งานประจำหรือธุรกิจส่วนตัวดีกว่ากัน

รูปภาพจาก:

https://pixabay.com/th/photos/

ในโลกปัจจุบันจะเห็นได้ว่าหลายคนได้สนใจหันมาทำธุรกิจส่วนตัวกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอาชีพเสริมจากงานประจำหรือบางคนอาจจะทำเป็นอาชีพหลักในการดำรงชีวิต เหตุผลหลักๆนั้นก็คือเรื่องของผลตอบแทน จำนวนชั่วโมงในการทำงานและที่สำคัญก็คือการมีอิสระภาพในการทำงาน ในขณะเดียวกันก็ยังมีประชาชนจำนวนมากที่คิดว่าการทำงานประจำอย่างเดียวนั้นก็เพียงพอแล้วและไม่คิดที่อยากจะทำธุรกิจส่วนตัว ซึ่งต่างคนนั้นก็ย่อมที่จะมีเหตุผลส่วนตัวในการตัดสินใจ ไม่ใช่ว่าทุกคนที่อยากรวยจะมีความสามารถในสร้างธุรกิจส่วนตัวได้ โดยในโลกของการเป็นผู้ประกอบการและลูกจ้างมันมีหลายสิ่งหลายอย่าง และมุมมองที่แตกต่างกัน

รูปภาพจาก : https://pixabay.com/th/photos

สำหรับคนที่เลือกทำงานประจำนั้นถือว่าได้ว่าเป็นจำนวนประชากรหลักของประเทศ สำหรับข้อดีของการเป็นมนุษย์เงินเดือนนั้นก็มีมากมายหลายอย่างที่พอจะดึงดูดคนให้เข้ามาทำงานในแต่ละองค์กรได้

รูปภาพจาก:https://pixabay.com/th/photos

แน่นอนว่าการทำงานประจำก็ย่อมที่จะมีข้อด้อยอยู่บ้าง อันเนื่องมาจากการทำงานที่มีการกำหนดวันและเวลาโดยที่ทุกคนจะต้องปฏิบัติตามการกฏระเบียบของแต่ละบริษัท โดยเหตุนี้ก็จะส่งผลให้ตัวพนักงานก็ว่าไม่มีอิสระภาพในการใช้ชีวิต อยากไปเที่ยวก็ต้องรอวันหยุดยาวหรือไม่ก็ต้องใช้วันลาโดยการใช้วันลาก็ต้องให้หัวหน้างานอนุมัติอีกเพราะในบ้างช่วงขอการทำงานอาจจะมีงานมากจนทำให้ไม่สามารถลาได้อันเนื่องมาจากคนไม่พอกับปริมาณงาน ส่วนมากคนทำงานประจำก็จะได้ลากันในช่วงวันหยุดราชการตามปฏิทิน ซึ่งก็จะมีปริมาณคนมากมายตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ  ที่แย่ไปกว่านั้นอีกคือการต้องเอางานกลับมาทำที่บ้านในวันหยุด ซึ่งทำให้พนักงานมีชีวิตส่วนตัวลดน้อยลง

รูปภาพจาก: https://pixabay.com/th/photos

สำหรับจำนวนคนที่เลือกที่จะทำธุรกิจของตนเองนั้นก็เริ่มเพิ่มขึ้นมากในปัจจุบันอันเนื่องมากจากผลกระทบของโรคระบาดครั้งใหญ่ของโลกเราอย่างโรค Covid-19 ที่ส่งผลให้หลายคนต้องว่างงานอันเนื่องมาจากการปิดตัวลงของหลายบริษัทมนหลายอุตสาหกรรม มากไปกว่านั้นจะเห็นได่ว่าเด็กรุ่นใหม่เริ่มสนใจและทำธุรกิจของตนเองมากขึ้นโดยที่ยังศึกษาอยู่ด้วย เหตุผลอันเนื่องมาจากการได้เห็นตัวอย่างของผู้ประสบความสำเร็จ ร่ำรวย ออกมาเล่าชีวิตและธุรกิจตัวเองตามสื่อต่างๆ เลยทำให้หลายคนมีความฝันที่จะมีธุรกิจที่ประสบความสำเร็จเหมือนกับบุคคลตัวอย่างที่เห็นตามสื่อต่างๆ ธุรกิจออนไลน์ดูจะเป็นที่นิยมมากในหมู่คนรุ่นใหม่ ซึ่งใช้ต้นทุนน้อยและทุกคนสามารถจะเริ่มต้นได้โดยง่ายที่บ้านของตนเอง ข้อดีของการมีธุรกิจของตนเองก็มีอยู่มากเช่นกัน

