ไลฟ์แฮ็ก

Slow​ Think​ คิดช้า​ สุขล้น

124
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
Slow​ Think​ คิดช้า​ สุขล้น

ภาพ​หน้าปก​โดย​ DanaTentis จาก​ Pixabay.com​


การอ่านคือพื้นฐาน​ของความคิด​ ประโยชน์​มากมาย​ของการอ่าน​ จะทำให้สมองได้มีเวลาคิดเกี่ยวกับเรื่องที่อ่านได้มากขึ้น​ ไม่เหมือนตอนที่เราอ่านแบบเร่งด่วน​ อ่านผ่าน​ ๆ​ ตา​ ไม่ได้ใช้ความคิดและสมองกลั่นกรอง​ในเรื่องที่อ่านนั้น​ ทำให้ส่วนใหญ่​แล้วเราจะรู้แค่ข้อความแต่ไม่เกิดความเข้าใจและยิ่งไม่เกิดไอเดีย​ใด​ ๆ​ จากการอ่านลักษณะ​นั้น​ เพราะเราต้องใช้ความคิดเป็นหลัก​ไม่ว่าเราจะคิดทำอะไรอย่างแรกเราต้องเกิดความคิดก่อนลงมือทำในสิ่งนั้น

แต่หากเราอ่านแบบ​ช้า​ ๆ​ จะเท่ากับเราเปิดโอกาส​ให้สมองได้คิดตามแต่ละข้อความที่เราอ่านพบครับ​ ซึ่งการอ่านแบบนี้แหละที่จะทำให้สมองของเราโลดแล่น​ มีไหวพริบ​ดีขึ้น​ มีปัญญาสูงขึ้น​ ฉลาดเฉลียว​ขึ้น

ดังนั้นนี่จึงเป็นคำตอบสำหรับ​หลาย​ ๆ​ คนที่มักจะถามว่า​ "ฉันก็อ่านหนังสือเยอะแต่ทำไมสมองมันไม่ค่อยจะว่องไว​ ไม่ค่อยจะไบร์ท​เท่าไรเลย​ ไหนบอกว่าอ่านมากแล้วสมองจะดีไงล่ะ"  นั่นก็เพราะอ่านอย่างช้า​ ๆ​ แล้ว​ เมื่อเราเกิดความคิดจากการอ่านเราควรหยิบเอาความคิดเหล่านั้นมาคิดต่อยอดครับ​ มาลองคิดวิเคราะห์​ในแบบของตนเอง​ หรือถ้ามีคำถามจากการอ่านก็ควรค้นหาคำตอบ​ จำไว้เสมอครับว่า​ ​​​​​​"การรู้จักตั้งคำถามนั้นคือประตูสู่ความฉลาด" แบบเดียวกับที่นักคิดระดับโลก​ ไม่ว่าจะเป็นอัลเบิร์ต​ ไอน์สไตน์ เพลโตหรือเม่งจื้อ ต่างก็เริ่มต้น​จุดประกายแห่งปัญญา​ในตนเองด้วยการตั้งคำถามนี่แหละครับ

Advertisement

Advertisement

สมองภาพโดย​ geralt​ จาก​ Pixabay.com​


แต่เมื่อเราเข้าสู่​กระบวนการคิด​ เราหลายคนก็จะเข้าสู่ความเร่งรีบนั่นก็คือพอจะคิดก็จะพยายามเร่งคิดรีบคิด​ตามกระแสสังคม​ที่ชอบอะไร​ไว​ ๆ​ และใครก็ตามที่คิดช้าก็จะถูกหาว่าเป็น​พวกไม่ฉลาด​ สมองอ่อนแรง​ คิดไม่ทันกิน​ ฯลฯ

ทว่าการคิดเร็วนั้นมันดีจริงหรือ?  ปฏิเสธ​ไม่ได้ครับว่าคนที่คิดเร็ว​ทำเร็วมักได้รับการยกย่องว่าฉลาดและเปี่ยมไหวพริบ​ แต่ประเด็น​ก็คือไม่ใช่ทุกคนที่คิดเร็ว​แล้วจะเป็นคนฉลาด​ขนานแท้ได้

เพราะคนที่เขาฉลาด​จริง​ ๆ​ นั้น​ เขาจะคิดเร็ว​ได้โดย​อัตโนมัติ​ มันคือ​ธรรมชาติ​ของเขา​ แต่กับบางคนที่ไม่ได้มีสมองเปรื่องมาแต่กำเนิด​กลับพยายามทำตนเป็นคนคิดเร็ว​บ้าง​ อันนี้แหละครับที่จะก่อให้เกิดปัญหา​

