อื่นๆ

ชีวิตนักเรียน ม.ปลาย

1.0k
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ชีวิตนักเรียน ม.ปลาย

เขียนหนังสือ ชีวิต ม.ปลาย ที่ผ่านมา ตลอด 3 ปี ในรั้วฟ้า-ขาว เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นมันมีมากมายทั้งสุขทั้งทุกข์ปะปนกันไป

ตอนนี้ฉันอายุ 18 ปี ฉันได้ทำการบันทึกบทความนี้เวลา 11.30 น. ของวันที่ 20/5/2564 ฉันจบการศึกษาระดับชั้น ม.6 ปีการศึกษา 2563 ด้วยผลการเรียนเฉลี่ย 3.96 ฉันเรียนในสายวิทย์-คณิต ฉันเป็นคนที่ไม่ชอบวิชาคณิตศาสตร์ไม่ชอบการคิดคำนวณ  แต่ทำไมฉันจึงเลือกสายวิทย์-คณิตล่ะทั้งที่ไม่ชอบคณิตศาสตร์ เพราะตอนนั้นมันมีทางเลือกไม่มากนักโรงเรียนฉันเป็นโรงเรียนขนาดกลางซึ่งใน ม.ปลาย เปิดรับแค่ 2 สายการเรียน คือ สายวิทย์-คณิต และสายศิลป์ภาษา และอีกอย่างวิชาหนึ่งที่ฉันไม่ชอบคือวิชาภาษาอังกฤษถึงขั้นเกลียดไปเลยก็ว่าได้ ถ้าต้องเลือกระหว่างคณิตกับอังกฤษก็คงต้องเลือกคณิตไว้ก่อนถึงแม้จะไม่ชอบแต่ก็พอบวกลบคูณหารได้ไม่เหมือนภาษาอังกฤษซึ่งฉันผู้ไม่รู้เรื่องอะไรเลยถึงจะพออ่านได้แต่ก็แปลไม่ออกอยู่ดี แล้วทำไมไม่ไปเรียนที่อื่นล่ะโรงเรียนที่เขาเปิดรับหลากหลายสายการเรียน ตอนแรกฉันก็มีความคิดเช่นนั้นแต่พอคิดให้ดีแล้วเรียนโรงเรียนที่ใกล้บ้านดีกว่าเพราะจะได้ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัวที่บ้านของฉันก็มีฐานะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ครอบครัวของฉันมีแม่เป็นเสาหลักและมีน้องที่กำลังเรียนอยู่เช่นกัน ฉันจึงคิดได้ว่าเรียนที่ไหนก็เหมือนกันนั้นแหละ ฉันต้องขยันอดทนและตั้งใจเรียนให้ดีที่สุดเพราะเป็นทางเดียวที่จะช่วยให้ครอบครัวของฉันดีขึ้นแม่ฉันจะได้ไม่ต้องลำบากเมื่อฉันเรียนจบฉันจะได้มีงานดีๆทำ บางครั้งคนเราก็ต้องทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบบ้างเป็นธรรมดาฉันคิดเช่นนั้น ( ตอนนี้น้ำตาฉันไหลอาบเต็มสองแก้มเมื่อคิดถึงจุดเริ่มต้นของ ม.ปลาย กับการที่แบกความฝันและความหวังเอาล่ะเมื่อเลือกแล้วก็ต้องทำมันให้ดีที่สุดและต้องผ่านไปให้ได้แม้มีอุปสรรคมากมายผ่านเข้ามากมายสะเหลือเกินพูดแล้วจะหาว่าโม้แต่ฉันก็ผ่านมันมาแล้ว )

Advertisement

Advertisement

ทางเดินที่มีลูกศรอยู่ชีวิต ม.ปลาย ได้เริ่มขึ้นแล้ว ในวันเปิดเทอม เทอมแรกของปีการศึกษา 2661

