อื่นๆ
คุณหมอตากีกาวา ผู้สอนให้รู้จักคำว่า ไม่เป็นไร

ไม่เป็นไร แล้วมันก็ผ่านไป คำพูดปลอบใจตัวเอง เวลาเจอเรื่องไม่สบายใจ
ไม่เป็นไร ซ่อมแล้วก็ใช้ได้เหมือนเดิม พูดกับตัวเองเมื่อรู้ว่า จักรยานแค่เบรกขาด เปลี่ยนเส้นใหม่ก็ใช้ได้แล้ว
คำว่า ไม่เป็นไร มีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตของผู้เขียน และคนแรก ๆ ในชีวิตที่สอนให้ผู้เขียนรู้จักกับคำนี้ คือ คุณหมอ ตากีกาวา คุณหมอชาวญี่ปุ่นที่ผู้เขียนไปหาเสมอเวลาไม่สบายในช่วงวัยเด็ก 
คุณหมอเปิดคลินิกอยู่ที่ไหนสักแห่งหนึ่งใกล้กับตลาดสามย่าน ถิ่นฐานบ้านเก่าของผู้เขียนที่ตอนนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของสามย่านมิตรทาวน์ไปแล้ว คำว่า "ไม่เป็นไร" ของคุณหมอ จะต่อด้วยคำที่ผู้เขียนได้ยินว่า "กาย หัวใจ" หรือ "ไกลหัวใจ" ก็ไม่แน่ใจ รู้แต่ว่าคุณหมอพูดช้า ๆ หลังจากตรวจร่างกายเสร็จ
อาม่าเป็นคนพาผู้เขียนและลูกพี่ ลูกน้องทั้งหญิงและชายไปหาคุณหมอ เวลาที่เห็นว่า หลาน ๆ ไม่สบายกัน ส่วนใหญ่ก็ปวดหัว ตัวร้อน หวัด วิธีการตรวจรักษาของคุณหมอ ผู้เขียนก็ยังจำได้ เริ่มจากถามอาการว่า มาหาหมอวันนี้ เป็นอะไรกันมา มีปัญหาอะไร แล้วก็ให้ขึ้นไปนอนบนเตียงที่คลุมด้วยผ้าใบสีเขียวน้ำทะเล มีหมอนลูกเล็กที่ปลอกหมอนเป็นผ้าฝ้ายสีขาวสะอาดสะอ้านตา คุณหมอจะเอาสเต็ตมาแตะที่หน้าอก และด้านหลัง ให้สูดลมหายใจเข้า ออก ลึก ๆ แล้วก็วัดความดัน ต้องมีเส้นยางสีดำ ๆ มารัดแขนให้แน่น ตรวจดูเปลือกตา ให้อ้าปาก ใช้ไม้กดลิ้น อีกมือก็ถือไฟฉายส่องดูกันถึงลิ้นไก่ พร้อมกับให้ออกเสียง อาาาาาาา
Advertisement
Advertisement
หลังตรวจเสร็จ คุณหมอก็จะโน้มตัวลงมา ยิ้มให้ราวกับเป็นคุณตาใจดีที่พูดกับหลานตัวเล็กว่า ไม่เป็นไร กาย หัวใจ หรือไกลหัวใจนี่แหละ เพราะคุณหมอจะตบเบา ๆ ที่หน้าอกของคุณหมอขณะพูดประโยคนี้ หลังจากนั้น เราก็จะออกมารับยาที่คุณหมอเขียนสั่งและมีพยาบาลจัดให้ ส่วนใหญ่ยาที่ได้รับสำหรับพวกเราจะเป็นยาน้ำ มีทั้งยาน้ำสีใส ยาน้ำสีเขียว และยาน้ำสีแดง ในขวดพลาสติกทรงแบน มีฝาสีน้ำเงิน ข้างขวดมีบอกขนาดบรรจุ เป็น ซีซี ไว้ แต่ถ้าใครได้รับยาเม็ดในซองยากระดาษสีขาว มีตัวหนังสือสีน้ำเงิน จะภูมิใจมากว่า โตกว่าคนอื่น ๆ ได้กินยาที่ไม่เหมือนใคร เป็นสิ่งที่อิจฉากันอยู่นิดหน่อย จำได้ประมาณนี้