เพราะการคิดเร็ว​ผ่านสมองที่ฉลาดและปราดเปรื่อง​ กับการคิดเร็ว​แบบเร่งรีบ​เพื่อจะได้ชื่อว่าฉลาดนั้นมันให้ผลลัพธ์​ที่ต่างกันมาก

Advertisement

Advertisement

เราจึงควรยอมรับตนเองครับว่าเราคิดเร็ว​ได้แค่ไหน​ สมองเราทำการคิดได้ไวเพียงไร​ หากมันคิดไวมากไม่ได้ก็ไม่ควรไปฝืน​ เพราะไม่เช่นนั้นเราอาจคิดผิดพลาด​ ทำอะไรผิดพลาด​ ทีนี้ล่ะครับเราจะยิ่งอับอายมากกว่​าเวลาคิดช้าแล้วโดนคนอื่นแซวซะอีก

โปรดเข้าใจครับ​ ว่าการคิดเร็ว​ไม่สำคัญ​เท่ากับการ "คิดให้ถูก​ คิดให้เหมาะ​ คิดให้เกิดประโยชน์​และคิดให้เกิดทางออก"  เพราะการคิดเร็ว​จะไร้ค่าทันทีที่ความคิดของเรานั้นไม่ถูกต้อง

ลองจับจ้องไปที่การคิดแบบเร็วและตัดสินใจแบบเร่งด่วนเกินไปสิครับ​ หลายครั้งทีเดียว​ที่มันส่งผลเล​ว​ร้า​ยเกินกว่า​ที่ใครจะคาดคิด... เช่นนั้นแล้วเราจะเป็นคนคิดเร็ว​คิดด่วนไปอีกทำไมกันครับ... หันมาคิดให้ช้าลงไม่ดีกว่าหรือครับ... ช้าแต่แน่นอน​ ช้าแต่ได้คำตอบ​ที่เหมาะสม​ ช้าแต่ได้ความคิดที่ถูกต้อง

การคิดในแบบนี้ถือเป็นการชี้ชวนให้คุณ​ได้หันกลับมาใส่ใจสมองและความคิดอ่านของคุณ​ เชื่อไหมครับว่าส่วนใหญ่​ไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าสมองของตนเองคิดได้เร็วหรือคิดได้ช้า​ คิดติดขัดหรือคิดไหลลื่น​ ตอนนี้เราลองมาใส่ใจและพิจารณา​มันสักหน่อยครับ​ ผมมี 2​ หัวข้อที่จะแนะนำ​ มาฝากให้ได้คิดและให้ความรู้​กันนะครับ

Advertisement

Advertisement

ความคิดภาพโดย​ geralt จาก​ Pixabay.com​


ประการแรก​คือ​ ลดความเร็ว​ของการคิดให้แบบพอเหมาะ​ ถ้าสมองคุณอ่อนล้า​ คิดช้าในยามคับขัน​ นั่นคือสัญญาณ​ว่าคุณต้องลดความเร็ว​ในการคิดลงครับ​ อย่าเร่งรีบ​ อบ่าบีบคั้น​ตนเอง​ แต่จงให้เวลาตนเองในการคิดมากกว่าเดิม​ ไม่ต้องสนใจใครจะว่ายังไงครับเพราะสมองก็ของเรา​ ความคิดก็ของเรา​ เรามีสิทธิ์​เต็มร้อยที่จะใช้มันให้เหมาะ​สมและเป็นหน้าที่ขอวเราอีกเช่นกันที่จะต้องทำการอัพเกรด​ให้มันมีศักยภาพ​ที่มากขึ้นครับ

หากอยากคิดได้เร็วขึ้น​ (แบบพอเหมาะ)​ ต้องเริ่มจาการ Slow​ Think​ ก่อนอื่นใดเลยครับ​ แต่ที่ผมบอกว่าคิดเร็วขึ้นนี่ไม่ได้แปลว่าคิดเร็ว​ว่องไวเท่าคนอัจฉริยะ​หรือคิดเร็ว​แบบเร่งรีบ​นะครับ​ แต่หมายความว่าเราจะคิดได้ดีขึ้น​ คล่องขึ้น​ สามาร​ถประมวลความคิดและจัดลำดับเหตุผลต่าง​ ๆ​ ได้รวดเร็ว​เรียนรู้​สิ่งต่าง​ ๆ​ ได้ว่องไวขึ้น​ ดังนั้นการคิดเร็ว​แบบที่คุณจะได้หลังจากเข้าสู่กระบวนการคิดแบบ​ Slow​ Think​ จึงเป็น​คนละความหมาย​กับการคิดเร็ว​ คิดด่วนแบบเร่งรีบ​โดยสิ้นเชิง... เข้าใจตรงกันนะครับ

