ไลฟ์แฮ็ก
Toxic Friends :เพื่อนรุ่นใหญ่หัวใจเห็นแก่ได้
Butr Club ได้เขียนเรื่อง "Toxic Friends เมื่อเพื่อนเป็นพิษ" และได้รับการต้อนรับจากคุณผู้อ่านเป็นอย่างดี จึงอยากจะเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับเพื่อนที่ Toxic มาให้อ่านกันอีกครั้งค่ะ เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับผู้เขียน "เพื่อนรุ่นใหญ่หัวใจเห็นแก่ได้ "
เมื่อสองปีก่อนรับ add friend เพื่อนรุ่นพี่คนหนึ่งใน Facebook ไม่เคยรู้เห็นหน้ากันมาก่อน แต่เป็นเพื่อนของเพื่อนคิดว่าไม่น่ามีอะไรเลยรับแอดไป จากนั้นไม่ได้สนใจอะไร อยู่มาวันหนึ่งพี่เขาก็ทักมาคุย คุยแบบสนิทสนมมาก เราก็เห็นว่าเป็นผู้หญิง อายุมากว่าเราสิบกว่าปี ท่าทางดีดูเป็นผู้หญิงสูงวัยยุคใหม่ แต่งเนื้อแต่งตัวก็ดี ทันสมัย น่าจะเข้ากับเรากับเราได้ ดีเสียอีกจะได้มีเพื่อนเพิ่มมาอีกคน
รู้จักกันสักครึ่งปีเราเปลี่ยนงาน บริษัทใหม่ของเราอยู่ตึกแถวชิดลม เป็นตึกเดียวกับที่พี่เขาเคยเปิดร้านสปาแต่ตอนนี้เลิกกิจการไปแล้ว และมารู้อีกว่าพี่เขาเคยทำงานสายโฆษณามาก่อนเหมือนกันจึงยิ่งพูดคุยกันถูกคอ
Advertisement
Advertisement
พอเราย้ายที่ทำงานใหม่เราก็ได้นัดเจอกัน นัดกินข้าวกลางวันบาง นัดกันนั่งดื่มร้านไวน์แถวชิดลมบาง เราสังเกตว่าพี่เขาจะพยายามนัดเจอเราบ่อย ๆ เหมือนอยากมาพบเราทุกสัปดาห์ ส่วนเราเองจะไม่ค่อยรับนัด จะบอกว่าเราติดงาน ติดประชุมอะไรไปเรื่อย
หลัง ๆ พอเราเริ่มให้ความสนิทสนมมากขึ้น พี่เขาก็เริ่มคุยเรื่องธุรกิจ แล้วชวนให้เราไปทำงานด้วย มันทำเป็นงานเสริมได้ ส่วนตัวรู้ว่าตัวเองไม่ชอบงานการตลาดแบบหลายชั้น (Multi-Level Marketing) จึงไม่คิดจะคุยเรื่องนี้ต่อ แต่พี่เขาไม่หยุดเมื่อเริ่มคุยกัน เรื่องใดก็ตามไม่ถึงนาที พี่เขาต้องลากเอาเรื่องงานขายตรงของเขามาพูดให้เราฟังจนเราไม่มีช่องว่างที่จะเปลี่ยนเรื่องคุยเลย เราเบื่อมากแต่ก็ทนฟังเออออไปตามมารยาท
มีอยู่วันหนึ่งพี่เขาขอมากินข้าวกลางวันด้วย เราก็หลบเหลี่ยงอยู่หลายสัปดาห์ จนวันหนึ่งเรายอมให้พี่เขามากินข้าวกลางวันด้วย โดนแจ็กพอตเลยจ้า...คราวนี้ พี่เขาหอบเอาใบสมัครงานขายตรงมาให้เรากรอก ไอ้เราก็เกรงใจ กรอกใบสมัครไป มันไม่ต้องเสียค่าสมัครถือว่าช่วยพี่เขาไป ตกลงว่ากลายเป็นสายงานพี่เขาไปซะงั้น และจากวันนั้นการพยายามลากเราเข้าไปประชุม ไปงานต่าง ๆ ของทีมงาน ของบริษัทก็เกิดขึ้นอย่างรัว ๆ พยายามพูดให้เราเห็นภาพว่ามาทำเถอะงานนี้รายได้ดีมาก คนนั้นทำได้เงินเท่านั้น เท่านี้ แต่เราไม่มีความสนใจเลย คนบางคนเหมาะกับงานบางอย่าง และงานบางอย่างก็ไม่ได้เหมาะกับคนทุกคน
Advertisement
Advertisement
