อื่นๆ
กระจกหลอน

พี่แบมเป็นคนที่ชอบเข้าวัดมาก วัดที่แกไปประจำก็อยู่ใกล้ ๆ กับบ้านแกนั้นแหละ ทุกวันในตอนเช้าแกจะมาที่วัด มาทำบุญ ซื้อดอกไม้ ธูปเทียน มาไหว้พระเป็นประจำทุกวัน หรือบางวันก็อาจจะนั่งสมาธิอยู่ในโบสถ์ของวัดอยู่สักชั่วโมงนึง เพื่อที่จิตใจจะได้สงบขึ้น ไม่ต้องคิดอะไรให้ฟุ้งซ่าน หรือบางวันแกก็เอาอาหารมาให้ หมา แมว ที่วัดนี้กินด้วย เพราะที่วัดแห่งนี้มี หมา แมว อยู่หลายตัวทีเดียว
ก่อนที่จะกลับบ้าน แกมักจะแวะซื้อผัก ผลไม้ ที่ขายอยู่ในวัด เพราะผัก ผลไม้ ที่นี่สวยงาม ไม่ใช้ยาฆ่าแมลงเลย ซึ่งทางวัดปลูกเอง ขายเองทั้งหมด นำมาขายในราคาที่ไม่แพงมาก เงินรายได้ทั้งหมดก็เอามาจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟของวัด ถัดไปก็จะเป็นร้านขายของ ซึ่งก็เป็นของวัดอีกเช่นกัน โดยจะให้เด็กวัดเป็นคนขาย ร้านนี้จะขายพวกสินค้าเบ็ดเตร็ดทั่วไปเช่น พวก กรอบรูป นาฬิกาตั้งโต๊ะ กระดิ่ง เป็นต้น บางวันพี่แบมก็แวะเข้ามาดู ถ้าเจอของอะไรถูกใจก็จะซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านไป
Advertisement
Advertisement
วันหนึ่ง พี่แบมก็มาไหว้พระ ทำบุญที่วัดแห่งนี้เหมือนเช่นทุก ๆ วันเหมือนเคย ขากลับพี่แบมก็ได้แวะเข้าไปร้านขายของของวัด พี่แบมยืนดูสินค้าอยู่นาน ได้เกิดเห็นกระจกอันหนึ่ง เป็นกระจกคันฉ่อง ขนาดใหญ่พอสมควร กรอบมันทำจากไม้อย่างดีเลย พี่แบมเห็นว่ามันสวยดี และของก็มีชิ้นเดียวด้วย จึงได้ตัดสินใจซื้อกระจกคันฉ่องอันนี้ไป
ในระหว่างทางที่เดินทางกลับบ้าน มือพี่แบมนั้นก็ถือกระจกคันฉ่องไว้ด้วย นาน ๆ ไป พี่แบมเริ่มรู้สึกว่า ยิ่งนานไปกระจกคันฉ่องมันเริ่มร้อนขึ้นเรื่อย ๆ พี่แบมเองก็แปลกใจว่าทำไมกระจกถึงได้ร้อนขึ้นเรื่อย ๆ หรือว่าอาจเป็นเพราะแดดเริ่มร้อนขึ้น กระจกที่ทำจากไม้มันดูดความร้อนไวขนาดนั้นเชียวหรือ พี่แบมกลับถึงบ้าน เอากระจกคันฉ่องอันนี้ไปตั้งไว้บนเตียงห้องนอนของตน โดยตั้งใจว่าจะไว้ส่องดูตอนตนเองหวีผมทุกคืนและทุกเช้า
Advertisement
Advertisement
ในคืนนั้นหลังจากที่พี่แบมอาบน้ำเสร็จ พี่แบมออกมาจากห้องน้ำ เห็นกระจกคันฉ่องอันนั้นมันหล่นมาอยู่บนเตียง พี่แบมก็แปลกใจว่าเธอตั้งเอาไว้บนเตียงมันหล่นมาได้ยังไงกัน หรือใครเอาไปใช้ก็ไม่น่าจะใช่เพราะนี้เป็นห้องนอนส่วนตัวของเธอไม่น่าจะมีใครเข้ามา พี่แบมก็คิดว่ามันคงหล่นมาเองแหละ
ภาพโดยSarahRichterArtจากPixabay
พี่แบมแต่งตัวเสร็จแล้ว ก็ได้หยิบกระจกคันฉ่องอันนั้นมาส่อง เพื่อที่จะหวีผม ตอนนั้นพี่แบมรู้สึกได้ว่า คันฉ่องมันมีความร้อนอยู่นิด ๆ พี่แบมนั่งหวีผมอยู่สักพักนึง ใบหน้าของตนเองในกระจกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไปทีละนิด ๆ เป็นใบหน้าคนแก่ มีริ้วรอยเหี่ยวย่นเต็มไปหมด ผมยาวขาวโพน หน้าตาดูน่ากลัวคล้ายกับแม่มดเลย กระจกคันฉ่องก็ร้อนขึ้นเรื่อย ๆ พี่แบมขยี้ตาดูว่าตนเองไม่ได้ตาฝาดไปแน่นอน แล้วพี่แบมก็กรี๊ด เสียงดังลั่นบ้าน มือก็ปล่อยกระจกคันฉ่องอันนี้ไป แล้วรีบวิ่งออกไปนอกห้องด้วยความตกใจ พ่อแม่ของพี่แบมได้ยิน จึงได้ถามว่ามีอะไร กรี๊ดร้องเสียงดังทำไม พี่แบมได้เล่าเหตุการ์ณเมื่อกี้ให้พ่อกับแม่เธอฟัง พ่อจึงได้ไปหยิบกระจกคันฉ่องอันนั้นไปไว้ในห้องพระ
Advertisement
Advertisement
ความคิดเห็น






