อื่นๆ
ข้อคิดดี ๆ จากประสบการณ์เฉียดตาย !!!

สิ่งที่คนใกล้ตายและกำลังจะตายต้องการแตกต่างกัน ! ใกล้ตาย คือ ยังเหลือเวลาอีก 1 เดือน 3 เดือน ยังพอมีเวลา แต่กำลังจะตาย คือ แค่วินาทีเดียว อาจแทบไม่เหลือเวลาให้เลยด้วยซ้ำไป ภาพที่ฉันตกใจสุดขีด คือ เหตุการณ์สุดท้าย ก่อนสติจะดับวูบลงในทันทีตอนไหนก็ไม่รู้ เหตุการณ์ทุกอย่าง มันเกิดขึ้นไวมากจนฉันไม่ทันได้ตั้งตัว รู้สึกตัวอีกที เหมือนได้ยินเสียงคนเรียกจึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบากมาก มันหนักอึ้งไปหมด พยายามจะลุกก็ลุกไม่ได้ ฉันรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังนอนคว่ำหน้าอยู่เหมือนฝันไป เห็นผู้คนมากมายมายืนล้อมรอบตัวฉัน พยายามจะสื่อสารกับฉัน ฉันพยายามจะอ้าปากตอบคำถามเขา แต่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ได้แต่พยายามพยักหน้าช้า ๆ แทนคำตอบอย่างเหนื่อยล้าสุด ๆ ฉันคิดว่าตัวเองกำลังจะตายแล้วอย่างแน่นอน

Advertisement
Advertisement
Advertisement
Advertisement
ฉันอยากร้องไห้ อยากกลับไปหาพ่อกับแม่มากที่สุด แต่ทำได้แค่นอนนิ่ง ๆ ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ทำอะไรไม่ได้เลยจริง ๆ ณ วินาทีนั้น ได้แต่ภาวนาวิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ในใจ "ขอร้องล่ะ ...ขอร้อง ฉันยังไม่อยากตายตอนนี้ ได้โปรดให้ฉันมีลมหายใจต่อไปด้วยเถิด" ก่อนที่สติของฉันจะดับวูบลงไปอีกครั้งหนึ่ง ณ ตอนนั้นเองที่ฉันเข้าใจเลยว่า...แท้จริงแล้ว ความรู้สึกของคนใกล้ตายจริง ๆ ฉันไม่ต้องการอะไร นอกเสียจาก "ลมหายใจ" ขอเพียงลมหายใจที่จะได้ใช้ชีวิตอยู่ต่อไปก็พอ เพราะเราทุกคนอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีใครอยากตายทั้งที่ยังไม่พร้อมหรอกนะ หลายคนที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยอย่างไม่รู้จักคุณค่าของเวลา ต่างกับอีกหลายคนที่เคยเฉียดตายแบบฉันจะเข้าใจเป็นอย่างดี ว่าแท้จริงแล้ว สิ่งที่มนุษย์ต้องการมากที่สุดคืออะไร ?
Advertisement
Advertisement
เครดิตรูปภาพ : ภาพโดย ALBERTO FABREGAS จาก Pixabay
ใช่ค่ะ ฉันต้องการแค่ลมหายใจคืนมา เพื่อที่จะได้กลับไปอยู่กับพ่อแม่ กลับไปอยู่กับคนที่ฉันรักแค่นั้นเอง ฉันไม่ได้อยากตายเลยสักนิดเดียว ! หากถามว่าวิญญาณฉันหลุดออกจากร่างเหมือนในละครหรือเปล่า ? ไม่เลยค่ะ ไม่ได้หลุด พอสติดับวูบ ทุกอย่างคือดับหมดแล้วไม่รู้สึกอะไรอีกเลย และเหมือนกับว่าบุญฉันยังมีอยู่ ฉันค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา พบว่าตัวเองนั่งอยู่บนรถยนต์เขากำลังพาฉันไปส่งโรงพยาบาล ฉันจะพยายามตั้งสติอีกที บอกชื่อโรงพยาบาลที่ฉันมีประกันสังคมอยู่ ให้เขาพาฉันไปที่นั้นและเริ่มสำรวจร่างกายตัวเอง คือ มันเลอะเปรอะไปหมด เศษหิน ดิน ทราย ใบไม้แห้ง เกาะติดตามตัวฉัน ฉันรู้สึกมึนหัวสุด ๆ หมอเข้ามาถามอาการ ฉันก็พอมีสติตอบได้ พยาบาลเริ่มทำแผลฉันเจ็บไปทั้งตัว ตั้งแต่หัวยันเท้ามีบาดแผลหมด หนักสุด คือ ใบหน้า ฉันเกือบเสียโฉมไปเลยกับเหตุการณ์นั้น เพราะกระดูกตรงแก้มขวาหักแยกออกจากกัน ทำให้อักเสบจนหน้าบวมผิดรูป หมอบอกว่าโชคดีที่กระดูกแค่แยก ไม่ได้บิดจากกันมาก ไม่เช่นนั้นคงต้องผ่าตัดศัลยกรรมใบหน้าเป็นแน่
