ไลฟ์แฮ็ก

จดโน้ตแบบ Cornell สวยๆ แชร์ทริป&ทริคสำหรับผู้เริ่มต้น

930
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
จดโน้ตแบบ Cornell สวยๆ แชร์ทริป&ทริคสำหรับผู้เริ่มต้น

Hello everyone!! เรานิวบี้นะคะ วันนี้เราอยากจะมาแชร์เทคนิคการจดโน้ตให้ทุกคนกันอีกแล้ว จากที่คราวก่อนเราแชร์เป็น"เทคนิคการจดโน้ตน่ารักๆให้น่ากลับมาอ่าน"ไปใช่ไหมล่ะคะ วันนี้เราจะมาแชร์เป็นเทคนิคการจดโน้ตแบบ Cornell ค่ะ สำหรับใครที่ยังไม่เคยอ่านบทความเรื่อง เทคนิคการจดโน้ตน่ารักๆ ให้น่ากลับมาอ่าน และ ไอเดียเลือกสีคุมโทน จดโน๊ตน่ารัก ๆ จดสรุปง่าย ๆ ทำตามได้เลย Color Code ของเราก็สามารถย้อนไปหาอ่านกันได้นะคะ

เนื้อหาทั้งหมดที่เราจะมาอธิบายในบทความนี้จะเป็นความคิดส่วนตัวของเราเองคนเดียวนะคะ มันอาจจะไม่ได้ตรงกับคนอื่นๆเท่าไหร่นัก ถ้ามีอะไรผิดพลาดไปก็ขออภัยด้วยนะคะ

การจดแบบ Cornell คืออะไร การจดโน้ตแบบนี้คือการจดเลกเชอร์รูปแบบหนึ่งที่ถูกคิดค้นโดยศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัย Cornell ประเทศสหรัฐอเมริกา(ก็คือนำชื่อมหาลัยมาตั้งเป็นชื่อวิธีการจดแบบนี้ไปเลย) เป็นวิธีการจดที่ได้รับการยอมรับว่ามีประสิทธิภาพสูงวิธีหนึ่ง และเป็นวิธีที่ทำให้ใช้หน้ากระดาษได้เกิดประโยชน์สูงสุดอีกด้วย

Advertisement

Advertisement

วิธีการจดแบบ Cornell ทำได้โดย

แบ่งพื้นที่หน้ากระดาษออกเป็น 3 หรือ 4 ส่วน ซึ่งเราจะแบ่งพื้นที่ออกเป็นประมาณตามรูปนี้นะคะ อาจจะไม่ได้เป็นสัดส่วนนี้เป๊ะๆนะคะเพราะมันก็แล้วแต่คนว่าต้องการจะกำหนดพื้นที่แต่ละส่วนขนาดไหน เพราะเวลาเราจดโน้ตเองเราก็ไม่ได้แบ่งสัดส่วนตามเท่านี้ตลอดนะคะ

การแบ่งพื้นที่หน้ากระดาษ

การแบ่งหน้ากระดาษของเราเหมือนว่ามันจะแบ่งเป็น 4 ส่วนมากกว่าที่จะเป็น 3 ส่วนนะคะ ต่อมาเดี๋ยวจะมาอธิบายลงลึกว่าพื้นที่แต่ละส่วนนั้นมีไว้ทำอะไรบ้าง

พื้นที่ส่วนที่ 1 จะอยู่ที่ส่วนบนสุดของหน้ากระดาษนะคะ

พื้นที่แรกพื้นที่ส่วนนี้จะเป็นส่วนที่เราเอาไว้เขียนหัวข้อหลักของเนื้อหาที่จะเขียนในหน้านี้ค่ะ อาจจะมีการเขียนวันที่ที่เราทำการเขียนเนื้อหาไว้ด้วยก็ได้เผื่อเราจดโน้ตไว้หลายหัวข้อแล้วเรากลัวว่าเราจะสับสนว่าหัวข้อไหนมาก่อน เราจะได้จัดเรียงเนื้อหาตามลำดับของวันที่เอาได้ค่ะ

