อื่นๆ

ทะเล 7 สี กับความรักที่เราใฝ่ฝัน

133
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ทะเล 7 สี กับความรักที่เราใฝ่ฝัน

ทะเล 7 สี กับความรักที่เราใฝ่ฝัน

ธรรมชาติ 1

เพื่อนๆเคยไปเที่ยวทะเลกันมั้ยคะ  แน่นอนว่าคงเคยไปกันมาแล้วนะคะ  สำหรับผู้เขียนโดยส่วนตัวชอบทะเลมากเลยค่ะ  เพราะบ้านอยู่ต่างจังหวัด  และเป็นจังหวัดที่มีทะเลให้ไปเที่ยวพักผ่อน  ผ่อนคลายให้สบายกายสบายใจ  แล้วเพื่อนๆสังเกตุมั้ยคะว่าทะเลนั้นไม่ได้หยุดนิ่งเสียทีเดียว  น้ำที่อยู่ในทะเลมักจะเคลื่อนไหวขึ้นๆลงๆอยู่ตลอดเวลา  อาจจะเพราะมีลมคอยพัดผ่านหรือโลกหมุนรอบตัวเองก็เป็นไปได้  ทำให้ผู้เขียนคิดถึงเรื่องชีวิตของคนขึ้นมาเรื่องหนึ่ง  นั่นก็คือ  การมีความรักก็เหมือนกันทะเลที่มีคลื่น  และคลื่นนั้นก็จะมีเป็นระลอกไม่สม่ำเสมอหรือสงบนิ่งได้นานนัก  ผู้เขียนจึงอยากเปรียบเทียบทะเลที่มี 7 สี  กับความรักของคนเราที่มีการพัฒนาไปในรูปแบบต่างๆที่หลากหลาย

ธรรมชาติ 2

จากการใช้ชีวิตการทำงาน  เชื่อว่าบางครั้งหลายคนก็อาจจะเหนื่อยละ  และต้องการพาร่างกายและจิตใจไปพักผ่อน  แน่นอนการท่องเที่ยวธรรมชาติมักจะเป็นทางเลือกแรกๆของคนเมือง และหลายๆคน  ไม่ว่าจะเข้าป่า  ขึ้นเขา  และท่องทะเล  ซึ่งการอยู่กับธรรมชาติเหมือนกับธรรมชาติได้บำบัดรักษาจิตใจให้ดีขึ้น  และส่งผลให้ชีวิตดีขึ้นตามมา  แต่สำหรับบางคนยังใช้ธรรมชาติบำบัดจากการผิดหวังจากความรักอีกด้วย  และบางคนก็ใช้ธรรมชาติในการบอกรัก  แสดงความรักต่อกัน  เห็นมั้ยคะ  ชีวิตของคนเรามีหลากหลายรูปแบบและส่งผลต่อความรู้สึกทั้งด้านร่างกายและจิตใจ  สำหรับบทความนี้  ผู้เขียนได้เสนอมุมมองของความรักของหญิงสาวคนหนึ่ง  และได้เปรียบเสมือนทะเล 7 สี  ซึ่งจะเป็นอย่างไรนั้นเราไปอ่านพร้อมๆกันนะคะ

Advertisement

Advertisement

คลื่นทะเลที่ดังก้องกังวาน  เมื่อยามที่คนเดินเล่นบนชายหาด  มีผู้หญิงคนหนึ่ง  เธอชื่อว่าข้าวฟ่าง  เธอเดินด้วยเท้าเปล่า  และในมือถือรองเท้ารัดส้น  ซึ่งมองก็รู้ว่าไม่ได้เตรียมความพร้อมที่จะมาทะเล  เธอเดินไปเรื่อยๆ  และมองเห็นน้องหมาตัวหนึ่ง  กำลังนั่งมองโดยทอดสายตาไปยังน้ำทะเลที่อยู่ไกลๆ  และทันทีที่เธอเดินเข้าไปใกล้ๆ  น้องหมาก็หันมามองจ้องตากับเธอ  และก็ลุกเดินจากไป  เธอก็รู้สึกเหมือนจะเข้าใจอารมณ์ของมันว่าไม่อยากให้ใครรบกวน  เธอก็รู้สึกผิดเล็กน้อย  แต่ด้วยอารมณ์ของเธอก็คงไม่ต่างกับน้องหมา  เธอเองก็มีอารมณ์ที่อ่อนไหวจากบางเรื่องมาเหมือนกัน  เธอแค่อยากเดินไปเรื่อยๆ  ฟังเสียงคลื่นที่ซัดสาดหาดทราย  รู้สึกเหมือนมีเพลงที่กล่อมอารมณ์ให้เพลิดเพลินกับการเดินเล่น  เธอเดินไปไกลพอสมควร  จนกระทั่งเพื่อนสาวของเธอเรียกหาอยู่ไกลๆ  ข้าวฟ่างจึงหันไปมองเพื่อนที่กำลังวิ่งตามมาด้วยความเร็วที่กำลังดี  สำหรับคนที่วิ่งบนชาดหาด  ซึ่งเรื่องราวที่ทำให้เธอมาไกลถึงจุดนี้ก็เนื่องจากว่าเธอนั้นอกหักมานั่นเอง

