อื่นๆ
ความห่วงใย ที่ถูกมองข้าม
"กริ๊งๆ" เสียงเรียกเข้าจากมือถือดังขึ้น ฉันแค่เหลือบสายตามองหน้าจอว่าใครโทรมา "แม่" ฉันถอนหายใจก่อนกดตัดสายเรียก แล้วก้มหน้าก้มตาทำงานที่กองสูงอยู่บนโต๊ะต่อ ในใจก็คิดแค่ว่าเดี๋ยวโทรกลับคงไม่เป็นไรหรอก แต่สุดท้ายฉันก็ลืม จนเลิกงานกลับบ้าน
แล้วในวันนี้ เสียงเรียกเข้าจากมือถือ ที่โชว์หน้าจอคำว่า "แม่" ไม่มีอีกแล้ว
วันนั้น เป็นวันที่ฉันคงไม่สามารถลบออกไปจากความทรงจำของฉันได้ ที่รพ.รัฐแห่งหนึ่ง หน้าห้องคุณหมอ ฉันนั่งเล่นเฟส เล่นไลน์ระหว่างรอฟังผลตรวจร่างกายของแม่ แล้วฉันก็อ่านเจอข้อความหนึ่งในเฟส "ผู้เขียน เขียนเล่าเรื่องของคุณแม่ ที่เวลาที่แม่โทรมาหาแล้วผู้เขียนไม่รับสาย เพราะคิดว่าคงไม่มีเรื่องสำคัญอะไร หรือแม้แต่ผู้เป็นแม่ ส่งรูปมาในไลน์สวัสดีทุกวัน ผู้เขียนรู้สึกยังไง ผู้เขียนก็บอกว่า ตัวเองทำงานเครียดมาก จึงไม่ค่อยได้สนใจเรื่องเหล่านี้ ยังไงก็กลับบ้านได้เจอกันทุกวันอยู่แล้ว ผู้เขียนพยายามอยากจะสื่อว่า ความเป็นห่วงของผู้เป็นแม่ห่วงลูกมากแค่ไหน ถึงลูกคิดว่าตัวเองโตแล้ว มีงานทำ มีรายได้เลี้ยงตัวเอง แต่ในความรู้สึกของผู้เป็นแม่ก็ยังห่วงและรักลูกเสมอผู้เขียนได้สรุปตรงที่ว่า เมื่อวันหนึ่ง ผู้เป็นแม่จากไป ผู้เขียนรู้สึกอย่างไร "
Advertisement
Advertisement
พอฉันอ่านมาถึงบทสรุป บทความนี้ได้สะท้อนหลายด้านที่คล้ายกับฉัน แต่ฉันก็ยังคิดเข้าข้างตัวเองว่า แม่ของฉันยังไม่เป็นอะไรหรอก แม่เป็นหญิงแกร่งเสมอในสายตาของฉัน ต่อไปนี้ฉันจะรับสายแม่ให้มากขึ้นกว่าเดิม
จากนั้นเสียงของพี่พยาบาลก็ดังขึ้น เรียกให้ฉันเข้าไปพบคุณหมอในห้อง คุณหมอได้แจ้งผลการตรวจของแม่ว่า "ที่ปอดมีปัญหาติดเชื้อ ให้รีบพาคุณแม่มารพ.เพื่อรับรักษาโดยเร็ว" ตอนนั้น ฉันรีบโทรหาแม่ แต่แม่ไม่รับสาย ฉันเลยโทรหาพ่อ ให้ช่วยไปดูแม่ให้หน่อย
ผ่านไปไม่กี่นาที พ่อก็โทรกลับมาหาฉัน บอกฉันว่า "แม่ไม่รู้สึกตัว ให้รีบกลับบ้าน" ซึ่งพ่อได้ติดต่อรถพยาบาลจากรพ.ที่ใกล้บ้านที่สุดมารับแม่แล้ว คุยสายยังไม่ทันจบ แบตมือถือของฉันก็หมด แล้วรพ.อะไรล่ะ? รพ.ใกล้บ้านมีตั้ง 2-3 รพ.