ชุดนักเรียนชุดใหม่แต่ตัวใหญ่มาก กับรองเท้านักเรียนคู่ใหม่ที่ใหญ่ไม่แพ้กัน เพราะตอนไปซื้อชุดแม่บอกว่าเอาตัวใหญ่เผื่อไว้ใช้ให้มันครบ 3 ปี จะได้ไม่ต้องซื้อใหม่ แม่บอกว่าเราต้องประหยัด เปิดเทอมวันแรกฉันรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้พบเพื่อนใหม่ ครูที่ปรึกษาคนใหม่ ห้องเรียนใหม่และวิชาเรียนใหม่ ๆ ที่ฉันไม่เคยได้เรียนมากก่อน ฉันรู้สึกว่าทุกอย่างมันใหม่ไปหมดสำหรับฉัน ฉันยังไม่มีเพื่อนสนิทและไม่รู้จะเริ่มพูดคุยกับเพื่อนอย่างไรฉันทำตัวไม่ถูก ตอนนั้นฉันเลือกที่จะนั่งแถวหน้าสุดติดริมหน้าต่าง เพื่อลดความตื่นเต้นถ้านั่งหน้าสุดแถวกลางจะเป็นการเผชิญหน้ากับครูโดยตรงมันจะทำให้ฉันรู้สึกกดดันเกินไป ที่ฉันเลือกนั่งแถวหน้าสุดมันจะทำให้ฉันมีสมาธิได้ยินเสียงของครูชัดเจนและยังมองเห็นกระดาษอย่างชัด ๆ อีกด้วย หลังจากได้ที่นั่งที่พอใจแล้วครูก็เดินเข้ามาแล้วบอกว่าหมดคาบโฮมรูมแล้วให้นักเรียนลุกขึ้นเก็บโต๊ะเก้าอี้ให้เรียบร้อยแล้วไปเรียนวิชาต่อไปได้ค่ะ ฉันอุสาเลือกที่นั่งดี ๆ ได้แล้ว แต่ลืมไปว่าเราไม่ได้เรียนห้องประจำเราเรียนแบบเดินเรียน พอหมดคาบก็จะต้องย้ายห้องเพื่อไปเรียนวิชาอื่น แต่ไม่ว่าจะเรียนห้องไหนฉันก็จะมีวิธีการเหลือกที่นั่งประมาณนี้แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ฉันคิดเสมอไปบ้างครั้งที่ที่เราเลือกเพื่อนที่มาก่อนเขาก็นั่งไปแล้วฉันก็ต้องเลือกที่นั่งที่อื่นบางคาบก็นั่งหลังห้องบ้าง กลางห้องบ้าง ก็ไม่เป็นไรแค่ตั้งใจและต้องใช้สมาธิเพิ่มมาขึ้นบ้างครั้งหัวเพื่อนที่นั่งข้างหน้าก็บังกระดานเราก็ต้องเอียงตัวไปด้านข้างเพื่อให้มองเห็น บ้างครั้งเพื่อนก็พูดคุยกันเสียงดังจนฉันไม่ได้ยินสิ่งที่ครูพูด ฉันก็เลยไปตั้งใจฟังเพื่อนพูดกันแทน ส่วนใหญ่ก็พูดคุยกันเรื่องดาราเกาหลี เรื่องหนัง เรื่องละคร ปาปาปา มีเรื่องพูดคุยเยอะแยะไปหมดจนหมดคาบ เรื่องราวในห้องเรียนไปโรงเรียนเข้าเรียนตามตารางเรียนที่โรงเรียนจัดไว้ เลิกเรียนกลับบ้านทำการบ้าน กินข้าว อาบน้ำนอน ก็ทำอยู่แค่นี้ในทุก ๆ วัน แต่ยังมีอีกอย่างที่เกิดขึ้นมาโดยที่เราอาจจะไม่รู้ตัวนั้นคือมิตรภาพและความรักจากเพื่อน ห้องเรียน

Advertisement

Advertisement

คำว่าเพื่อนสำหรับฉันใน ม. ปลาย เกิดขึ้นได้อย่างไร

สามารถติดตามต่อได้ในบทความต่อไปของฉัน คำว่าเพื่อน

ภาพหน้าปกจาก Gerd Altmann / Pixabay.

ภาพที่ 1 จาก StockSnap /  Pixabay.

ภาพที่ 1 จาก geralt / Pixabay.

ภาพที่ 2 จาก weisanjiang / Pixabay.

เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์