Advertisement

Advertisement

ย้อนไปเมื่อปีที่แล้ว  ข้าวฟ่างเป็นครูสาวที่ทำงานในเมืองหลวง  แต่ด้วยความจำเป็นต้องกลับบ้านมาดูแลพ่อแม่  และอยากมาสร้างครอบครัวของตัวเองกับแฟนของเธอ  จึงได้ย้ายที่ทำงานกลับบ้านเกิด  ข้าวฟ่างย้ายกลับมาอย่างมีความหวังกับการจะได้แต่งงานมีครอบครัวกับแฟนหนุ่มของเธอ  ตอนแรกเธอก็มีความสุขดีกับความรัก  แต่สักพักก็ทำให้เธอคิดว่าทุกอย่างเปลี่ยนไป  เปลี่ยนไปทุกอย่าง  สังคมการทำงาน  และความรักก็เปลี่ยน  ทำให้เธอเสียใจมาก  จนวันหนึ่งเธอก็เก็บความรู้สึกผิดหวังไว้ไม่ไหว  เธอต้องระบายออกมาบ้าง  จึงตัดสินใจเล่าให้เพื่อนเธอฟัง  เพื่อนเธอก็คือแพรพรรณ  หรือ เเพร นั่นเอง  เเพรเป็นเพื่อนที่ดีมากคนหนึ่งที่ข้าวฟ่างรักและสนิทด้วย  แพรจะเข้าใจข้าวฟ่างเสมอ  และคอยปลอบให้กำลังใจบ่อยๆ  จนข้าวฟ่างได้รู้สึกดีขึ้นในหลายๆครั้ง  วันนี้ก็เช่นเดียวกัน  ข้าวฟ่างดูเศร้าในขณะที่คุยทางไลน์กับแพรพรรณ  จนแพรพรรณต้องคิดหาวิธีให้เธอได้ผ่อนคลายบ้าง  โดยทั้งสองได้นัดหมายกันไปเที่ยวทะเล  พอไปถึงร้านทั้งสองก็รับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย  ในขณะที่แพรพรรณไปจ่ายเงินค่าอาหาร  ข้าวฟ่างก็ได้เดินเล่นบนชาดหาดล่วงหน้า

Advertisement

Advertisement

ธรรมชาติ 3

ไม่แปลกเลยที่คนส่วนใหญ่มาเที่ยวทะเล  ขณะที่ความคิดในสมองของข้าวฟ่างกำลังคิดและพูดกับตัวเอง  และมีความรู้สึกในการไตร่ตรองเรื่องราวต่างๆในชีวิต  โดยเฉพาะชีวิตของตัวเองในด้านความรัก  ลึกๆเธอก็รู้สึกเกรงใจเพื่อนที่พามาไกลถึงนี่  แต่ก็ต้องของใจเพื่อนที่คอยอยู่เคียงข้างเธอในยามที่เธอต้องการ  ทะเลและคลื่นทำให้ข้าวฟ่างคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้  ทะเลก็เหมือนกับชีวิตคน  คนเราไม่เคยหยุดนิ่ง  ความคิดก็ไม่หยุดนิ่ง  สมองก็ไม่เคยหยุดคิด  เวลาเห็นคลื่นซัดสาดและมีเสียงดังกระทบกัน  ช่างเป็นเสียงที่ไพเราะมาก  ก็เหมือนกับเธอที่เคยมีความรักที่ดีกับแฟนหนุ่ม  คบกันมีช่วงเวลาที่ดีต่อกัน  แต่เวลาเปลี่ยนใจคนก็เปลี่ยน  ไม่สามารถห้ามสถานการณ์ต่างๆ ได้  ก็เหมือนคลื่นที่เราห้ามไม่ให้ซัดสาดมาได้  เธอก็ควรปล่อยไปให้เป็นไปตามธรรมชาติแล้วทุกอย่างน่าจะดีขึ้นเอง

