อื่นๆ
ความทรงจำที่ไม่เคยลืม ตอน ในที่สุดของขวัญก็มา
ความทรงจำที่ไม่เคยลืม ตอน ในที่สุดของขวัญก็มา
ประสบการณ์หนึ่งในชีวิตที่ไม่เคยลืม เพราะเรามัวแต่สร้างอนาคตหลังจากเรียนจบ และดูแลครอบครัวให้พ่อแม่ได้สุขสบายก่อน จึงตัดสินใจในการแต่งงานตอนอายุประมาณ 32 ปี หลังจากที่คบหาดูใจกันมาย่างเข้าสู่ปีที่ 8 ซึ่งลูกของเพื่อน ๆ วัยเดียวกันก็เป็นหนุ่มเป็นสาวทันใช้กันหมด พอแต่งงานหลายคนก็อยากจะมีสมบัติล้ำค่าที่มีชีวิตเป็นของตัวเองนะ ด้วยความตั้งใจที่อยากจะมีลูกมาก ไปซื้ออุปกรณ์ตรวจการตั้งครรภ์ทุกครั้งที่ประจำเดือนไม่มา ด้วยความคาดหวังไว้ว่าจะตั้งครรภ์
เมื่อหยดน้ำปัสสาวะแรกของเช้าวันนั้นลงไปในหลุมชุดตรวจการตั้งครรภ์ 1-2 หยด สำหรับหญิงที่ตั้งครรภ์จะมีฮอร์โมนการตั้งครรภ์เกิดขึ้นก็คือ ฮอร์โมน HCG เป็นฮอร์โมนที่ผลิตมาจากรก และจะทำให้แถบสีขึ้น 2 แถบ แสดงว่ามีการตั้งครรภ์แล้ว แต่ทุกครั้งที่ตรวจอันแล้วอันเล่า จะปรากฏเพียงแถบสีเพียง 1 แถบ เท่านั้น ก็แสดงว่าไม่มีการตั้งครรภ์ ชีวิตวนเวียนไปกับการลุ้นและซื้ออุปกรณ์สำหรับตรวจครรภ์ จนพนักงานขายจำหน้าได้ และในที่สุดก็เลิกคาดหวังในการตั้งครรภ์บอกกับตัวเองว่าถ้าจะมาคงจะมาเอง
Advertisement
Advertisement
อยู่มาวันหนึ่งในเดือนมกราคม ที่ทำงานจะจัดงานวันเด็ก และเราก็เป็นผู้ดำเนินโครงการนี้ ซึ่งเด็กๆในตำบลได้เข้ามาลงทะเบียนเพื่อร่วมงานและเล่นเกมตามซุ้มต่าง ๆ จนถึงเวลาในช่วงเวลาสุดท้ายของงาน โดยให้เด็ก ๆที่ลงทะเบียนทุกคนมารอลุ้นจับฉลากที่หน้าเวที ขณะนั้นเราจะต้องยืนควบคุมกิจกรรมอยู่ท่ามกลางเด็ก ๆ ที่เฝ้ารอการจับรางวัล อยู่รอบๆเรา แต่ทำไมวันนี้ได้กลิ่นเหงื่อเด็กเหม็นจังเลย ปกติจะไม่มีความรู้สึกของกลิ่นแบบนี้ แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดว่าตนเองจะตั้งครรภ์อะไรเลยนะเพราะยุ่งกับกิจกรรมมากกว่า พอกิจกรรมทุกอย่างเสร็จสิ้น น้องที่ทำงานในกองการศึกษาฯด้วยกันเห็นเราหน้าซีด ก็เข้ามาถามอาการ ซึ่งน้องเขาเคยมีลูกมาแล้วบอกว่าอาการแบบนี้น่าจะมีลุ้นนะ จึงอาสาไปซื้อที่ตรวจครรภ์มาให้ เมื่อได้ที่ตรวจครรภ์มาก็ทำการตรวจทันที ตอนนั้นหัวใจเต้นแรงมากลุ้นขอให้เป็นจริง แต่อีกใจก็กลัวจะผิดหวังอีกเพราะเคยไปคุยกับหมอที่โรงพยาบาล กินยาปรับฮอร์โมนต่าง ๆ ก็เหมือนเดิม
Advertisement
Advertisement
