อื่นๆ
‘กระดาษทิชชู่’ มาจากไหน?
หนึ่งในไอเทมประจำวันของชีวิตที่ขาดไม่ได้ ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย นั่นก็คือ ‘กระดาษทิชชู่’
ไม่น่าเชื่อว่า เจ้ากระดาษสีขาวๆ บางๆ ที่เราใช้กันมาตั้งแต่เกิดนั้น มีประวัติศาสตร์มายาวนานโชกโชน เผลอๆ ก็ร่วมๆ จะสองร้อยปีแล้ว
ในปี 1857 โจเซฟ กาเย็ตตี้ นักธุรกิจชาวอเมริกันได้เริ่มต้นผลิตกระดาษชำระขึ้นมา โดยมีคำโปรยเท่เก๋ไก๋ว่า “ ‘กระดาษอนามัย’ สิ่งจำเป็นแห่งยุคสมัย ผลิตจากวัสดุที่บริสุทธิ์ที่สุด” แต่ทำอย่างไรสินค้าล้ำสมัยนี้ก็ไม่สามารถชนะใจผู้บริโภคได้ เนื่องจากสมัยนั้นกระดาษหนังสือพิมพ์ดูจะเป็นทางเลือกที่ประหยัดและสะดวกกว่ามากในการทำธุระส่วนตัว
คิดไปคิดมาเขาจึงออกสินค้า (เหมือนจะ) ใหม่ด้วยการเหยาะอโลเวร่าลงไปบนกระดาษทิชชู่ แล้วบอกว่าเป็น ‘กระดาษชำระอนามัย’ สำหรับใช้ในห้องน้ำโดยเฉพาะ แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จอยู่ดี จนกระทั่ง เซธ วิลเลอร์ ชาวอเมริกันอีกคนคิดค้นไอเดียใหม่ ด้วยการนำทิชชู่เหล่านี้มาม้วนใส่แกนเข้าไป แล้วทำรอยปรุเพื่อให้ใช้งานง่าย เพียงเท่านี้ กระดาษชำระก็เริ่มเป็นที่นิยมขึ้นมาหลังจาก 20 ปี แห่งการก่อกำเนิดครั้งแรกของมัน
Advertisement
Advertisement
ในเมืองไทยนั้น ระยะแรกกระดาษทิชชู่เป็นของราคาแพงต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศจึงจำกัดอยู่เฉพาะในหมู่ชนชั้นสูงและคนมีเงิน ต่อมาห้างหุ้นส่วนจำกัด อุตสาหกรรมกระดาษแม่น้ำ ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1966 ก็ได้ผลิตกระดาษทิชชู่ เมด อิน ไทยแลนด์ออกมาก ทำให้ไม่ต้องนำเข้ากระดาษชําระที่เป็นม้วนโดยตรง แต่สั่งซื้อกระดาษม้วนใหญ่จากต่างประเทศ แล้วมาผลิตเป็นม้วนเล็กๆ ใช้ภายในประเทศ
หลังจากที่ทิชชู่ราคาถูกลง สามารถซื้อหาไว้ใช้งานได้ตามครัวเรือน กระดาษทิชชู่ม้วนจึงได้รับความนิยมมากกกกก (ก.ไก่ ล้านตัว) เราทุกคนใช้ทิชชู่สำหรับทุกกิจกรรม ซับหน้า ซับเหงื่อ เช็ดปาก เช็ดก้น เช็ดส่วนบอบบางและไม่บอบบางทั้งหลาย ฯลฯ จนมันกลายเป็นวัตถุที่ตั้งตระหง่านอยู่บนโต๊ะของพวกเราทุกคนทั้งโต๊ะอาหาร โต๊ะทำงาน โต๊ะประชุม ฯลฯ