มองไปไกลๆ  เหมือนในทะเลมีฝนตก  เพราะอากาศอบอ้าวมาก  สักพักท้องฟ้าจากมืดครึ้มก็ค่อยๆสว่างสดใสขึ้น  เหมือนฟ้าหลังฝนเลย  ชีวิตคนเราก็คงเช่นเดียวกัน  ถ้าเจอเรื่องร้ายมาสักพักก็คงได้เจอกับเรื่องราวดีๆ  เธอหยุดเดินเพราะเสียงเพื่อนสาว  แล้วก็แหงนมองท้องฟ้า  พบว่าบนท้องฟ้าก็สายรุ้งที่สวยมากๆ  มีสีสัดที่งดงาม  และนับได้ว่ามี  7 สี  ทำให้เธอคิดถึงความรักของเธอที่มีหลายรูปแบบเหมือนทะเล 7 สีนี่เลย

ทะเล 7 สี  ก็เหมือนกับการเห็นรุ้งกินน้ำนั่นแหละค่ะ  เมื่อฝนหยุดตก  จะมีละอองน้ำ  ทำให้เห็นปรากฎการณ์รุ้งกินน้ำ  ซึ่งสีรุ้งจะมีอยู่ด้วยกัน 7 สี  คือ  สีม่วง  คราม น้ำเงิน เขียว  เหลือง  ส้ม  และแดง

สีแรก  คือ  สีม่วง  สำหรับเราสีม่วงเข้ากับความรักที่รักนะไม่แสดงออก  มีความลึกลับนิดหน่อย  แต่ก็มีแววเปล่งประกายให้คนที่เราชอบรู้อยู่ว่าชอบน่ะ  รักนะ  เรามองเธออยู่นะ  ลักษณะของสีเป็นสีที่นุ่มนวล ลุ่มลึก  น่าค้นหา  แต่ก็ยังมองเห็นว่ารู้สึกอย่างไร  เหมือนกับคนที่มีกำลังมีความรัก  มีคนที่หมายปอง  แอบชอบเขาก่อน  แต่ยังไม่เปิดเผยเท่าที่ควร  บางครั้งก็เผลอแสดงท่าทีให้เขารู้อยู่บ้างว่ารู้สึกอย่างไร  ซึ่งทำให้คนนั้นสนใจและกลับมามองพิจารณาว่าจะสานต่อหรือไม่  ความรู้สึกนี้ทำให้คนทั้งคู่มีความตื่นเต้น  หัวใจพองโต  เป็นช่วงที่คิดว่ามีความสุขมากๆเลย  สีม่วงอาจจะเหมาะกับรักในช่วงเด็กๆหรือวัยรุ่นเป็นส่วนใหญ่  ส่วนคนที่ผิดหวัง  ก็จะอยากมีความรักเหมือนคนอื่น อยากมีคนไปเที่ยว  กินข้าวด้วยกัน  จนทำให้เกิดความเหงาในใจขึ้น  ซึ่งอารมณ์ค่อยข้างแปรปรวน  หงุดหงิดง่าย

สีที่สอง  คือ  สีคราม  ความรักที่เหมาะกับสีนี้  น่าจะมีลักษณะโตขึ้นมาหน่อย  แบบวัยทำงาน  มีการงานที่มั่นคง แต่ขาดคนรัก  พอทุกอย่างลงตัว  ก็จะมีเวลาว่างในการมองหาความรัก  เป็นความรักที่ค่อยๆศึกษา  ค่อยๆพิจารณาเพื่อนำไปสู่การแต่งงาน  มีครอบครัวที่มั่นคงแบบจริงจัง  เป็นความรักระดับสูงขึ้นมาอีกนิด  รักนี้จะหนักแน่น  ค่อนข้างมั่นคง  ใส่ใจมากเป็นพิเศษ  คู่รักสีน้ำเงินก็อยู่ในความรู้สึกตื่นเต้น  อบอุ่น รู้สึกปลอดภัย  มีที่พึ่งทางใจ  แต่สำหรับคนที่ผิดหวังกับความรัก  ก็จะเหงา  หว่าเหว่  ต้องการใครสักคนมาเคียงข้าง  อยากมีที่พึ่งทางใจ  อยากมีคนมาเติมเต็มให้ช่วงชีวิตสมบูรณ์  และจะค่อนข้างใช้สมองมองคนที่ใช่  เพราะด้วยวัยที่โต  มีความมั่นคงระดับหนึ่ง  จึงต้องการความรักที่จริงจัง  และสร้างสร้างครอบครัว