• อิสระภาพในการทำงาน - หลายคนที่ทำงานประจำอยู่ตอนนี้คงจะอยากออกมาเป็นเจ้านายตนเองอยู่หลายคนอันเนื่องมาจากปัญหาความไม่พอใจในหัวหน้างาน ซึ่งการทำทำธุรกิจส่วนตัวเราก็ได้เป็นเจ้านายของตัวเราเองโดยที่ไม่มีใครมาคอยสั่งงานเรา จะตื่นเวลาไหน ทำงานวันละกี่ชั่วโมง จะทำวันไหน ตอนไหนบ้าง เราก็สามารถเป็นผู้กำหนดเองได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ต้องมีวินัยต่อตนเองด้วย มิเช่นนั้นธุรกิจก็อาจจะเติบโตไปได้ช้าหรืออาจไปไม่รอดก็เป็นได้
• ทำมากได้มาก ทำน้อยได้น้อย - แตกต่างกับผู้ทำงานประจำที่มีรายได้คงที่แน่นอนทุกเดือน คนที่ทำธุรกิจส่วนตัวย่อมมีรายได้ที่แตกต่างกันไปในแต่ละเดือน มากหรือน้อยมีหลายปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้อง นอกเหนือจากความขยันแล้วก็ยังเกี่ยวเนื่องกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศ ตัวอย่างเช่นคนขายอาหารปกติขายวันละ 5 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 5 วัน มีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 50000 บาท แต่ต้องการรายได้เพิ่มขึ้นก็อาจจะจำเป็นต้องเพิ่มวัน และ เวลาขายขึ้น หรือทำงานมากขึ้นโดยการออนไลน์ การขายแฟรนไชส์เป็นต้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจากตัวอย่างล่าสุดที่ส่งผลกระทบร้ายแรงกับระบบเศรษฐกิจโลกก็คือโลกระบาด Covid-19 ที่ทำให้ธุรกิจใหญ่ระดับโลกที่ดำเนินการหลายทศวรรษต้องปิดตัวลง

อย่างไรก็ตามทุกอย่างล้วนมีข้อดีและข้อเสีย ส่วนของข้อเสียหรืออุปสรรคในการทำธุรกิจก็มีอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแข่งขันทางการค้าที่มีความรุนแรงมากขึ้นตลอดเวลาอันเนื่องมาจากการพัฒนาของเทคโลโลยี การลดต้นทุน หรือการคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกมาทดแทน มากไปกว่านั้นการเกิดภัยทางธรรมชาติก็อาจส่งผลต่อธุรกิจได้ ไม่ว่าจะเป็นภาวะภัยแล้ง น้ำท่วม หรือแม้กระทั่งโรคระบาดก็สามารถทำให้ธุรกิจถึงขั้นล้มละลายได้  การมีรายได้ที่ไม่แน่นอนก็ส่งผลถึงการวางแผยการใช่จ่าย การลงทุน หรือ การออม ทรัพย์สินต่างๆค่าเช่าที่ เครื่องใช้สำนักงาน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ค่าจ้างพนักงาน ล้วนเป็นรายจ่ายทั้งหมด อีกสิ่งที่แตกต่างจากพนักงานประจำก็คือไม่มีสวัสดิการ ประกันสังคม ประกันชีวิต กองทุนสำรองเลี้ยงชีพต่างๆเหล่านี้ก็จะไม่มี

ไม่ว่าจะเป็นพนักงานประจำหรือเจ้าของธุรกิจก็ย่อมมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป แต่ละคนย่อมมีเหตุผลในการตัดสินใจที่จะเลือกทางเดินชีวิตต่างกันไปเพราะแต่ละคนย่อมมีเป้าหมายทางการเงิน หรือการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน บางคนอาจจะพอใจและมีความสุขกับการได้รับเงินเดือนประจำทุกเดือน ไปเจอเพื่อนร่วมงาน กินข้าว กลับบ้าน นอน บางคนอาจจะมีความกระหายเงิน ความร่ำรวย อยากมีชีวิตที่สุขสบาย อยากมีบ้านใหญ่ๆอยากมีรถแพงๆ อยากซื้ออะไรก็ซื้อได้ ก็ย่อมที่จะต้องแสวงหาแหล่งเงินที่เพิ่มมากขึ้นตลอดเวลา ต้องอดทนทำงานหนัก ใช้สมองคิดงาน คิดแนวทางธุรกิจ เพื่อให้ธุรกิจของตนขยายและเจริญเติบโต ดังนั้นขอให้ทุกคนลองถามตัวเองว่ามีเป้าหมายในชีวิตของตนเองอย่างไร