อื่นๆ

ทางโค้งเหนือหุบเขาร้อยศพ

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ทางโค้งเหนือหุบเขาร้อยศพ

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อครั้งผมและเพื่อนถูกส่งตัวไปฝึกงานที่ต่างจังหวัด และต้องขับรถกันไป ปกติผมและเพื่อนชอบขับรถทางไกลกันอยู่แล้ว จึงไม่เป็นปัญหาในการเดินทาง แค่ขอความสะดวกสบายไว้ก่อน แต่ครั้งนี้ ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดที่สุดแล้วในชีวิตจริงๆ เพราะเส้นทางที่จะผ่านไปถึงสถานที่ฝึกงานและบ้านพักนั่น ค่อนข้างทุรกันดาล และต้องผ่านหุบเขาทางโค้งมากมาย

เพื่อนและผมหันมามองหน้ากันบ่อยๆ เพราะเราเสียเวลากันมากในการเดินทางอย่างไม่คาดฝันครั้งนี้ เรียกว่าผิดที่ผิดเวลาจนเริ่มโพล้เพล้ก็ยังไม่ถึงจุดหมายปลายทาง

"อีกไกลมั้ยวะนนท์"

"ถามฉันแล้วฉันจะไปถามใครต่อดีกว่า ก็เพิ่งมากันครั้งแรกเหมือนกัน นี่แน่ใจนะว่า GPS ไม่ผิดพลาด ทำไมมันเหมือนเข้าไปในหุบเขา หาบ้านหาเมืองไรไม่เจอแบบนี้วะ"

ปรารภกันอยู่สองคน เสียงเพลงก็ไม่อาจช่วยอะไรได้เลยเพราะดูเหมือนความเครียดและความหวาดกลัวจะผ่านเข้ามาแทนที่จนเต็มหัวใจไปแล้วในเวลานั้น GPS ไม่ต้องพูดถึง เพราะสัญญาณเริ่มขาดหายตั้งแต่ความมืดเริ่มผ่านเข้ามาแทนความสว่างในช่วงกลางวันแล้ว ถนนเส้นที่ผ่านจากทางลาดยางขับสบาย กลับกลายเป็นดินลูกรังขรุขระ ขับไปรถก็โยกคลอนไป ยิ่งผ่านโค้งยิ่งแทบเกร็งกันจนมือไม้เหงื่อชื้นไปหมด เราเริ่มใจคอไม่ดี เมื่อแสงไฟหน้ารถสาดไปข้างหน้ามองเห็นแต่ความมืดมิด สองข้างทางเป็นป่าทึบเพราะห้อมล้อมด้วยภูเขา เส้นทางขึ้นลงคดโค้งคดเคี้ยวจนไม่อาจอธิบายได้ และแล้วจู่ๆ บางสิ่งก็เหมือนแว่บผ่านเข้าในหางตาของผม อะไรบางอย่างไหวๆ อยู่บนยอดไม้เบื้องหน้า อะไรนะนั่น ! ผมไม่ส่งเสียงใดๆ นอกจากสบถอยู่เพียงในใจ ดูเหมือนเพื่อนจะเห็นไม่ต่างจากผมนัก มันหันมามองหน้า แต่ไม่มีคำถามใดๆ นอกจากใช้มือลูบเส้นขนที่แขนที่ตั้งชูชันขึ้นมาอย่างเกินจะควบคุม

Advertisement

Advertisement

ผมพยายามประคับประคองพวงมาลัยรถ และเหยียบคันเร่งให้เร็วขึ้นอีกนิด พยายามไม่ว่อกแว่ก ไม่สนใจสิ่งเร้ารอบข้าง ภาวนาให้ถึงที่หมายให้ไวที่สุด แต่แล้ว อะไรบางอย่างที่หางตาเมื่อครู่ก่อน ก็ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้ารถ จนผมเหยียบเบรคแทบไม่ทัน อกสั่นขวัญแขวน อะไรที่ว่านั่น เป็นมนุษย์หรือปีศาจที่มีใบหน้าบิดเบี้ยวผิดรูป หัวสมองเปิดเห็นกะโหลกและน้ำเลือดน้ำหนองเกรอะกรัง ร่างสูงใหญ่ กับไฟหน้ารถที่สาดส่อง เห็นฟันขาวๆ สลับกับสีเลือดที่ไหลออกมาจากปากที่ขยับยิ้มเยือกเย็น ก่อนที่ร่างนั้นจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ๆ จนรถของเราคันเล็กลงถนัดใจ ผมตัดสินใจเหยียบคันเร่งพุ่งรอดหว่างขาของปีศาจนั่น และเร่งคันเร่งแบบไม่กลัวอะไรอีกแล้ว เพราะสิ่งที่ผมกับเพื่อนเจอมันโคตรน่ากลัวกว่าไม่รุ้เท่าไหร่

แต่เรื่องไม่จบแค่นั้นสิครับ...รถของเราหนักอึ้ง หนักจนรู้สึกได้ว่าขับต่อไปด้วยความยากลำบากยิ่งนัก เพื่อนหันมามองหน้าผม คราวนี้มันพูดด้วยเสียงสั่นเครือ

Advertisement

Advertisement

"ไอ้นนท์ อะไรวะนั่น !"

อะไรที่ว่า คือหัวสมองที่เปิดออก ใบหน้าที่แนบกับกระจกหน้ารถแสยะยิ้มอย่างน่าเกลียดน่าชังยิ่งนัก พร้อมกับมือเน่าๆ ที่เกาะอยู่บนหลังคารถ ไม่ต้องสืบละ งานนี้ไม่ใช่คนแน่ๆ แต่จะเป็นปีศาจจากขุมนรกไหนก็เหอะ ผมไม่สนใจนอกจากขับฝ่าไปให้ได้ และผมกับเพื่อนก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยจิตที่ตั้งสติมุ่งมั่น นึกถึงพ่อแก้วแม่แก้วเข้าใจ โดยแทบแผ่หราอยู่ในห้องพัก พร้อมกับชาวบ้านที่ให้การต้อนรับ ต่างพากันพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า รอดมาได้ก็บุญแล้ว !

"พวกคุณมาผิดทาง นั่นน่ะมันทางผีผ่าน โค้งร้อยศพ อาถรรพ์สุดๆ แล้ว คราวหลังอย่าเชื่อ GPS เลยคุณ จะพาพวกคุณไปตายเอา ชาวบ้านเขาเลิกใช้เป็นทางลัดกันนานแล้ว !"

ทางลัด...มันคือทางลัด ที่ผมไม่ได้คิดว่าจะได้เจอมาก่อนเลยในชีวิต ให้ตายเถอะ ! ผมไม่มีวันลืมภาพสุดสยองของปีศาจร้อยศพนั่นได้เลยจริงๆ ให้ตาย !

Advertisement

Advertisement

ขอบคุณภาพจาก  : Dala Vere

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์