"ดาบสองคม"ที่ไม่ใช้ให้เกิดคุณ

เกริ่นนำก่อนเข้าเรื่อง: ผมเขียนบทความนี้ขึ้นมาก็เพื่อต้องการจะสะท้อนความจริงที่เป็นอยู่ในยุคปัจจุบันโดยเนื้อหาส่วนใหญ่จะพูดถึงการใช้โซเชียลมีเดียของผู้คนในสังคม ทั้งนี้จุดประสงค์หลักของการเขียนงานชิ้นนี้ก็คือต้องการชี้ให้เห็นถึงความจริงในข้อที่ว่า"ทุกสิ่งอย่างล้วนมีทั้งคุณและโทษอยู่ในตัวมันเอง"จึงหวังว่าท่านผู้อ่านจะวางใจให้เป็นกลางและเปิดใจอ่านอย่างพิจารณาโดยปราศจากอคติและทิฐิในใจ

ด้วยว่าเจตนาของผมนั้นต้องการให้ท่านผู้อ่านได้รับประโยชน์อย่างตรงไปตรงมา จึงมิได้คิดปิดบังในสิ่งที่เป็นโทษหรือคุณเอาไว้เลยแม้แต่น้อย และยิ่งมิได้มีเจตนาจะทำให้ท่านผู้อ่านท่านใดรู้สึกขุ่นเคืองหรือเกิดความเข้าใจผิดในทำนองที่ว่ากำลังถูกตำหนิหรือถูกบ่นว่าจากบทความนี้อยู่ จึงขอให้ท่านผู้อ่านได้โปรดพิจารณาในข้อที่เป็นโทษกับคุณให้ชัดเจนทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์ของท่านผู้อ่านเองเป็นสำคัญ แต่หากมีถ้อยคำใดที่ฟังแล้วอาจดูขัดหูหรือดูจะกล่าวหนักไปบ้าง ผมก็ต้องขออภัยต่อท่านผู้อ่านทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วย"เพราะภาษิตคนโบราณท่านสอนว่า คำซื่อไม่เพราะเป็นคุณ ยาดีแม้มีรสขมแต่โรคหาย"ซึ่งถ้าท่านผู้อ่านทุกท่านจะกรุณาเข้าใจเจตนาของผมตามนี้ ผมก็จะถือเป็นคุณค่าในทางน้ำใจอย่างหนึ่งและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ตอบแทนน้ำใจของท่านผู้อ่านทุกท่านผ่านบทความเหล่านี้ในบทต่อๆไป...​

#เพราะมุ่งรู้ผิดจึงมีโทษมากกว่าคุณ

การที่เราไปจดจ่อจับจ้องอยู่แต่กับเรื่องของผู้คนซึ่งถ้าเรื่องนั้นเป็นเรื่องดีมันก็ดีไป แต่ถ้ามันเป็นเรื่องที่ไม่ดีแล้วล่ะก็ ผลเสียก็จะตกถึงตัวเราไม่มากก็น้อย ยกตัวอย่างเช่นเมื่อเราเข้าไปรับรู้อารมณ์ของคนอื่น ที่สะท้อนผ่านทางโซเชียลไม่ว่าจะเป็นการโพสต์เพื่อระบายก็ดี หรือแม้แต่การคอมเม้นท์ด่าทอกันก็ดี สิ่งเหล่านี้ถูกสะท้อนกลับมาในรูปของอารมณ์เชิงลบ ซึ่งเราเองจะต้องเป็นคนรับเอาสิ่งที่ว่านี้ทั้งหมดมาสู่อารมณ์ของเราโดยที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แรกๆอาจไม่มีผลกระทบอะไรกับเรา แต่พอนานไปก็จะกลายเป็นการซึมซับ ท้ายที่สุดตัวเราก็จะกลายเป็นผู้ที่ถูกกลืนกินทางอารมณ์ จนส่งผลให้เรานั้นอาจมีบุคลิกหรือลักษณะนิสัยตามสิ่งที่ได้รับรู้มาและอาจแย่ยิ่งไปกว่านั้นอีก ถ้านิสัยเหล่านั้นถูกแสดงออกโดยเราผ่านทางโซเชียลแล้ว มันก็ดูคล้ายกับว่าตัวเรา กำลังประจานตัวเองอยู่ในที่สาธารณะ หนักเข้าอาจถึงขั้นด่าทอทะเลาะเบาะแว้งกันผ่านตัวหนังสือก็ยังมี...