ลามมาถึงการถกเถียงในโลกโซเชียลถึงการควรหรือไม่ควรในการใช้ทิชชู่ม้วนบนโต๊ะอาหาร เนื่องจากบางครั้งเวลาที่มีเพื่อนหรือญาติมาจากต่างประเทศ บางคนอาจจะมีอาการอายๆ ที่ทิชชู่เช็ดก้นกลายมาเป็นทิชชู่เช็ดปากในมุมมองของแขกบ้านแขกเมือง เหมือนดังที่เคยมีคนตั้งกระทู้ในเว็บไซต์พันทิปว่า “ชาวต่างชาติเขาคิดยังไงกับการที่คนไทยชอบเอาทิชชู่ม้วนมาไว้บนโต๊ะอาหาร”
Advertisement
Advertisement
ความเห็นที่ 1 ตอบโดยคุณกระต่ายหิมะบอกว่า “น้องเราเป็นอเมริกัน ตอนมาเมืองไทยครั้งแรก เค้างงว่าทำไมมี bath tissue อยู่บนโต๊ะอาหาร เขาจะไม่ใช้ bath tissue มาเช็ดปากค่ะ เค้าบอกว่ามันเอาไว้เช็ดก้น”
ตามมาด้วยความเห็นสนับสนุนว่า “หลานเรามาจากอเมริกา ไม่ยอมใช้ค่ะ เค้าขอ คลีเน็กซ์ โอนลี่” ตอบโดยคุณ paupau
ส่วนมุมมองอีกด้านบอกว่ามาเมืองไทยก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับเจ้าของบ้านสิจ๊ะ แล้วชาวต่างชาติบางคนหรืออาจจะหลายคน เขาก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องนี้หรอกจ๊ะ ฟังความเห็นของคุณ Tang siri
“สามีดิฉันไม่มีปัญหาเรื่องนี้เลย ไม่เคยทักด้วยซ้ำ อีกอย่างเค้าเป็นคนชอบทานก๋วยเตี๋ยวมาก พอไปนั่งในร้านท่ามกลางอากาศร้อนๆ ของเมืองไทย ก็ใช้ทิชชู่นั้นเช็ดทั้งหน้า เช็ดทั้งปาก ฝรั่งบางคนเค้าก็ไม่คิดมากหรอกค่ะ”
นานาจิตตังว่ากันไป ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมและการเลี้ยงดูของแต่ละคนเนอะ
Advertisement
Advertisement
แล้ว ‘ทิชชู่เช็ดหน้า’ ก็ตามมา...
นอกจากทิชชู่ม้วนที่ใช้กันประจำในห้องน้ำแล้ว ยังมีทิชชู่เช็ดหน้าลายดอกไม้กลิ่นหอมอับๆ อยู่ในกล่อง
สี่เหลี่ยมผืนผ้าที่เห็นมาตั้งแต่เด็ก จนภายหลังนิยมใช้บรรจุภัณฑ์แบบถุงพลาสติกแทน (คาดว่าน่าจะถูกกว่า)
ที่มาของทิชชู่เช็ดหน้านั้นเริ่มขึ้นเมื่อปี 1924 คลีเน็กซ์ได้ออกผลิตภัณฑ์กระดาษเช็ดหน้าสำหรับเช็ดล้างเครื่องสำอางโดยเฉพาะโดยใช้คู่กับครีมล้างเครื่องสำอาง ผ่านไปได้ 2 ปี ลูกค้าส่วนใหญ่ที่ซื้อไปบอกว่า เอาไว้ใช้แทนผ้าเช็ดหน้ามากกว่า แต่สะดวกกว่ามากตรงที่ใช้แล้วทิ้งได้เลย