Advertisement

Advertisement

พื้นที่ส่วนที่ 2 จะอยู่ที่ฝั่งซ้ายของหน้ากระดาษนะคะ

พื้นที่สองเราขอเรียกพื้นที่ส่วนนี้ว่า Recall column ก็แล้วกันนะคะ พื้นที่ส่วนนี้จะเป็นส่วนที่เราเอาไว้จดพวกคำศัพท์ คำถาม คีย์เวิร์ด หรือจะเขียนเป็นหัวข้อย่อยของเนื้อหาก็ได้ค่ะ เปรียบเสมือนว่าเป็นช่องเตือนความจำของเราว่าในเนื้อหาที่เราจดไว้มันมีเนื้อหาอะไรบ้างค่ะ

พื้นที่ส่วนที่ 3 จะเป็นส่วนที่มีพื้นที่มากที่สุดในหน้ากระดาษนะคะ และเป็นพื้นที่ส่วนที่สำคัญที่สุดในหน้ากระดาษนี้แล้วค่ะ

พื้นที่สาม

พื้นที่ส่วนนี้เราจะเอาไว้จดเนื้อหาต่างๆที่เราเรียนนะคะ ซึ่งส่วนนี้เราสามารถจดอะไรก็ได้ตามใจเลยค่ะ ส่วนวิธีที่เราจะโน้ตในส่วนนี้เราอาจจะใช้เทคนิคที่เราเคยแชร์ไว้ในบทความก่อนของเราก็ได้นะคะ แล้วแต่สไตล์ที่แต่ละคนถนัดเลยค่ะ

พื้นที่ส่วนที่ 4 จะอยู่ที่ส่วนล่างสุดของหน้ากระดาษนะคะ และเป็นพื้นที่ส่วนสุดท้ายของหน้ากระดาษแล้วค่ะ

Advertisement

Advertisement

พื้นที่สี่พื้นที่ส่วนนี้จะเป็นส่วนที่เราเอาไว้เขียนสรุปเนื้อหาจากพื้นที่ส่วนที่ 2 และ 3 รวมกันนะคะ อาจจะเขียนเป็นประโยคสรุปสัก 1-5 ประโยค แต่เอาจริงๆแล้วเราไม่ค่อยได้ใช้พื้นที่ส่วนนี้เท่าไหร่เพราะเราคิดประโยคไว้สรุปเนื้อหาไม่ค่อยออก เวลาเราอ่านก็มักจะอ่านพื้นที่ส่วนที่ 2 และ 3 ไปเลย ไม่ต้องมีส่วนสรุป

เดี๋ยวเราจะให้ดูภาพรวมอีกทีนะคะว่าพื้นที่แต่ละส่วนเราใช้ทำอะไร

ภาพรวม

หลายคนเห็นภาพรวมแล้วก็อาจจะงงๆกันอยู่หรือยังคงนึกภาพไม่ออกว่ามันจะออกมาเป็นอย่างไรใช่ไหมล่ะคะ ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเรามีตัวอย่างโน้ตของเรามาให้ทุกคนดูกันค่ะ

exampleหน้าตาของโน้ตที่เราเขียนโดยใช้เทคนิคการจดแบบ Cornell ก็จะออกมาได้เป็นประมาณนี้นะคะ มันก็อาจจะมีแค่บางส่วนที่ไม่ได้เป้นไปตามที่อธิบายไว้จากข้างต้นนะคะ

และนี่เป็นคือทั้งหมดของการจดโจ้ตแบบ Cornell นะคะ เราว่าวิธีการจดโน้ตแบบนี้มันก็ทำให้เราสามารถทบทวนเนื้อหาได้ง่าย รู้สึกว่าเราใช้พื้นที่หน้ากระดาษได้อย่างมีประสิทธิภาพมากๆเลยค่ะ ทุกคนสามารถเอาไปปรับใช้ตามสไตล์การจดของแต่ละคนได้เลยนะคะ ไม่ต้องทำตามสโคปที่เราได้บอกไปข้างต้นก็ได้ค่ะ

รูปภาพทั้งหมดที่เราเอามาใส่เป็นภาพแคปหน้าจอจากแท็บเล็ตของเราเองนะคะ ถ้าสงสัยว่าเราใช้แอพอะไรจด เราใช้แอพ Samsung Note นะคะ


อัปเดตบทความดีๆ ดูหนัง ฟังเพลง และซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !


คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์