ไลฟ์แฮ็ก
ความแตกต่าง "Leader" vs "Boss"

เครดิตภาพ : unsplash
หลาย ๆ คนคงมักจะสับสนคำว่า 'Leader' และ 'Boss' ซึ่งเราอาจจะเข้าใจกันว่าสองคำนี้ก็มีความหมายและมีบริบทที่คล้าย ๆ กันนั้นก็คือ 'หัวหน้า' แต่จริง ๆ แล้วทั้งสองคำนี้มีความหมายที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง วันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ มาหาคำตอบกันว่าแท้จริงแล้วความหมายของทั้งสองคำนี้คืออะไร? และมันมีความแตกต่างหรือบริบทต่างกันอย่างไร? หากพร้อมแล้วไปลุยกันเลยค่ะ 🙂
เครดิตภาพ : unsplash
มาเริ่มกันที่ 'Leader' ซึ่งคำนี้จริง ๆ แล้วก็มีตัวย่อมาจากคำว่า 'Leadership' จะมีความหมายแปลว่าภาวะผู้นำ เป็นเรื่องของบุคลิก ลักษณะท่าทาง ความคิดและทัศนคติหรือมุมมองในการมองโลก เป็นต้น โดยแท้จริงแล้ว 'Leader' ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งหรือภาวะหน้าที่ แต่จะขึ้นอยู่กับคุณนั้นมีภาวะผู้นำมากแค่ไหนที่ทำให้คนเคารพหรือนับถือคุณ ดังคำกล่าวว่า Leadership is an action, not a position. — Donald MaCannon
Advertisement
Advertisement
ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราสามารถ 'สร้าง' มันขึ้นมาได้ แล้วถ้าหากอยากจะสร้างภาวะผู้นำที่ดีนั้นเป็นยังไงหล่ะ?
1.) สิ่งแรกที่คุณควรคำนึงถึงเลยก็คือ 'Open your HEART to open your MIND' การเปิดใจให้กว้าง หากคุณสามารถเปิดใจและรับฟังความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะของคนรอบข้างหรือผู้น้อย อย่างที่เขาบอกกันมาว่า ห้ามทำตัวเป็นคนน้ำเต็มแก้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนเราทุกคนไม่มีใครรู้ทุก ๆ เรื่องบนโลกใบนี้ได้หมดหรอก บางอย่างเขารู้เราไม่รู้ บางอย่างเรารู้เขาไม่รู้ก็มีเยอะแยะไป ซึ่งการที่เราเปิดใจรับฟังเราจะได้เห็นมุมมองเหมือนได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ไปในตัวอีกด้วย
2.) 'การให้กำลังใจและแรงกระตุ้น' เราเคยได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งเมื่อหลายปีมาแล้ว ชอบและชอบประโยคที่ว่า 'มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องบริโภคกำลังใจ' ซึ่งทุกคนล้วนแต่เป็นสัตว์สังคมที่จะต้องเติมพลังอะไรที่มัน Positive กับตัวเองอยู่เสมอ หนึ่งในนั้นก็คือกำลังใจค่ะ หากเราเป็นผู้นำเราต้องหมั่นให้คำแนะนำและกำลังใจแก่พนักงานหรือลูกน้องของเราอยู่เสมอ ซึ่งสิ่งนี้จะมาพร้อมกับ Motivation หรือแรงกระตุ้นจูงใจ ในที่นี่ก็หมายถึงเรื่องของการทำงาน ซึ่งจะช่วยทำให้ประสิทธิภาพหรืองานที่ออกมาดีขึ้นอีกด้วยหล่ะค่ะ เห็นแบบนี้แล้วก็ต้องหมั่นเติมกำลังใจให้กันบ่อย ๆ นะคะ
Advertisement
Advertisement
3.) สุดท้ายที่จำเป็นและควรมีอย่างยิ่งคือ 'ทักษะการสื่อสาร' การเป็นผู้นำแน่นอนว่าจะต้องมีการเจรจาและสื่อสารอยู่ตลอดเวลา มี Key หลักคือ พูดให้ตรงประเด็นที่กำลังจะสื่อสาร พูดตรง ๆ ว่าคุณต้องการงานแบบไหนแนวไหน พูดให้ชัดและมีการทวนเพื่อความแน่ใจ และในทางกลับกัน คุณต้องรับฟังและเข้าใจผู้อื่นอีกด้วย เพียงแค่นี้งานที่ออกมารับรองว่ามีประสิทธิภาพแน่นอนค่ะ