สีที่สาม คือ สีน้ำเงิน  ความรักสีนี้จะคล้ายกับสีครามผสมสีม่วง  เป็นวัยที่อยู่ในช่วงเรียนมหาวิทยาลัย  เพราะอยู่กึ่งกลางระหว่างเด็กและผู้ใหญ่  เป็นช่วงสำคัญในการปรับเปลี่ยนชีวิต  การเรียนในมหาวิทยาลัยคล้ายจะเป็นเด็กอยุ่  แต่มีความรักที่ตื่นเต้น  หัวใจเต้นเเรง  อยากครอบครอง  อยากรู้อยากลองกับความรัก  บางครั้งก็ไม่มีสติ  อาจจะทำอะไรบางอย่างเพื่อความรักได้ทุกเมื่อ  และพอมีสติแล้วจะทำให้รู้จักความรักที่แท้จริง  ว่ามันหวานหรือขม  ถ้าสมหวังกับความรัก  ก็จะบอกได้ว่าการมีความรักมันเหมือนได้กินขนมหวาน  กินแล้วสดชื่น  อยากกินอีกแบบไม่ต้องกังวลน้ำหนักว่าจะอ้วน  แต่คนใดที่กินแล้วขมเหมือนยาต้ม  ก็จะทำให้ไม่อยากเจอความรัก  เกิดความกลัว  และต้องใช้เวลาในการลืมรสขม  จนกระทั่งเข้าสู่วัยทำงานที่มั่นคง  จึงทำให้เกิดความรู้สึกอยากมีความรักขึ้นอีกครั้ง  และค่อยๆมองความรักในแง่ที่โตขึ้น  และจะใช้เวลาในการศึกษาดูใจอย่างมีสติ  เพื่อก้าวไปต่อในการสร้างเป็นครอบครัวที่อบอุ่นใจ

สีที่สี่  คือ สีเขียว  ความรักช่วงนี้เหมือนกับความรักที่รักด้วยความสบายใจ  ปลอดโปร่ง  ไม่ต้องคิดถึงปัญหาที่ตามมา  อยู่ในช่วงที่รักกัน  แล้วจะไปเที่ยวธรรมชาติด้วยกัน  แบบจับมือกันไม่ปล่อย  เจออุปสรรคใดๆก็ไม่หวั่น  จะสู้ไปด้วยกัน  จนได้ชมวิวธรรมชาติที่งดงามคุ้มค่ากับความลำบาก  แต่เมื่อไหร่ที่ตรงกันข้าม  รักไม่สมหวัง  ก็จะใช้ธรรมชาติสีเขียวนี่แหละในการบำบัดรักษาจิตใจ  ซึ่งต้องใช้เวลาในการลืมความรู้สึกและช่วงเวลาที่มีรักและต้องตัดความรักครั้งนี้ทิ้งไปจากหัวใจ  และพร้อมที่จะ Move on ออกไป  เพื่อให้ตัวเองเจอกับสิ่งใหม่ๆ  ความรักที่ดีๆ  กับคนใหม่ๆที่ใช่  เป็นช่วงที่ต้องทบทวนตัวเองและตัดใจตัดความสัมพันธ์ครั้งเก่าให้ได้อย่างรวดเร็วที่สุด  เพื่อเริ่มใหม่กับใครสักคนที่ใช่

สีที่ห้า  คือ  สีเหลือง  ความรักช่วงนี้เหมือนกับรักแต่ไม่จริงจัง  เป็นความรู้สึกที่รักนั่นแหละ  แต่ยังอยากมีอิสระของความโสด  ไม่อยากผูกมัด  หรือรักแต่ขอศึกษานิสัยใจคอก่อน  ถ้าไม่ถูกใจก็โบกมือลากันได้เลย  ไม่จริงจังกับความสัมพันธ์ในครั้งนี้มากมาย  แบบอะไรจะเกิดก็ให้เกิดไป  แล้วพร้อมจะไปหาความรักในแบบที่ต้องการต่อไป  เป็นการเปิดโอกาสให้ตัวเอง  และเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้คิดว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้  และยอมรับในการตัดสินใจทั้งสองฝ่าย  เป็นช่วงวัยที่รักแบบสดใส  อะไรก็ได้  แค่ล้มแล้วลุกใหม่ไม่ได้ลำบากอะไร  พร้อมจะไปต่อข้างหน้าได้เสมอ

สีที่หก คือ สีส้ม  ความรักสีนี้ข้างค่อนค้างร้าวร้อนรุนแรง  มีความแซ่บ  แอบซ่อนลายเสือ  มีประสบการณ์  รู้หลบหลีกให้ตัวเองหลุดพ้นจากพันธะ  เป็นช่วงความรักที่มีประสบการณ์ที่สูงขึ้น  เข้าใจชีวิตมากขึ้น  ถ้าจริงจังก็ได้สร้างครอบครัวที่อบอุ่น  ถ้าไม่จริงจังก็แค่สนุกไปด้วยกัน  บางครั้งเสี่ยงต่อการผิดศีลธรรมอยู่บ้าง  สำหรับคนที่ทำอะไรด้วยอารมณ์ความรู้สึกชั่วคราว  และอาจทำให้คู่รักบางคู่มีปัญหาได้