ในช่วงระหว่างการรอเราก็มองน้ำปัสสาวะที่หยดลงไป ที่กำลังเคลื่อนที่ผ่านแผ่นตรวจที่วางอยู่ขอบอ่างล้างหน้าค่อยๆปรากฏแถบสีแรกขึ้น และอีกไม่ถึงวินาทีก็ปรากฏแถบที่ 2 ความรู้สึกตัวชาจะทำอะไรก่อนดีมันคือเรื่องจริงแล้วใช่ไหมที่ถามตัวเองตื่น ๆ บอกกับตัวเอง หัวใจเต้นแรงมาก ร้องไห้โดยไม่รู้ว่าร้องไห้ทำไม ซึ่งในความคิดขณะนั้นจะเก็บเอาไว้ก่อนแล้วค่อยบอกสามี หรือโทรบอกเลย รู้สึกสับสนในที่สุดแม่ก็ตัดสินใจโทรบอกสามี ประมาณว่าเก็บความลับคนเดียวไม่อยู่ค่ะ
สามีรีบพาไปฝากท้องที่โรงพยาบาลเพราะตื่นเต้น และคิดว่าต้องดูแลเขาให้ดีที่สุด วันที่ไปฝากท้องบอกเลยว่าจำไม่ได้ว่าประจำเดือนมาครั้งสุดท้ายวันไหนเพราะบางทีเว้นไป 2 เดือน บางทีเว้น 3 เดือน ไม่ได้จดข้อมูลไว้ พยาบาลซักถามข้อมูลก็ตอบไม่ชัดเจนไม่เป็นไรก็ยอมให้พยาบาลบ่น พอเข้าห้องพบคุณหมอวันแรกคุณหมอผู้หญิงแซวแม่ว่า “ จะรีบมาฝากท้องทำไม ดูสิยังอัลตราซาวด์ไม่ค่อยเห็นเลย ” เมื่ออัลตราซาวด์เสร็จหมอให้แผ่นฟิล์มมา 1 แผ่นเล็ก ๆ เห็นตัวลูกนิดเดียว และก็นำแผ่นกระดาษนี้ไปติดไว้ที่หน้ากระจกแต่งตัวในห้องนอนเพราะว่า เวลามาแต่งตัวจะได้มองเห็นทุกวัน ”
Advertisement
Advertisement
ในภาพความคิดระหว่างท้องจะบำรุง บำรุง และบำรุง จากนั้นตัดมาที่ภาพความเป็นจริง เป็นคนที่อาภัพในการกินมาก ไม่ใช่ไม่มีเงินซื้อแต่หมอให้ควบคุมอาหารต้องพยายามทำตัวเองให้กินพอดีห้ามกินมากเกินไปและน้อยเกินไป เพื่อต้องดูแลชีวิตน้อยๆที่อยู่ในท้องไม่ให้มีอันตราย ตอนนั้นตั้งครรภ์ได้ประมาณ 4 เดือน น้ำหนักเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 2 เดือน เดือนละ 2 กิโลกรัม หมอเลยให้ตรวจเลือด ผลปรากฏว่าค่าน้ำตาลในกระแสเลือดสูงหรือพูดง่าย ๆ ว่าถ้าควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้จะเป็นเบาหวานระยะตั้งครรภ์ อาจรุนแรงถึงขั้นครรภ์เป็นพิษอาจทำให้ลูกในครรภ์มีอาการตัวโตเกินไป ตาบอด หรือขั้นร้ายแรงครรภ์เป็นพิษ แม่และลูกอาจเสียชีวิตได้ถ้าควบคุมอาหารได้ไม่ถึงขั้นที่ต้องฉีดอินซูลิน ทางโรงพยาบาลได้ให้นักโภชนาการมาให้ความรู้ว่าเราควรจะกินอะไร ปริมาณเท่าไร ช่วงแรก ๆ ก็เครียดอยู่เหมือนกัน ก็อารมณ์คนท้องอยากกินแต่ไม่ได้กิน ห้ามกิเลสตัวเองสุดๆ บางครั้งเปิดตู้เย็น 10 รอบเพื่อเปิดดูอาหารแล้วปิด แต่ก็เตือนตัวเองเสมอว่าเพื่อลูกคนเป็นแม่ต้องทำได้ทุกอย่าง เพื่อให้เขาออกมาดูโลกอย่างสมบูรณ์และปลอดภัยที่สุด