ฉันรีบวิ่งกลับเข้าไปที่รพ.รัฐแห่งนั้น เพื่อขอชาร์ตแบตกับใครก็ได้สักคน ให้ฉันสามารถโทรกลับหาพ่อได้ มันเป็นเวลาที่ทำให้ฉันรู้สึกถึงความสำคัญของมือถือเลยว่ามันสำคัญแค่ไหน มือถือไม่ได้มีไว้ให้ฉันเล่นโซเชียลจนแบตหมดนะ ฉันนึกโทษตัวเองในใจ
Advertisement
Advertisement
ฉันแทบไม่เคยจำเบอร์โทรของใครเลย เบอร์ติดต่อทุกเบอร์อยู่ในมือถือหมด พี่พยาบาลจะให้ยืมโทรศัพท์โทรออก ฉันกลับนึกเบอร์โทรใครไม่ออกสักเบอร์ แม้แต่เบอร์พ่อของตัวเอง ฉันต้องรอชาร์ตแบตเท่านั้น เจ้าหน้าที่ในรพ.ก็พยายามหาสายชาร์ตให้ จนฉันได้ชาร์ตมือถือกับพาวเวอร์แบงค์ พอชาร์ตได้ 5% ฉันขอบคุณเจ้าหน้าที่รพ. แล้วรีบโทรกลับหาพ่อ แต่พ่อไม่รับสาย
นิ้วของฉันกดโทรออก ส่วนขาก็วิ่งไปที่ถนน เพื่อหารถแท็กซี่กลับบ้าน แต่ทำไม? ไม่มีรถแท็กซี่สักคัน เสียงมือถือก็ดังขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเป็นสายจากเพื่อนบ้านที่โทรเข้ามาบอกว่า "ตอนนี้พ่อพาแม่ไปที่รพ.ใกล้บ้านแล้ว ให้รีบตามไปที่รพ.ชื่อ...." พอดีกับที่มีมอเตอร์ไซค์วินขี่ผ่านมา ฉันรีบโบก แล้วยกมือไหว้ขอให้ช่วยไปส่งฉันที่รพ.นั้นหน่อย พี่วินผู้ใจดี ยอมขี่ไปส่งให้ ฉันขอร้องพี่วินให้ขี่เร็วขึ้น เพราะแม่อยู่ที่รพ. พี่วินก็เร่งให้เต็มที่ จนถึงรพ. ฉันรีบวิ่งตรงไปที่ห้องฉุกเฉิน
Advertisement
Advertisement
ที่หน้าห้องฉุกเฉิน พ่อของฉันนั่งรอฉันอยู่ แล้วพ่อก็พูดว่า " แม่เค้าไม่อยู่แล้วนะลูก เข้าไปลาแม่ซะ" ฉันวิ่งเข้าไปในห้อง ภาพที่ฉันเห็น แม่นอนนิ่งอยู่บนเตียงของรพ. น้ำตาของฉันเริ่มไหล ไม่จริงใช่มั้ย? แม่ต้องยังอยู่ซิ เมื่อเช้าแม่ยังนั่งมองดูฉันไปทำงานอยู่เลย เมื่อกี้ก่อนฉันไปฟังผลที่รพ. แม่ยังคุยกับฉันทางมือถืออยู่เลย ฉันร้องไห้ดังมาก พี่พยาบาลเดินเข้ามาปลอบ แล้วอธิบายสถานการณ์ช่วงเวลาที่ฉันไม่ได้อยู่ตรงนั้น ฉันยังร้องไห้ไม่หยุด พ่อค่อยๆเดินตามเข้ามา เตือนฉันว่า "ระวังน้ำตาอย่าให้ไปโดนแม่ แม่เค้าจะเป็นห่วง" ฉันเริ่มได้สติ ก้มกราบลงที่เท้าของแม่ ฉันจับเท้าของแม่ เท้าแม่ยังอุ่นอยู่เลย แล้วฉันก็พูดว่า "แม่จ๋า ไม่ว่ากายกรรม วจีกรรมใดที่ลูกคนนี้ได้ล่วงเกินแม่ไป ลูกขออโหสิกรรมนะจ้ะ แม่จ๋า" ฉันกลั้นน้ำตาเพื่อไม่ให้น้ำตาไหลโดนเท้าของแม่
ฉันเอามือของแม่มาวางบนหัวของตัวเอง นึกย้อนถึงภาพที่มือนี้เคยอุ้มฉันในตอนเด็ก มือที่คอยเย็บเสื้อผ้าชำรุดให้เด็กคนนี้จนโต ต่อจากนี้ จะไม่มีมือนี้คอยโอบกอดฉันอีกแล้ว พี่พยาบาลเอาผ้าขาวคลุมตัวแม่ของฉัน แล้วเข้ามาแนะนำฉันว่าต้องดำเนินการยังไงต่อ จากนั้นฉันก็เดินออกไปจ่ายเงินค่ารถให้พี่วิน ขอบคุณที่ขี่พาฉันมาถึงรพ.ด้วยความปลอดภัย พี่วินไม่พูดอะไร คงเข้าใจสถานการณ์ของฉัน จากเสียงร้องไห้ของฉันที่ดังลั่นรพ. ฉันต้องเดินไปขอยืมสายชาร์ตจากเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของรพ. เพื่อจะได้โทรติดต่อแจ้งญาติๆ และแจ้งวันทำพิธีทางศาสนา
