ บอกสมองของคุณให้มันผ่อนคลายครับ บอกมันว่า "เจ้าคิดได้เต็มเวลาเลยนะ อยากใช้เวลาแค่ไหนก็คิดไป" แล้วเราค่อย ๆ คิดครับ ค่อย ๆ ตัดสินใจ คิดอย่างละเมียดละไมมากขึ้น ช้ากับการไตร่ตรองลงอีกหน่อย เพื่อให้สมองเราได้คิดให้ครบมุม วิเคราะห์ได้รอบด้านมากขึ้นนะครับ
เวลาที่เราจะคิดอะไรนั้นเราต้องมีสมาธิครับ เราอาจขอตัวออกมาเดินเล่นหรือไม่ก็เปลี่ยนสถานที่คิดไปยังที่ที่เรารู้สึกสบายและผ่อนคลาย เราไม่จำเป็นต้องจำกัดตัวเองอยู่ในพื้นที่แคบ ๆ เพื่อคิดนี่ จริงไหมล่ะครับ...
ภาพโดย lograstudio จาก Pixabay.com
หรือถ้าความคิดเรายังไม่แล่น เราก็อาจเปลี่ยนอิริยาบถไปทำอย่างอื่นสักพักก็ดีครับ ให้สมองได้พักบ้างแล้วหันไปผ่อนคลายตัวเอง เมื่อถึงจุดหนึ่งเราอาจคิดออกแบบเดียวกับที่ อาร์คิมิดีส คิดออกในขณะที่กำลังแช่น้ำในอ่างไงล่ะครับ เขากำลังผ่อนคลาย กำลังสมองโปร่ง จนในที่สุดเขาก็คิดได้สำเร็จ เพียงมีสติและสมาธิในการคิดครับ
ความจริงประการหนึ่งที่เราควรรู้เกี่ยวกับสมองก็คือ มันทำงานได้ดีในยามที่ผ่อนคลาย และแน่นอนว่ามันทำงานไม่ได้เรื่องเท่าไรยามที่เกิดภาวะกดดัน... แบบนี้แล้วคุณจะเร่งรีบกดดันตัวเองเวลาคิดทำไมจริงไหมครับ แค่ปล่อยให้สมองสบายขึ้น คลายความคิดลง ไม่นานความคิดดี ๆ ก็จะเกิดขึ้นได้เอง
เป็นยังไงกันบ้างครับการคิดช้าแต่มีความสุขคือสิ่งสำคัญของชีวิตเราเช่นกันนะครับ และที่จะลืมไม่ได้ก็คือความรู้เป็นเรื่องสำคัญ เราจะคิดอะไรไม่ออกหาเหตุผลมารองรับความคิดไม่ได้เลยหากปราศจากความรู้ ดังนั้นเราจึงต้องหมั่นหาความรู้มาป้อนสมองของเราอยู่เสมอนะครับ หรือถ้าเราคิดเรื่องใดไม่ได้จริง ๆ ก็ลองแวะเวียนไปหาอ่านหนังสือเพิ่มเติมความรู้ในเรื่องนั้น ก็จะช่วยให้สมองเราคิดออกได้ง่าย ๆ อีกทางหนึ่งครับ
🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸
ความคิดเห็น