4.) การมองการไกลมองเรื่องพัฒนาคน คือพูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือผู้นำจะมองภาพรวมและกว้างของคนในองค์กร อาทิเช่น องค์กรของเรามี 5 แผนก/ฝ่าย ผู้นำจะมองเป็นกลุ่มก้อนเดียวกันหมด และมองว่าความสำเร็จขององค์กรเกิดจากความร่วมมือร่วมใจกันของทุกฝ่าย
*ดังนั้นเราจึงจะต้องจำไว้ให้แม่นว่าหากคุณอยากที่จะเป็นผู้ Leader (ผู้นำ) ที่ดี ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมี Leadership (ภาวะผู้นำ)
Advertisement
Advertisement
เครดิตภาพ : unsplash
มาถึงคำว่า 'Boss' พูดและแปลภาษาง่าย ๆ เลยก็คือ 'เจ้านาย' ซึ่งในที่นี้จะมาพร้อมกับคำว่าตำแหน่งหน้าที่ แต่การเป็นหัวหน้าหรือเจ้านายที่ดีของลูกน้องนั้นไม่ได้ง่ายเหมือนที่คิดนะคะ เพราะอำนาจที่ได้มามาพร้อมกับภาระหน้าที่ต่าง ๆ จะต้องสามารถเอาชนะใจคนในองค์กรหรือผู้ใต้บังคับบัญชาให้ได้ สามารถนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จเป้าหมายที่วางเอาไว้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนจะต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ เห็นไหมหล่ะคะ ว่าการเป็นหัวหน้าซับซ้อนกว่าที่คิดเยอะเลย
- ข้อเสียของ Boss
- มักจะมองลูกน้องหรือผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาเสมือนเป็นเครื่องจักรที่ไม่มีจิตวิญญาณ มุ่งเน้นแต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้มองถึงกระบวนการหรือลูกน้อง
- ยึดติดกับคำว่า 'Comfort Zone' มากเกินไป จนกลัวและไม่กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรในองค์กร และยังมองว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่ยุ่งยาก ดังนั้นการทำแบบนี้จะทำให้เกิดการถดถอยขององค์กร
- 'ผู้ควบคุม' มองว่าตัวเองมีอำนาจและเป็นใหญ่ในองค์กรอยู่เพียงผู้เดียว ไม่เปิดโอกาสและปิดกั้นลูกน้องในเรื่องของการแสดงความคิดเห็น
เรามาดูการเป็น บอสในฝันของลูกน้อง จะต้องทำอย่างไรบ้าง?
1.) บอสที่ดีคือจะต้องมีการดึงศักยภาพหรือความสามารถของลูกน้องออกมาใช้ในการทำงานได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ ซึ่งเราต้องมองก่อนว่าลูกน้องของเราทุกคนของเราเป็นเสมือนครอบครัวของเรา หากมีอะไรดี ๆ ต้องป้อนใส่และให้การสนับสนุน หากมีการผิดพลาดอย่าใช้อารมณ์ให้คิดว่าติเพื่อก่อให้เกิด เพียงเท่านี้คุณจะเป็น The Dream Boss ของเหล่าลูกน้องแล้วหล่ะค่ะ
2.) 'บริหาร' ไม่ใช่ 'บงการ' ซึ่งข้อนี้สำคัญมากนะคะ ดังคำกล่าวคือการบริหารคือศิลปะอย่างหนึ่ง เป็นกระบวนการในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้บรรลุตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่ได้วางเอาไว้ ดังนั้นต้องอาศัยร่วมมือร่วมใจของทั้งบอสและทุกฝ่ายในองค์กร
3.) เอาใจเขามาใส่ใจเรา ให้เรามองว่าลูกน้องหรือผู้ใต้บังคับบัญชานั้นเป็นเสมือน 'ทรัพยากรหลักและมีค่า' ในการทำงาน เราต้องให้ความสำคัญแก่ความรู้สึกของคนในองค์กร คอยถามไถ่และสังเกตุอยู่เสมอ
ก็จบลงไปแล้วนะคำสำหรับ 'Leader VS Boss' ว่ามีความแตกต่างกันสุด ๆ ได้เห็นข้อดี ข้อเสีย และแต่ละตำแหน่งควรมีคุณสมบัติอย่างไรหรือควรมีทัศคติอย่างไรต่อผู้ใต้บังคับบัญชา เราหวังว่าบทความของเราจะเป็นประโยชน์แก่ทุกคนนะคะ I hope you are a good leader and boss 🙂
เครดิตภาพ : unsplash
ความคิดเห็น