เมื่อตั้งครรภ์ประมาณ 6 สัปดาห์ ตามตำราต่างๆ จะเขียนเอาไว้ว่าเด็กในครรภ์จะเริ่มมีหู จะสามารถฟังและได้ยินที่เราพูดกับเขาได้แล้ว ซึ่งทุกวันที่อาบน้ำ จะร้องเพลงให้ลูกฟังก่อนเสมอ ถึงแม้จะไม่ตรงกับคีย์เท่าไหร่ก็ตาม บางวันก็พาท่อง ก-ฮ และ A-Z ว่างๆก็เปิดธรรมะให้ฟัง บางทีก็อ่านหนังสือเรื่องนั้นเรื่องนี้ สำหรับพ่อก็ไม่น้อยหน้าพอกลับมาจากที่ทำงานสงสัยกลัวว่าลูกจะจำเสียงพ่อไม่ได้ พ่อก็มาเล่น มาคุยด้วยตลอดโดยผ่านท้องของแม่ พ่อบอกว่าจะได้ให้ลูกคุ้นหูเอาไว้ และพ่อจะเป็นฝ่ายจัดสรรทรัพยากรสรรหาอาหาร ไม่ว่าจะไปไหนก็จะต้องโทรมาถามแม่อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมวันนี้
แต่สิ่งที่อยากกินกลับกินไม่ได้ อาหารคุณหมอแนะนำและโดนควบคุมปริมาณอาหาร เนื่องจากเป็นเบาหวานระยะตั้งครรภ์ ซึ่งผักรับประทานไปเลยไม่ห้ามอะไร ปลา ผลไม้ที่ไม่หวานจัดแต่ให้ในปริมาณที่จำกัด ข้าวใน 1 มื้อ ให้ทาน 1 ทัพพีไม่พูน อาหารที่จะไม่ทำให้น้ำตาลขึ้น ถ้าจะกินหมูจะกินได้แค่ 2 ชิ้นความยาวประมาณนิ้วชี้ ถ้าเป็นผลไม้หวาน ๆ เช่น แตงโมหวานในมื้อนั้น 2 ชิ้นเล็ก ๆหรือ เงาะได้ 2 ลูก แต่ในมื้อนั้นต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้นไม่ใช่ให้กินแตงโมพร้อมเงาะ โชคดีนะที่เป็นคนไม่กินทุเรียนไม่อย่างนั้นไปกันใหญ่ ดังนั้น อาหารประจำที่กินได้ก็แกงเห็ด ผักเยอะๆ ปลาเผา ปลานึ่ง ปลาต้ม น้ำพริกผักต้มวนไป ส่วนข้าวหมอให้ทานเพียงมื้อละ 1 ทัพพี
ประมาณสัปดาห์ที่ 30 เจ้าตัวยุ่งในท้องเริ่มเคลื่อนไหวเก่งขึ้น เมื่อได้ยินเสียงพ่อพูดว่ากลับมาแล้ว หลังจากกลับมาจากที่ทำงาน เด็กน้อยจะส่งสัญญาณโดยการดิ้นถีบท้องแม่ไปมา ผนังท้องของแม่ปูดซ้าย ปูดขวาเลยทีเดียว อีกไม่นานก็ใกล้จะ 38-40 สัปดาห์แล้ว จะคลอดแล้ว เดี๋ยวจะมาเล่าความทรงจำไม่เคยลืม ตอน เหตุการณ์ในห้องคลอด รอติดตามนะคะ
เขียนโดย BSขอบอก
ขอบคุณเครดิตภาพปกจากMJ Jin / Pixabay และ canva
ขอบคุณเครดิตภาพประกอบที่ 1 จาก No-longer-here / Pixabay
ขอบคุณเครดิตภาพประกอบที่ 2 จากPeggy und Marco Lachmann-Anke / Pixabay
ขอบคุณเครดิตภาพประกอบที่ 3 จากTerri Cnudde / Pixabay
เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !
ครูวิทยาศาสตร์ มีความคิดอยากถ่ายทอดเรื่องราวที่เป็นประโยชน์ เพื่อว่าเรื่องราวที่เขียนขึ้นจะสามารถเป็
ความคิดเห็น