ที่ผู้เขียนชอบเวลานึกถึงเรื่องนี้คือ คุณหมอไม่เคยรู้สึกว่า การเจ็บป่วยของเด็ก ๆ มีอะไรรุนแรง ทุกอย่างมีทางแก้ไข และคุณหมอรักษาได้ ทุกเรื่องราวแก้ไขได้ นับว่าเป็นทัศนคติเชิงบวก
Advertisement
Advertisement
บางคราว อาม่า ก็สงสัย เด็ก ๆ ไปทำอะไรมา ถึงจู่ ๆ ก็มีไข้สูง คุณหมอจะมีวิธีตรวจหาสาเหตุที่น่ารัก ๆ เช่น ให้คนไข้ตัวน้อยที่ตัวร้อน ไปลองนั่งกระโถน ทำใจสบาย ๆ ดื่มน้ำสักแก้ว ไม่นาน ขับถ่ายออกมา ไข้ก็ลด นี่เองวิธีรักษาแบบหนึ่งของคุณหมอ ไม่ต้องจ่ายยาโดยไม่จำเป็น ดูแล ประเมินไปทีละ step
อีกหนึ่ง ไม่เป็นไร ของคุณหมอ ก็คือ จะไม่เรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลทันที
คุณหมอจะให้เจ้าหน้าที่จดรวบรวมรายการตรวจรักษา ยาที่จ่ายให้ พอสิ้นเดือนก็ค่อยคิดค่าใช้จ่ายกันทีหนึ่ง ทำให้เวลาอาม่าพาเดินไปคลินิก ไม่ต้องพกสตางค์ติดตัวเพื่อการนี้ไปด้วย ไปกับเด็ก ๆ หลายคน แค่นี้ก็รุงรังพอแล้ว เพราะเด็ก ๆ ก็เจี๊ยวจ๊าวกันน่าดูเวลาได้ออกนอกบ้าน ไม่ค่อยจะรู้สึกว่าตัวเองป่วยอะไรหรอก
มาถึงวันนี้ ทั้งคลินิกและตัวคุณหมอ รวมถึงบ้านหลังเก่าของผู้เชียนที่ย่านสามย่าน ก็เป็นแค่อดีต แต่คำว่า "ไม่เป็นไร กาย หัวใจ (ไกลหัวใจ)" จากคุณหมอ ยังก้องในใจ และย้ำเตือนว่า ทุกอย่างเป็นไปได้ ปัญหาทุกอย่างแก้ไขได้ แค่ตั้งใจ คิดหาหนทาง เราย่อมเจอคำตอบที่น่าพอใจ เหมือนที่คุณหมอทำให้ดูเป็นตัวอย่าง
Advertisement
Advertisement
เขียนไว้ด้วยความรู้สึก "ขอบคุณ" คุณหมอและคุณพยาบาลค่ะ
14 มิถุนายน 2564
#kamon #TrueIDIntrend #ไม่เป็นไร #คิดบวก #PositiveThinking #CheerUp #กำลังใจ #ทุกเรื่องราวแก้ไขได้
เครดิต
ภาพปก โดย ผู้เขียน
ภาพประกอบที่ 1 โดย ผู้เขียน
ภาพประกอบที่ 2 โดย Karolina Grabowska จาก https://www.pexels.com
ภาพประกอบที่ 3 โดย Lisa จาก https://www.pexels.com
ภาพประกอบที่ 4 โดย ผู้เขียน
ชอบอ่านบทความสนุกๆ ดูหนัง ฟังเพลง และเสพซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !
ชอบเขียน เรื่องอะไรที่รู้มา หรือสนใจ ก็อยากจดบันทึกไว้ให้ใจจำ และนำสิ่งเหล่านั้นมาปรับใช้กับชีวิต เพ
ความคิดเห็น