เครดิตรูปภาพ : ภาพโดย Bokskapet จาก Pixabay
และได้พบสาเหตุที่ฉันสลบ เพราะหัวดันกระแทกเข้ากับของแข็งอย่างแรงจนทำให้หมดสติ แผลที่หัวมีเลือดซิบออกมาหมอจึงพาเข้าเครื่อง CT Scan เพื่อตรวจเช็คศีรษะ และสมองของฉัน น่ากลัวมาก เป็นลักษณะอุโมงค์สีขาว ในห้องเงียบสงัด ไม่มีใครอยู่เลย ฉันหลับตาลง เพื่อลดความกลัวให้น้อยลง ระหว่างที่เครื่องก็ทำหน้าสแกนสมองไปพร้อมกัน พ่อแม่กลัวฉันความจำเสื่อมก็ถามว่าจำอะไรได้บ้างไหม ฉันบอกว่าจำได้ ฉันบอกชื่อทุกคนได้อย่างถูกต้อง ยังจำได้ว่าตัวเองเป็นใคร อยู่ที่ไหน ความจริงตั้งแต่เด็กจนโต ฉันเฉียดตายมาหลายครั้งแล้วนะ แต่ครั้งนี้หนักที่สุด เพราะถึงขั้นหมดสติไปเลย และครั้งที่เห็นภาพคนล้อมรอบครั้งสุดท้าย ก่อนตาจะปิดลง คิดว่าตัวเองตายไปแล้วจริง ๆ จึงรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้งหนึ่ง เป็นการเกิดใหม่ที่ทำให้ฉันได้รู้ความหมายของการมีชีวิตอยู่ ได้รู้ว่าอะไรคือ สิ่งที่สำคัญมากที่สุดในชีวิตฉัน
เครดิตรูปภาพ : ภาพโดย Shift and Sheriff จาก Pixabay
หลายบทความ หรือหนังสือหลายเล่มมักบอกว่าสิ่งที่คนใกล้ตายเสียใจมากที่สุด คือ เสียดายกับสิ่งที่ยังไม่ได้ทำ แต่เขาคงไม่รู้ว่า สิ่งที่คนกำลังจะตาย เสียใจและอยากได้มากที่สุด คือ ลมหายใจ แค่ลมหายใจ ให้เขากลับไปมีชีวิตอยู่กับคนที่เขารักเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว เพราะฉะนั้น อย่ารอให้เจอเหตุการณ์เฉียดตายแบบฉันเลย แล้วเพิ่งคิดได้ว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตคุณให้รีบทำตั้งแต่ตอนนี้ ตอนที่ยังไม่ตายนี่แหละค่ะ ดีที่สุดแล้ว
เครดิตรูปภาพ : ภาพโดย bruce lam จาก Pixabay
ฉันจึงจัดการทำทุกอย่างที่อยากทำให้เสร็จก่อนตาย โดยวางแผนชีวิตชัดเจน ไม่กล้าใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อย ไร้สาระไปวัน ๆ อีกแล้ว เพราะไม่อยากรู้สึกเสียใจตอนกำลังจะตาย แต่อยากมีความสุข แบบพร้อมตาย โดยไม่ขอทวงลมหายใจคืนมาอีกแล้ว ... จงรักษาชีวิต ดูแลร่างกายและลมหายใจของคุณให้ดีที่สุด เพราะนี่คือสิ่งสำคัญ และมีค่ามากที่สุดในชีวิตของคุณเอง และเรื่องราวทั้งหมดนี้เอง คือ ประสบการณ์ของฉันโดยตรง หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อย ขอบคุณที่เข้ามาอ่านบทความของฉันตั้งแต่ต้นจนจบนะคะ
===============================
ช่องทางการติดตามเพิ่มเติม
ความคิดเห็น