สภาพของฉันตอนนั้น อยากจะถามตัวเองเหมือนกันว่า "เราศึกษาธรรมะทางพุทธศาสนาน้อยไปงั้นเหรอ?" ถึงไม่สามารถปล่อยวาง ยังยึดติด ไม่ยอมรับกฎของธรรมชาติ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ฉันถึงได้เสียใจมากมายขนาดนั้น ขาดสติ จนเป็นโรคซึมเศร้า ฉันเคยคิดนะว่า เมื่อเราโตขึ้น พ่อกับแม่ของเราก็ต้องแก่ลง ฉันรู้ว่าสักวัน ท่านก็ต้องจากเราไป แต่ทำไม? พอวันนั้นมาถึงจริงๆ เรากลับทำใจรับไม่ได้ ซึ่งไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว ทุกคนก็ต้องผ่านเหตุการณ์จากลา อย่างไม่มีวันหวนกลับมาพบกันได้อีก
ถ้าฉันสามารถย้อนเวลากลับไปได้ "ฉันอยากจะทำให้ช่วงเวลาที่เรายังอยู่ด้วยกัน เห็นหน้ากัน พูดคุยกันได้ เป็นช่วงที่ดีและมีความสุขที่สุด" แต่...มันไม่มีทางเป็นไปไม่ได้
ตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ พฤติกรรมเกี่ยวกับมือถือของฉันเปลี่ยนไป ทุกครั้งที่เสียงเรียกเข้าดังขึ้น ถ้าหน้าจอแสดงชื่อของคนในครอบครัว หรือคนที่ฉันรู้จัก ฉันจะรีบรับสายทันที ถ้างานยุ่งมากๆ ก็จะไลน์บอก แล้วฉันก็จะไม่ลืมโทรกลับ รวมทั้งไลน์ที่ทุกคนส่งทักทายฉันทุกเช้า ฉันจะส่งไลน์ตอบกลับเสมอ เพื่อเป็นการบอกว่า "ฉันยังสบายดี ไม่ต้องห่วงนะ" และเสียงเรียกเข้า เสียงไลน์เหล่านี้ยังบอกให้ฉันรู้ว่า ยังมีคนที่ห่วงและนึกถึงฉันอยู่ แล้วพวกเขาก็ยังสบายดี อาจจะมีความสุขอยู่ที่ไหนสักแห่งที่อาจจะไกลกัน แต่เรายังติดต่อสื่อสารกันได้
มือถือไม่ได้มีไว้ให้อ่านข้อมูลความรู้ เล่นโซเชียลหรือขายของออนไลน์เท่านั้น มันยังเป็นเครื่องมือสื่อสารที่ส่งความห่วงใย ความรัก ความคิดถึงกันได้อีกด้วยนะ
"รับสายบ้าง ตอบไลน์บ้าง video call ถึงกันบ้างบางเวลา ก่อนที่สักวันหนึ่ง เสียงเรียกเข้า หรือ เสียงไลน์ ของคนๆนั้นจะหายไปตลอดกาล"
บทความนี้มาจากประสบการณ์ชีวิตจริงของผู้เขียน
ภาพปก ถ่ายโดย analogicus / pixabay
ภาพที่ 1 ถ่ายโดย mohamed_hassan / pixabay
ภาพที่ 2 ถ่ายโดย gyansingh13 / pixabay
ภาพที่ 3 ถ่ายโดย jclk8888 / pixabay
ภาพที่ 4 ถ่ายโดย KELLEPICS / pixabay
*STAR COVER"อย่ามัวแต่ดูมาดังกัน"*
ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ขอชวนทุกคนมาสนุกโคฟเวอร์ พร้อมลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท (5 รางวัล) โคฟคนที่ใช่ ไลค์คนที่ชอบ`ร่วมสนุกได้ที่ ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ห้อง cover บนแอปทรูไอดี`
คลิกเลย >> https://ttid.co/UAnK/7y9jfqkq
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://bit.ly/3O1cmUQ
ร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 - วันที่ 3 สิงหาคม 2565
ประสบการณ์ชีวิต มีทั้งดีและไม่ดี แต่เชื่อเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเสมอ ถ้ายังมีลมหายใจ
ความคิดเห็น