อื่นๆ

ข้อดีข้อเสียและความแตกต่างของ Flexible hours vs Office hours

303
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ข้อดีข้อเสียและความแตกต่างของ Flexible hours vs Office hours

เครดิตภาพ : unsplash1 / unsplash2

อย่างที่เพื่อน ๆ รู้กันดีกันว่าสถานการณ์ในปัจจุบันของประเทศไทยในตอนนี้แย่มาก ๆ เนื่องจากไวรัสร้ายแรงอย่าง COVID-19 นั้นแพร่กระจายตัวอย่างรุนแรงและไวมากจึงทำให้ส่งผลกระทบในหลาย ๆ ด้านมาก ภาครัฐก็ได้ออกมาตราการป้องกันไวรัสชนิดนี้ โดยการออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 'อยู่บ้าน หยุดเชื้อ ช่วยชาติ' หรือพูดง่าย ๆ คือการรณรงค์ให้ประชาชนกักตัวอยู่ภายในบ้าน ดังนั้นหลากหลายสถานศึกษาและบริษัทต่าง ๆ ก็ต้องให้ความร่วมมือและปรับตัวให้ได้ จึงมีการ 'Work from Home' เกิดขึ้น วันนี้เราจะพาไปดูความแตกต่างของการทำงานในออฟฟิศและการทำงานจากที่บ้านกันว่าจะเป็นอย่างไร

หเครดิตภาพ : unsplash


sเครดิตภาพ : unsplash

เริ่มจาก Office Hours คือการทำงานที่ออฟฟิศ จากประสบการณ์ของเราในส่วนนี้ก็มีทั้งข้อดีและข้อจำกัดอยู่ ดังนี้

Advertisement

Advertisement

ข้อดีในการทำงานที่ออฟฟิศคือ

1. เราจะได้พบปะกับเพื่อนร่วมงาน เรื่องของการประสานงานหรือพูดคุยนั้นสะดวกและดำเนินการได้รวดเร็วกว่า ได้ปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง หากเราไม่เข้าใจตรงจุดไหนก็สามารถสอบถามได้ตลอด เหมือนเรามีการ Active ตัวเองในการทำงานอยู่ตลอดเวลาไปด้วยเลยหล่ะค่ะ

ssเครดิตภาพ : unsplash


2. ได้ฝึกการทำงานเป็นทีม เพราะงานหลาย ๆ ส่วน ต้องมีการทำงานร่วมกับฝ่ายอื่นด้วย

sเครดิตภาพ : unsplash


3. ฝึกให้เราเป็นคนมีวินัย เพราะทำงานออฟฟิศ ก็ย่อมมีกฎของบริษัทอยู่แล้ว ยกตัวอย่างเช่นเวลาเข้า-ออกงาน ห้ามใช้โทรศัพท์ ห้ามนำขนมมากินที่โต๊ะทำงาน เป็นต้น

sเครดิตภาพ : unsplash


4.) และที่สำคัญคือช่วยประหยัดต้นทุนในการต้องใช้อุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกในการทำงาน หากเทียบกับการทำงานจากที่บ้านเราก็จะต้องใช้ไฟฟ้าของตนเองทั้งหมด

Advertisement

Advertisement

sเครดิตภาพ : unsplash


ข้อจำกัดในการทำงานที่ออฟฟิศคือ

1.) ส่วนตัวเราคิดว่าการใช้ชีวิตในการไปทำงานของเราเปรียบเสมือนกับ 'หุ่นยนต์' กิจวัตรประจำวันเหมือนเดิมวนไปวนมา เหมือนมีการ Setting เอาไว้ กล่าวคือตื่นเช้าต้องเร้งรีบแต่งตัวไปทำงาน แข่งกับเวลาท่ามกลางคนจำนวนมาก ๆ

sssเครดิตภาพ : unsplash

2.) ในบางวันมื้อเช้าต้องพึ่งอาหารสำเร็จรูปอีกด้วยค่ะ สิ่งเหล่านี้อาจจะทำให้สุขภาพจิตของเรานั้นเสียมาก ๆ และผลที่ตามมาก็อาจจะทำให้งานที่เราทำมีผลลัพธ์ที่ไม่ดี
sเครดิตภาพ : unsplash