ต่อมาพี่เขาขอนัดมากินข้าวเย็นด้วย เราบอกไม่สะดวก หากจะมาก็กินข้าวกลางวันแล้วกัน คือเราไม่อยากเจอพี่เขาแล้วแต่ก็ยังเกรงใจ อย่างน้อยเขาก็เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง คราวนี้หอบเอาเครื่องนวดหน้าพร้อมฟอร์มล้างหน้ามาให้เรา...แต่มันคือไม่ฟรีค่ะ เราก็รู้แน่นอนของฟรีมีที่ไหนในโลกใบนี้ เราต้องเสียเงิน 6,500 บาท สำหรับผลิตภัณฑ์ชุดดังกล่าว ออกอาการงงว่า พร้อมโกรธ ไม่ได้สั่งเอามาให้ทำไม เหตุผลที่พี่เขาให้คือ "เห็นว่ามันดีกับน้องเลยสั่งมาให้ แล้วพี่ใช้รหัสน้องสั่งเลยนะคะ น้องก็ได้แต้มสะสมเป็นชื่อน้องด้วย" วะ...เอาชื่อเราไปสั่งของให้เรา??? โดยไม่บอกก่อนล่วงหน้า โอ๊ย... แต่ครั้งนั้นเรามองเห็นว่าผลิตภัณฑ์ใช้แล้วได้ประโยชน์กับตัวเราก็รับไว้ แต่เราไม่ชอบวิธีการยัดเยียดแบบนี้ของพี่เขาเลย
จนวันหนึ่งเมื่อต้นเดือนนี้เองมี email ส่งมาแจ้งว่าเราได้สั่งซื้อสินค้ามูลค่า 2,300 บาท แต่รายละเอียดการรับสินค้า ต้องไปรับที่เคาน์เตอร์ของบริษัท เราสงสัยจึงโทรไปถามบริษัท ว่ามันเกิดอะไรขึ้นเพราะว่าเราไม่ได้สั่งซื้อสินค้าอะไรเลย บริษัทขายตรงบอกจะตรวจสอบให้ แต่มันไม่แล้วใจ ในที่สุดเราจึงโทรไปถามพี่เขาถึงบางอ้อเลย
Advertisement
Advertisement
"พี่เองแหละเป็นคนทำ Order เพราะบริษัทเปลี่ยนระบบใหม่ พี่อยากคงอายุสมาชิกให้น้อง พี่ว่าจะโทรบอกน้องอยู่พอดี"
แต่... คือกรูไม่รู้มาก่อนไง ทำไมไม่บอกกันก่อน นี่แอบเอาชื่อเราไปทำอะไรที่เราไม่รู้ ไม่เห็นอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ โกรธมากบอกตรง ครั้งแรกเสียเงินไป 6,500 บาท ก็ว่าตัวเองโง่แล้วนะ มาครั้งนี้ 2,300 บาท ถ้าดิฉันยังจะเก็บคุณไว้เป็นเพื่อนต่อไปอีกคงไม่ใช่แล้วแหละ
ตัดสินใจเคลียร์ทันทีไม่เกรงใจอะไรมันแล้วโดนถึงขนาดนี้ "พี่คะต่อไปนี้ห้ามใช้ชื่อ ที่อยู่ ไปทำอะไรโดยพลการอีกหากมีครั้งต่อไปนะคะจะไม่เกรงใจแล้ว เรื่องถึงบริษัทแน่" แล้วเราก็ทำการลาออกจากการเป็นสมาชิกบริษัทขายตรงนั้นมาเลย ส่วนพี่เขาก็ได้แต่สัญญาว่าจะไม่ทำอีก กล่าวขอโทษ และขอให้มันจบกันไป คือทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น น้ำเสียงยังจะพูดชวนให้เราเข้าฟังประชุมในห้อง Zoom และยังโปรโมทหัวหน้าทีมอีกว่าหาเงินได้ระดับ 800 ล้าน...ยัง ยังไม่สำนึก ยังจะโปรโมทอีก
เรื่องนี้มันทำให้เรามองตัวเองว่าความเป็นคนเกรงใจ ความเป็นคนอะไรก็ได้ โลกสวยเกินไป ไม่พูดมากกับเรื่องที่โดนเอาเปรียบ ทำให้คนที่เราไว้ใจ คนที่เราคิดว่าเป็นเพื่อนเอาเปรียบเราอย่างไม่จบไม่สิ้น เราอาจจะอยากคบเขาแค่เป็นเพื่อนกิน เพื่อนเที่ยว เพื่อนที่คอยให้คำปรึกษาหาหรือซึ่งกันและกัน แต่บทสรุปของการที่เขามาทำดีกับเราในครั้งนี้ เขาแค่เขาต้องการผลงาน ต้องการมีสายงานเพิ่ม ขายของได้เพิ่ม มีเงินเพิ่มจากการให้คบกับเรา ต้องการผลประโยชน์จากเรา ทำให้เราเสียทรัพย์ เสียความรู้สึก คนแบบนี้ไม่เรียกว่าเพื่อนค่ะ เขาเรียกว่า Toxic เพื่อนรุ่นใหญ่หัวใจเห็นแก่ได้ เจอแบบนี้จบค่ะ
เรื่อง : Butr Club
เครดิตภาพประกอบ :
ภาพหน้าปก จาก Saydung89 / Pixabay
ภาพที่ 1 จาก Engin_Akyurt / Pixabay
ภาพที่ 2 จาก nastya_gepp / Pixabay
ภาพที่ 3 จาก nastya_gepp/ Pixabay
ภาพที่ 5 จาก nastya_gepp / Pixabay
ภาพที่ 6 จาก nastya_gepp / Pixabay
เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !
งานเขียนทั้งรีวิวที่กิน ที่เที่ยว รวมถึงบทความด้านกฏหมายแรงงาน จิตวิทยา ทุกเรื่องครบจบในที่เดียว
ความคิดเห็น