อื่นๆ

ตาที่สามใคร ๆ ก็ฝึกได้

116
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ตาที่สามใคร ๆ ก็ฝึกได้

ตาที่สาม คำนี้ในกลุ่มคนที่สนใจเรื่องพลังงาน ศาสนา วิทยาศาสตร์ ถามว่ามันเป็นเรื่องวิเศษมหัศจรรย์เหนือธรรมชาติขนาดไหน ไม่ขนาดนั้นหรอกคะถ้าเราวางใจให้เป็นกลาง มันก็ไม่มีอะไรเกินความสามารถของ "จิต" ไม่ใช่สมองนะคะ "จิต"  ถ้าจะให้นึกภาพออกต้องคนที่เคยดูภาพยนต์ เรื่อง เดอะเมทริกซ์ จะเข้าใจว่าโลกของพลังงานเป็นแบบนั้นคะ  ตาเนื้อมนุษย์มองเห็นได้ไม่ถึงเศษเสี้ยวของสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในสนามพลังงาน

ตาที่สาม ตาที่สามหรือตาใน คือ มโนจิตนั่นเอง  สามารถฝึกฝนได้คะไม่ยากเย็นอะไร แต่ใช้ความสม่ำเสมอและดูกายเคลื่อนไหวแบบไม่จ้องไม่เพ่ง การเห็นด้วยตาที่สามไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยตาเนื้อมนุษย์คะ  มโนจิต หรือตาในนี้จะมาในลักษณะภาพในความคิด บางทีจู่ๆก็นึกขึ้นได้ หรือบริเวณไหนที่มีกลุ่มพลังงานแตกต่างกันจะมีมีอาการทางกายเตือนก่อน เช่น ขนลุก  หนาวเย็น  บางคนก็เหมือนจะเป็นลม อึดอัดหายใจไม่ออกก็มีขึ้นอยู่กับว่าคน ๆ นั้นมีสัมผัสในเรื่องอะไรบ้าง

Advertisement

Advertisement

วิญญาณ ผี ส่วนมากตาในจะไม่เห็นด้วยตาเนื้อว่าเออตรงนี้มีผีนะ ตรงนั้นมีพญานาคนะ  ตรงโน้น....คือ ถ้ามนุษย์เห็นได้ทุกอย่างเป็นบ้าคะ  ธรรมชาติจึงมีข้อกัดมาให้เรียบร้อยว่าเราขอบเขตของมนุษย์ตาเนื้อนั้นเห็นได้มากน้อยแค่ไหน  แล้วคนที่เขาเห็นสิ่งเหล่านี้ด้วยตาเนื้อหละมีจริงหรือเปล่า  ไม่ขอออกความเห็นนะคะ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ถ้าสิ่งเหล่านั้นที่เขาบอกกล่าวมีเหตุมีผลอยู่ที่เจตนานั้นว่าคิดดี  พูดดี  ทำดีหรือเปล่า? บางทีการเห็นสิ่งต่าง ๆ ด้วยตาเนื้อในอีกภพภูมิหนึ่งก็ไม่ใช่จะได้เห็นแต่สิ่งสวยงามคะ เลือกไม่ได้เหมือนไปซื้อของเซเว่น  สุดแต่บุญกรรมสัมพันธ์จะเห็นสิ่งใด  เอาเป็นว่าเป็นคนธรรมดาที่อยากรู้อยากเห็นนิด ๆ หน่อย ๆ พอจรรโลงใจก็พอคะ

เดิน การฝึกตามที่สาม หรือตาใน  ให้เกิดการรับรู้เร็วขึ้นในสัมผัสต่าง ๆ ไม่ได้ยากเย็นอะไรคะ เอาง่าย ๆ เวลาเราหลับตาเนื้อ ตาที่สามจะทำงาน  ก่อนจะตื่นนอนพอรู้สึกตัวอย่างเพิ่งลืมตาทันที  ให้ขยับร่างกายก่อนเบา ๆ ช้า ๆ เช่น กระดิกนิ้วเท้าซ้าย - ขวา,  กำ - แบ ฝ่ามิอ  ขณะที่เราหลับตาอยู่ ทำไมเรารู้ว่าเรากระดิกเท้าขวาหรือเท้าซ้ายโดยที่ไม่ต้องลืมตาดู  นั่นแหละคะ การเห็นของตาที่สาม  อีกตัวอย่างนึง  เวลาล้างหน้าเราหลับตาสบู่ถู ๆ ทำความสะอาดหน้า ทำไมเรารู้หละว่าตรงนี้ปาก  จมูก คิ้ว  แก้ม  ใครยังนึกภาพไม่ออก อีกตัวอย่างหนึ่ง  แค่พูดถึงของเปรี้ยวเราก็น้ำลายสอแล้วยังไม่ทันได้กินเลย  นั่นแหละคะอาการรับรู้ของตาที่สาม  เห็นไหมคะ ไม่ใช่เรื่องพิศดารอะไร  พอเราทำบ่อย ๆ ต่อไปตาที่สามหรือตาในของคุณจะทำงานอัตโนมัติด้วยการรับรู้ จะบอกคุณในลักษณะลางสังหรณ์  อะไรอยู่ตรง จะไปทางไหน คนนี้มาดีมาร้าย  จะซื้อหวยก็ให้เชื่อตัวเองว่าซื้อเลขนี้แหละ  เพียงแต่เราไม่เคยสังเกตแค่นั้นเอง

Advertisement

Advertisement

อินเดีย ผู้หญิง ถึงแม้ว่าเราจะมีความสามารถในการเห็นสิ่งเหนือธรรมชาติด้วยตาเนื้อหรือตามที่สามได้ก็ตาม  ก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจแค่นั้นคะ  จะรู้เห็นไปถึงสวรรค์ชั้นไหน ๆ ไปมาแล้วแดนพญานาค  เห็นมาหมดป่าดงพญาไฟ "แต่"  "ถึงรู้อื่นเป็นหมื่นแสน  ไม่มาดแม้นเท่าสูรู้ตัวเอง" เพราะพอเราลืมตายังหายใจอยู่ เราคือมนุษย์ที่มีร่างกายและจิตใจรวมกัน   ยังต้องดำรงชีวิตหาอยู่หากิน  ดูแลตนเอง ครอบครัว หน้าที่การงาน การฝึกตาที่สามหรือตาใน ก็ควรเป็นไปเพื่อให้เรามีสติอยู่เสมอกับกายกับใจของเราในการดำเนินชีวิต  พอเรามีสติเวลาจะพูดอะไรก็พูดดีไว้ก่อน  จะคิดอะไรก็คิดดีไว้ก่อน  จะทำอะไรก็ทำดีไว้ก่อน  ไม่เบียดเบียนกันและกัน  สะสมบุญกุศลเป็นเสบียงบุญไว้สำหรับการเดินทางของจิตที่เราเองก็ยังไม่รู้จะสิ้นสุดเมื่อใด  ขอให้ตั้งจิตไว้หวังไปที่แดนนิพพานที่เดียวคะ  หนทางจะไปเจอไฟเขียวไฟแดงช่างมัน  ตีตั๋วไปท่องไว้ไปนิพพานเท่านั้นเป็นพอ......ว.บุญแสงทอง

Advertisement

Advertisement

ภาพปกจาก: Enrique Meseguer จาก Pixabay

ภาพที่ 1 จาก: Stefan Keller จาก Pixabay

ภาพที่ 2 จาก: cocoparisienne จาก Pixabay

ภาพที่ 3 จาก: truthseeker08 จาก Pixabay

ภาพที่ 4 จาก: Murtaza Ali จาก Pixabay


เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์