ตายแล้วไปไหน ?

ข้อนี้เป็นคำถามที่เราๆท่านๆ ต้องเคยสงสัย ? หรือใคร่อยากรู้คำตอบ  ตอนเด็กๆ ท่านอาจไตร่ถามตามผู้ใหญ่ ซักผู้รู้หรือตั้งกระทู้ครูบาอาจารย์ ตอนเติบใหญ่มีสติปัญญากำลังกายความพร้อมค้นคว้า ศึกษาหาเฉลยด้วยตนเอง ต่างถามหาคำตอบกันมาอย่างยาวนาน ผ่านกาลเวลาเรื่องเล่า ความเชื่อ การถกเถียง คำสั่งสอน ไม่แน่นอนว่า มีใครรู้คำตอบที่แท้จริง นอกจากคนที่จะเคยตายไปแล้ว และฟื้นกลับมาบอกความจริงนี้

บทความฉบับนี้จึงขอรวบรวมหลักความเชื่อ เรื่องตายแล้วไปไหน ในที่นี้คงกล่าวถึง เฉพาะใจ-จิต-วิญญาณ ไม่ใช่ร่างเนื้อ ลักษณะทางกายภาพ ให้ผู้อ่านได้ลองพินิจพิจารณาตามความหลักคิด โปรดใช้วิจารณญานไตร่ตรองลองดู

คริสต์-อิสลาม-พราหมณ์ ฮินดู-พุทธ ฯลฯ

มาดูศาสนาหลักที่มีผู้นับถือมากที่สุดในโลกว่ามีหลักความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไรบ้าง

หลักคำสอนและความเชื่อต่างๆนั้นถึงจะมีความแตกต่างกัน แต่สิ่งที่ทุกศาสนานั้นสอนเหมือนกันก็คือ การสอนให้มนุษย์ทุกคนใช้เวลาในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ปฏิบัติความดีในขณะที่จิตยังคงสถิตย์อยู่ในร่างกายของเรา

ส่วนหลักความเชื่อพื้นถิ่นดั้งเดิมของ ชนเผ่า ชาวป่า ชาวเขาชาวบ้านท้องถิ่น ที่นับถือภูติ ผี และปีศาจ เมื่อตายวิญญาณก็จะไปสิงสถิตย์ อยู่ตามธรรมชาติตามท้องถิ่นดั้งเดิมนั้นๆ เช่น ไร่สวน เทือกนา พุ่มไม้ ป่าเขา แม่น้ำลำเนาไพรโดยไม่มีเวลากำหนดแน่นอน

สำหรับคนที่ไม่ได้นับถือศาสนาหรือยึดหลักการใดๆ มีคนๆหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่าตายแล้วก็คงเหมือนการนอนหลับยาว หลับตลอดกาล ไม่มีวันตื่นขึ้นมาอีกเหมือนกับการปิด Shutdown คอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง

ทางด้าน วิทยาศาสตร์ปัจจุบัน ได้พิสูจน์และตรวจสอบได้ดังนี้    เมื่อคนเราตายไป จิตใต้สำนึกและร่างกายของเราจะแยกออกจากกันโดนสิ้นเชิง
ในทฤษฎีควอนตัม โดยทฤษฎีนี้สรุปออกมาว่า ทุกชีวิตทุกอนุภาคในโลกนี้มีแค่ 1 ภพเท่านั้นไม่มีที่อื่นให้ไปอีกแล้ว เมื่อมนุษย์เสียชีวิตแล้วสิ่งที่เหลืออยู่จะเหลือแค่อะตอมและอิเล็กตรอนเท่านั้น ซึ่งข้อมูลต่างๆในสมอง รวมไปถึงความคิดและความจำก็จะเลือนหายลงไปพร้อมกับการตายของเราด้วย

แม้ว่าเราจะยังไม่รู้คำตอบที่แท้จริงของชีวิตหลังความตาย แต่เราก็สามารถวิเคราะห์โดยใช้หลักของเหตุและผล บางคนก็อาจใช้หลักของความเชื่อ ความศรัทธาเพื่อคาดเดา ซึ่งเพียงพอจะสรุปคำตอบต่าง ๆ ได้เอง

เครดิตรูปภาพ

ภาพหน้าปกภาพ 1ภาพ 2ภาพ 3ภาพ 4ภาพ 5