ด้วยความชาญฉลาดคลีเน็กซ์จึงได้ปรับตัวจากทิชชู่เช็ดเครื่องสำอางกลายมาเป็นทิชชู่เช็ดหน้าอย่างแท้จริงตามการใช้งานของลูกค้า และนำมาบรรจุอยู่ในกล่องที่เราคุ้นเคยตั้งแต่ปี 1928 ตามมาด้วยการต่อยอดผลิตภัณฑ์ตามมามากมาย อย่างการนำทิชชู่มาพิมพ์ลาย ใส่สี ใส่กลิ่น ใส่ซองพลาสติกเพื่อความสะดวกในการพกพาแล้วเปลี่ยนมาใช้คำโฆษณาว่า “ผ้าเช็ดหน้าที่คุณโยนทิ้งได้เลย” ในปี 1932
ปัจจุบันทิชชู่เช็ดหน้ามีที่ทั้งแบบใส่โลชั่นบำรุงผิว ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ใส่น้ำหอม ฯลฯ มีการพิมพ์ลวดลายสลับซับซ้อนสีสันมากมาย ภายใต้บรรจุภัณฑ์หรูหรามีให้เลือกทุกแบบทุกสไตล์ และในเมื่อกระดาษทิชชู่แบบแผ่นมีกล่องบรรจุหลากหลายดีไซน์ให้เลือกใช้ แล้วทำไมทิชชู่ม้วนที่คนไทยใช้กันในชีวิตประจำวันถึงจะไม่มีกล่องใส่บ้างไม่ได้
อันที่จริงถ้าไม่ติดขัดด้านปัจจัยด้านเศรษฐกิจ เราทุกคนพร้อมจะใช้ทิชชู่ไฮโซที่ดูดีตั้งแต่รูปร่างหน้าตาไปยันเยื่อกระดาษอยู่แล้ว แต่ด้วยราคาที่แตกต่างกันมากมาย แบบถ้าเปรียบเทียบกับตัวเลือกทั่วๆ ไป ซื้อทิชชู่ 1 กล่อง ได้เท่ากับทิชชู่ 2 ม้วน แล้ว ไม่แปลกใจที่ทิชชู่ม้วนจะได้รับความนิยมมากว่า
แต่ด้วยความที่การมองเห็นทิชชู่ม้วน อาจจะเทียบเท่ากับเห็นโถส้วมหรือห้องน้ำ เราจึงต้องปกปิดให้ภาพลักษณ์ดูดีประมาณนึงด้วยการใส่กล่องหน้าตาน่ารักอำพรางไว้ แถมกล่องพลาสติกถ้าวางบนโต๊ะอาหารยังมีหน้าที่กันไม่ให้น้ำซุปก๋วยเตี๋ยวหรือน้ำอื่นๆกระเซ็นมาโดนทิชชู่บนโต๊ะ เท่ากับยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
กล่องใส่ทิชชู่ยังทำให้เรานึกถึงการปักครอสสติชตอนเด็กๆ ที่โรงเรียนบังคับให้ทำเป็นกล่องใส่ทิชชู่ ไม่รู้ตอนนี้ยังมีเด็กถูกบังคับให้ทำกล่องที่ว่านี้อีกมั้ย แต่เมื่อมองย้อนกลับไป จึงคิดได้ว่าคนไทยชนชั้นกลางบ้านๆ อย่างเรามีวิถีชีวิตที่แทบจะแยกไม่ออกจากกระดาษทิชชู่
จนแทบจะจินตนาการไม่ออกเลยว่า ถ้าให้ลองใช้กระดาษหนังสือพิมพ์หรือหน้านิตยสารเก่าที่ร้อยแขวนไว้ตามห้องน้ำ เอามาห่อผ้าอนามัยและซับทำความสะอาดในเวลาเดียวกันมันจะให้ความรู้สึกบาดกายบาดใจขนาดไหน
เครดิตภาพ
ภาพที่ 1 (ภาพเปิด) โดย หนึ่งวันธรรมดา
ภาพที่ 2 Canva
ภาพที่ 3 โดย หนึ่งวันธรรมดา
ภาพที่ 4 Canva
เรื่องราวที่ได้พบเจอในแต่ละวัน ธรรมดาบ้าง ไม่ธรรมดาบ้าง ลองติดตามกันดูนะ :)
ความคิดเห็น