สีที่เจ็ด  คือ สีแดง  ความรักสีแดงเป็นช่วงที่ดีและไม่ดีไปพร้อมกัน  ช่วงเวลาที่ดีคือรักที่มีความสุข  สร้างครอบครัวไปด้วยกันจนแก่เฒ่า  มีลูกมีหลานเต็มบ้านเต็มเมือง  เป็นความรักที่ทุกคนอย่างมี  แต่ตรงกันข้าม  ถ้ารักนั้นไม่ดี  ก็ถึงทางตัน  เสียเวลา  เสียโอกาส  และเสียความรู้สึก  เป็นช่วงที่ชีวิตเหมือนจะหมดความหวังกับความรัก  และต้องตัดสินใจกับการใช้ชีวิตต่อไปให้ได้  อาจจะหมายถึงคนที่ผิดหวังจากความรักและผิดหวังอย่างรุนแรง  ไม่คาดหวังกับความรักอีกต่อไป  จนอาจทำให้ต้องอยู่คนเดียวตลอดไป  เหมือนกับความรักสีดำ  ไม่มีทางสว่างได้

ธรรมชาติ 4

ข้าวฟ่างก็สะดุ้งอีกครั้ง  เมื่อรู้ตัวว่าเพื่อนสาวเธอมาถึงตัวแล้ว  และเพื่อนบอกให้รีบขึ้นกลับไปในร้านอาหาร  ล้างเท้าที่เปื้อนทรายก่อนขึ้นรถกลับบ้าน  สำหรับวันนี้  ข้าวฟ่างก็ขอบใจเพื่อนสาวมากๆ  ที่ทำให้เธอมีสติกลับมา  ทำให้เธอคิดได้ว่า  ช่วงชีวิตคนเรามีหลากหลาย  มีคลื่นทะเลบ้าง  มีความสุขและความทุกข์ปะปนกันไป  ความรักอยากให้เป็นสีอะไร  ก็เลือกได้ แค่ใช้ความรู้สึก  และพิจารณาว่าต้องการใช้ชีวิตแบบไหน  อยากมีความรักอย่างไร  ทำให้วันนี้เธอเลือกที่จะลืมความทรงจำความรักที่ผ่านมา  และจะมองความรักจากคนรอบตัวเธอมากขึ้น  อยู่กับมันอย่างมีความสุข  อย่าไปแคร์กับความรักครั้งเก่า  แต่จงเริ่มใหม่กับความรักดีๆที่จะเกิดขึ้นมาในอนาคต  ขอบใจทะเลและแสงแดด  ละอองน้ำ  และรุ้งกินน้ำที่ปรากฏให้เห็นและมีความคิดฟุ้งเฟื่องขึ้นมามากมาย  และได้เรื่องราวดีๆเหล่านี้มาเขียน  และเล่าต่อ  เพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้อ่านที่มีช่วงเวลาความรัก  และต้องการความสุขของการใช้ชีวิต  ขอเป็นกำลังใจให้กับใครบางคนที่อยู่ในอารมณ์ผิดหวังกับความรัก และกำลังอกหักอยู่  เราต้องก้าวไปข้างหน้าแล้วลืมอดีตที่ไม่น่าจดจำ  และมองไปบนท้องฟ้าที่กว้างใหญ่  เพราะมีความรักมากมายรอเราอยู่แค่ยังไม่ถึงเวลาแค่นั้นเอง  จงมีความสุขกับชีวิต  ณ  ปัจจุบันนะคะทุกคน

บทความโดย  Wealthy_M

ภาพปก ถ่ายโดยผู้เขียนบทความ  แต่งภาพจาก  App  InShot

ภาพธรรมชาติ1  ถ่ายโดยผู้เขียนบทความ  แต่งภาพจาก  App  InShot

ภาพธรรมชาติ2  ถ่ายโดยผู้เขียนบทความ  แต่งภาพจาก  App  InShot

ภาพธรรมชาติ3  ถ่ายโดยผู้เขียนบทความ  แต่งภาพจาก  App  InShot

ภาพธรรมชาติ4  ถ่ายโดยผู้เขียนบทความ  แต่งภาพจาก  App  InShot

ขอบคุณ  App  Inshot

เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์