ประการที่สองคือ​ อย่ากดดันตนเอง​ จงมีสมาธิและสติ​ในการคิด​ นับแต่นี้ไป​ อย่ากลัว​ อย่ากดดัน​ตนเองแบบนั้นอีกเลยครับ​ ขอให้คุณสร้างเงื่อนไข​เวลาคิดเสียใหม่​ บอกสมองของคุณให้มันผ่อนคลาย​ครับ​ บอกมันว่า  "เจ้าคิดได้เต็​มเวลาเลยนะ​ อยากใช้เวลาแค่ไหนก็คิดไป"  แล้วเราค่อย​ ๆ​ คิดครับ​ ค่อย​ ๆ​ ตัดสินใจ​ คิดอย่างละเมียดละไม​มากขึ้น​ ช้ากับการไตร่ตรอง​ลงอีกหน่อย​ เพื่อให้สมองเราได้คิดให้ครบมุม​ วิเคราะห์​ได้รอบด้านมากขึ้น​นะครับ

เวลาที่เราจะคิดอะไรนั้นเราต้องมีสมาธิ​ครับ​ เราอาจขอตัวออกมาเดินเล่นหรือไม่ก็เปลี่ยน​สถานที่คิดไปยังที่ที่เรารู้สึก​สบายและผ่อนคลาย​ เราไม่จำเป็นต้อง​จำกัดตัวเองอยู่ในพื้นที่​แคบ​ ๆ​ เพื่อคิดนี่​ จริงไหมล่ะครับ... 

สมาธิภาพโดย​ lograstudio จาก​ Pixabay.com​


หรือถ้าความคิดเรายังไม่แล่น​ เราก็อาจเปลี่ยนอิริยาบถ​ไปทำอย่างอื่นสักพักก็ดีครับ​ ให้สมองได้พักบ้างแล้วหันไปผ่อนคลาย​ตัวเอง​ เมื่อถึง​จุดหนึ่ง​เราอาจคิดออกแบบเดียวกับที่​ อาร์คิมิดีส​ คิดออกในขณะที่​กำลังแช่น้ำในอ่างไงล่ะครับ​ เขากำลังผ่อนคลาย​ กำลังสมองโปร่ง​ จนในที่สุดเขาก็คิดได้สำเร็จ​ เพียงมีสติและสมาธิในการคิดครับ

ความจริงประการหนึ่ง​ที่เราควรรู้เกี่ยวกับ​สมองก็คือ​ มันทำงานได้ดีในยามที่ผ่อนคลาย​ และแน่นอนว่ามันทำงานไม่ได้เรื่องเท่าไรยามที่เกิดภาวะกดดัน... แบบนี้แล้วคุณจะเร่งรีบกดดัน​ตัวเองเวลาคิดทำไมจริงไหมครับ​ แค่ปล่อยให้สมองสบายขึ้น​ คลายความคิดลง​ ไม่นานความคิดดี​ ๆ​ ก็จะเกิดขึ้นได้เอง

เป็นยังไงกันบ้างครับการคิดช้าแต่มีความสุข​คือสิ่งสำคัญ​ของชีวิตเราเช่นกันนะครับ​ และที่จะลืมไม่ได้​ก็คือความรู้เป็นเรื่องสำคัญ​ เราจะคิดอะไรไม่ออกหาเหตุ​ผลมารองรับความคิดไม่ได้เลยหากปราศจาก​ความรู้​ ดังนั้นเราจึงต้องหมั่น​หาความรู้​มาป้อนสมองของเราอยู่เสมอนะครับ​ หรือถ้าเราคิดเรื่องใดไม่ได้จริง​ ๆ​ ก็ลองแวะเวียน​ไปหาอ่านหนังสือ​เพิ่มเติม​ความรู้ในเรื่องนั้น​ ก็จะช่วยให้สมองเราคิดออกได้ง่าย​ ๆ​ อีกทางหนึ่งครับ​

🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์