ขอบคุณภาพจาก https://pxhere.com/th/photo/1418358

#ผลคือตกสู่ห้วงอารมณ์ต่ำทำให้นิสัยติดลบ

ดูสิ..!ในทุกๆวันเราเอาเวลาที่มีค่าของเราไปขลุกอยู่กับเรื่องอะไรบ้างก็ไม่รู้ ซึ่งดูแล้วค่อนข้างจะหาสาระอะไรไม่ค่อยจะได้เลย..นี่เราทนอยู่กับสิ่งเหล่านี้มาได้ยังไงตั้งหลายปี หรือแม้แต่กระทั่งตอนนี้ ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิกเป็นแบบนั้น..ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วเราสามารถเลือกที่จะใช้โซเชียลเพื่อหาความรู้ในเรื่องต่างๆให้กับตัวเองได้แต่เราก็เลือกที่จะไม่ทำมัน เมื่อเรายังเป็นเช่นนี้กันอยู่ต่อไป บางทีเราอาจจะไม่เหลือช่องว่างให้กับอารมณ์ปกติของเราได้ทำงานเลย เมื่ออารมณ์ปกติของเราไม่ได้ทำงานมันก็เหมือนการกักเก็บขยะทางอารมณ์ไว้กับตัวเรา เมื่อมันหมักหมมทับถมกันนานเข้า ใจของเราก็จะเริ่มไม่ปกติ อารมณ์ของเราก็จะไม่ปกติไปตามสภาพใจ บางครั้งอาจมีอาการใจลอย บางวันก็รู้สึกจิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว หรือบางทีก็มีอาการซึมเศร้าเหงาหงอยหงุดหงิดโดยที่หาสาเหตุไม่ได้ อาการเหล่านี้ถ้าขืนปล่อยไว้นานๆยิ่งน่าเป็นห่วง เพราะอาจจะทำให้บุคคลที่กำลังมีอาการเหล่านี้อยู่ต้องหลุดออกไปจากโลกของความเป็นจริงโดยที่เจ้าตัวไม่มีทางรู้  หรือถึงจะรู้ก็ถอนตัวออกมาได้ยากเพราะติดเป็นนิสัยไปแล้วนั่นเอง...

ขอบคุณภาพจาก https://c.pxhere.com/photos/56/28/iphone_6s_mobile_technology_black_editorial_display_modern-835861.jpg!d

#ทางที่จะช่วยเยียวยารักษา

​​​ แต่ถ้าเราไม่อยากเป็นแบบนั้น..ทางเดียวที่จะแก้ไขได้ก็คือ ลดการเสพสื่อโซเชียลที่มีเนื้อหาในทางลบให้น้อยลงการบ่นเพ้อเพื่อระบายความรู้สึกหรือแม้แต่การทะเลาะกัน รวมถึงการวิพากษ์วิจารณ์ถึงสิ่งต่างๆผ่านทางโซเชียลด้วยอารมณ์ด้านลบเหล่านี้ ล้วนคืออาหารชั้นดีของมัน

เราไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นรู้ว่า ตอนนี้เรากำลังรู้สึกแย่ยังไง เพราะคนที่หวังดีกับเราจริงๆนั้นมีไม่มาก เราไม่จำเป็นต้องไปโต้เถียงกับใครที่เขาเห็นต่างจากเรา เพราะความคิดของทุกคนล้วนไม่เหมือนกัน กระแสต่างๆที่เราตามอยู่ ถ้าไม่ใช่เพื่อก้าวทันโลกแล้วก็ควรงดเว้นเสียบ้าง ควรเอาเวลามาสนใจตัวเองหรือทำอะไรอย่างอื่นที่ดูแล้วมีประโยชน์กว่า..สาวๆทุกคนความสวยของพวกคุณไม่ใช่สิ่งที่ควรเปิดเผยมากเกินไปเพราะถ้าคุณเปิดเผยมันมากจนเกินงาม มันจะกลายเป็นการอนาจารตัวคุณเอง และสิ่งนี้จะทำให้ตัวของคุณหมดคุณค่าในทันที การนินทาว่าร้ายก็เหมือนกัน มันเหมือนกับการสาดโคลนใส่กัน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลยที่โคลนเหล่านั้นจะไม่กระเด็นกลับมาหาผู้สาดเอง อย่างน้อยที่สุดไม่คุณก็ใครจะต้องวัดกันว่า ใครคือผู้ที่เปื้อนโคลนมากน้อยกว่ากัน...

ขอบคุณภาพจาก https://c.pxhere.com/photos/38/58/iphone_6s_plus_apple_white_screen_mock_up-845577.jpg!d

#รีบหันกลับมาดูแลใจตัวเอง

​​เห็นไหม..?ที่ผ่านมาเราเสียเวลาไปกับเรื่องต่างๆมากมายในชีวิต แต่จะมีสักกี่เรื่องกันที่มอบบทเรียนอันทรงคุณค่าให้แก่เรา จะว่าไปแล้วโซเชียลไม่ได้เป็นสิ่งที่เลวร้ายหากแต่เราไม่ได้เลือกใช้มันในทางที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์เอง เราปล่อยให้ตัวเองเป็นผู้ป่วยทางอารมณ์นานเกินไปแล้ว ถึงเวลาแล้วที่เราควรหันกลับมามองดูตัวเองสนใจตัวเองให้มากๆอย่าทำเหมือนกับคนที่ไม่มีใครคอยดูแลอยู่อีกเลย เราเตลิดไปไกลแล้ว ไกลมากแล้วจริงๆ แต่..จงกลับมา..กลับมาที่ใจของตัวเอง และดูแลมันให้ดีเพราะถ้าขืนปล่อยให้มันเตลิดหนีออกไปอีกมันได้แว้งกัดเราอีกเป็นแน่ !

ขอบคุณภาพจาก https://c.pxhere.com/photos/47/12/feng_shui_zen_stones_texture_material_graphic_design_fengshui-1207523.jpg!d​

....แต่ถ้าเราหมั่นดูแลมัน สักวันหนึ่งมันจะมอบขุมสมบัติอันล้ำค่าให้แก่เรานั่นก็คือความรู้จากภายใน ที่หาจากที่ไหนไม่ได้ นอกจากที่ใจของเราเอง....

ขอขอบคุณภาพหน้าปกจาก https://cdn.pixabay.com/photo/2015/12/06/00/04/sword-1078968_1280.jpg