sเครดิตภาพ : unsplash

มาถึงส่วนของ Flexible Hours หรือก็คือ 'Work from Home' ในตอนนี้ โดยเราไม่ต้องตื่นและเร้งรีบที่จะต้องไปทำงานที่ออฟฟิศ สามารถทำงานได้จากที่ห้อง ซึ่งข้อดีที่เราเห็นชัด ๆ เลยก็คือ เราได้ทดลองใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เยอะแยะเลยค่ะ อาทิเช่น ห้องประชุมแชทอย่าง Zoom หรือ Skype ได้อย่างเต็มที่มาก ๆ ซึ่งโดยปกติหากทำงานที่ออฟฟิศเราแทบจะไม่ได้ใช้เทคโนโลยีพวกนี้เลยหรือจะใช้น้อยมาก ๆ อย่างต่อมาในการ Work from Home คือเรามองว่ามันมีความผ่อนคลายและช่วยลดความตึงเครียดได้มาก ๆ เพราะเราต้องทำงานที่ห้องที่บ้าน สำหรับหลาย ๆ คน 'บ้าน' เปรียบเสมือนกับ Place of Comfort zone เลยหล่ะค่ะ และเราเลือกที่จะนั่งทำงายในมุมในของบ้านก็ได้ หากเราเบื่อมุมในห้องนอนก็อาจจะย้ายไปมุมห้องนั่งเล่น หรือวันต่อ ๆ ไปจะย้ายไปมุมสวนหย่อมก็ยังได้เลยหล่ะค่ะ ถือว่าเราได้เพิ่มมุมและสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เยอะมาก และการอยู่บ้านจะทำให้เรารู้สึกอุ่นใจและมีแรงในการทำงาน ซึ่งในส่วนนี้จะทำให้งานที่ออกมามีประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับวิธีที่ทำให้เรารู้สึก Active ในการตื่นมาทำงานแบบ Flexible Hours หรือ Work from Home ก็คือ

Advertisement

Advertisement

ข้อดีในการทำงานที่ออฟฟิศคือ

1.) ตื่นเช้ามาอันดับแรก เราจะอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีค่ะ เพราะหากเราแค่ตื่นมาล้างหน้าแปรงฟันและอยู่ในชุดนอน จะทำให้เรารู้สึกเอื่อยเฉื่อยเหมือนสมองเรายังไม่เปิด

ssssเครดิตภาพ : unsplash


2.) ต่อมาคือการ 'ทานอาหารเช้า' เราทานเป็นพวกข้าวโอ๊ต ขนมปัง กล้วย หรือพวกนม กาแฟ ต่าง ๆ แต่ขอแนะนำว่าอย่าทานจนรู้สึกจุกและอิ่มมากเกินไป เพราะนั้นจะทำให้ตอนเราทำงานนั้นจะง่วงมาก ดังนั้นก้นแบบพอดิบพอดีค่ะ

ssssเครดิตภาพ : unsplash


3.) ระหว่างวันทำงานแบบ Flexible Hours อาจจะทำให้เรารู้สึกเบื่อหรือเหนื่อยล้า เราแนะนำให้เพื่อน ๆ หยุดพักและลองยืดเส้นยืดสาย หาน้ำผลไม้มาดื่ม ฟังเพลงที่ชอบ หรือจะเล่นกับสัตว์เลี้ยงก็ได้ค่ะ เพราะหากเราฝืนในการทำงานต่อไป งานเราจะออกมาไม่ดีเท่าที่ควร หากรู้สึกเบื่อล้าต้องหยุดก่อนนะคะ

sเครดิตภาพ : unsplash


ข้อจำกัดในการทำงานที่ออฟฟิศคือ

จะเห็นได้ว่าการทำงานที่บ้านนั้นมีข้อดีเยอะแยะมากมาย แต่ข้อเสียของการทำงานที่บ้านก็มีนะคะ อาทิเช่น

1.) ค่าไฟที่บ้านที่สูงขึ้น เนื่องจากการทำงานที่บ้านนั้นเราจะต้องใช้ไฟของเราทั้งหมด ไหนจะต้องเปิดไฟ เสียบแบตเตอรี่ Notebook หรือค่าพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศ

หเครดิตภาพ : unsplash

2.) ค่า Food Delivery เป็นต้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากเปรียบเทียบกับการเดินทางไปทำงานที่ออฟฟิศสำหรับบางท่านก็อาจจะ save cost มากกว่าค่ะ

กกเครดิตภาพ : unsplash

สำหรับเราแล้วไม่ว่าจะเป็นการทำงานแบบ Office Hours หรือ Flexible Hours (Work from Home) นั้นล้วนแต่มีทั้งข้อดีและข้อเสียด้วยกันทั้งนั้น แต่สิ่งหนึ่งที่เราได้จากประสบการณ์ของเราเองคือเรื่องของ 'สภาพแวดล้อมในการทำงาน' หากเราทำงานที่ออฟฟิศหรือทำงานที่บ้าน อย่างน้อยหนึ่งเดือนเราควรจะลองหาไอเดียการจัดโต๊ะแบบแบบใหม่ ๆ มาจัดอยู่เสมอ เพราะจะช่วยทำให้เราได้เห็นมุมมองหรือ inspiration ที่แตกต่างออกไป จะทำให้หัวของเราทำงานได้ดีและคิดงานออกมามีความ Productine มากยิ่งขึ้นค่ะ :)

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์