อื่นๆ
ทำให้ดีที่สุดก็พอ
Photo Credit : Schäferle / Pixabay
เมื่อเวลาประมาณ 4 ทุ่มของคืนวันสุดท้ายของการเข้าอบรมการพูดของเหล่านักศึกษาไทยในประเทศหนึ่ง ฉันในฐานะสมาชิกคนหนึ่งที่เข้าร่วมการอบรมครั้งนี้ วันแรก ๆ ก็ไม่ค่อยจะจริงจังสักเท่าไหร่ เพราะเป็นแค่การอบรมการพูดทั่วไปและต้องถูกทดสอบแค่ในเวทีเล็ก ๆ แต่เวทีของพรุ่งนี้คือเวทีใหญ่ ที่เหล่านักศึกษาที่เข้าอบรมต้องขึ้นไปพูดบทสุนทรพจน์ เพื่อแสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์จากการถูกอบรมการพูดมาประมาณ 3 วัน
Photo Credit : johnhain / Pixabay
เพื่อน ๆ คงเข้าใจความรู้สึกของคน ๆ หนึ่งที่ไม่เคยกล่าวบทสุนทรพจน์ในเวทีใหญ่ใช่ไหม มันคงหนีไม่พ้นจากความตื่นเต้นใช่ไหมล่ะ เฮ้ออออ พูดแล้วก็ไม่อยากขึ้นพูดเลย แต่ก็นะ... มีโอกาสให้ขึ้นไปพูดแล้ว ถ้าไม่ใช้โอกาสนี้จะใช้โอกาสไหนอีก เป็นประโยคที่คุยกับตัวเอง แต่เต็มไปด้วยความกังวลมากมาย เพราะเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบการเข้าสังคมสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะสังคมที่แตกต่างจากเรา แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ประเด็นไม่ได้อยู่ที่คนรอบข้าง แต่อยู่ที่เราว่าจะเลือกทำ หรือไม่ทำ เพราะสุดท้ายแล้วคนที่จะได้หรือไม่ได้อะไรก็คือตัวเราเอง
Advertisement
Advertisement
คืนก่อนจะกล่าวสุนทรพจน์ฉันนอนไม่หลับ เพราะบทพูดก็ยังไม่เขียน จะนอนหลับได้ไง ถ้าไม่เขียนคืนนี้จะเขียนตอนไหน แล้วถ้าไม่เขียน พรุ่งนี้จะไปพูดอะไรบนเวที 555 นั่งทะเลาะกับตัวเองสักพักใหญ่ ในใจก็กังวลไม่น้อย สุดท้ายก็เขียนบทที่จะพูดพรุ่งนี้สำเร็จ อัลฮัมดูลิลลาฮ... (เป็นคำกล่าวขอบคุณพระเจ้า ของคนที่นับถือศาสนาอิสลาม) ตอนนั้นฉันเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาเข็มสั้นอยู่ที่เลขสอง ใช่แล้ว...ฉันเขียนบทที่จะพูดพรุ่งนี้ เสร็จตี 2 ทำไรอยู่ล่ะก็รีบนอนสิคะ
Photo Credit : lograstudio / Pixabay
และแล้ววันที่จะต้องขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ครั้งแรกในชีวิตก็มาถึง ในใจเต้น ตึบ ตัก ๆ ฮือออ ก็คนมันไม่เคย แต่ถึงอย่างไร มาถึงตอนนี้แล้วก็ต้องสู้อย่างเดียวแหละ กรรมการก็เริ่มเรียกผู้เข้าแข่งขันทีละคน ทีละคน จนสุดท้ายมาถึงคิวที่ฉันต้องขึ้นพูดแล้ว ตอนนั้นในใจคิดอย่างเดียวว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จะได้รางวัลหรือไม่รางวัล จงทำมันให้ดีที่สุด ถ้าเราไม่ติดอันดับ อย่างมากสุดเราก็ได้ประสบการณ์ที่ไม่สามารถหาซื้อได้ด้วยเงินตรา และฉันก็ขึ้นพูดด้วยกับความมั่นใจและทำให้ดีที่สุด ณ เวลานั้น การแข่งขันสิ้นสุดมาจนถึงผู้เข้าแข่งขันคนสุดท้าย สิ่งที่ทุกคนรอคอย ณ เวลานั้น ก็คงจะเป็นผลการตัดสินใช่ไหมล่ะ กรรมการเริ่มประกาศผลจากอันดับที่ 3 2 และ 1 ใช่แล้ว...มันไม่มีชื่อฉัน 555 แต่ในใจฉันก็ไม่ได้เสียดายอะไรน่ะ เพราะรู้สึกว่าตัวเองได้ทำเต็มที่แล้วและที่สำคัญสามารถเอาชนะความขี้ขลาดของตัวเองได้ก็ดีมากแล้ว สำหรับความต้องการของฉัน ณ ตอนนั้น
Advertisement
Advertisement
Photo Credit : geralt / Pixabay
เพื่อน ๆ คงอยากรู้ใช่ไหมว่าในบทสุนทรพจน์ของฉันที่เขียนเสร็จตี 2 มีใจความว่าอะไร ในบทนั้นฉันเขียนไว้ว่า...
“ ในช่วงชีวิตเรา
เป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะสำเร็จตลอดเวลา
แต่เราก็ต้องมีความกล้าพอ
ที่จะล้ม เพื่อนำมาซึ่งบทเรียนจากการล้มครั้งนั้น
ทุกครั้งที่ฉันล้ม
มันทำให้ฉันเรียนรู้ถึงข้อผิดพลาด
เมื่อฉันล้ม
มันสอนให้ฉันรู้ว่า
ชีวิตเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ
เมื่อฉันล้มหลาย ๆ ครั้ง
มันสอนให้ฉันรู้วิธีการลุกที่แข็งแกร่งกว่าครั้งไหน ๆ
ความล้มเหลว
สอนให้ฉันต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง
ความล้มเหลว
สอนให้ฉันเป็นคนที่ตั้งใจมากกว่าเดิม
ความล้มเหลว
สอนให้ฉันรู้จักให้โอกาสตัวเอง
ความล้มเหลว
สอนให้ฉันรู้ว่ากำลังจะถึงฝัน
ความล้มเหลว
สอนให้ฉันรู้ว่าเราก็เป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่มีข้อผิดพลาด
Advertisement
Advertisement
ความล้มเหลว
สอนให้ฉันรู้ว่า...บางครั้งเราก็ต้องเปิดใจกับสิ่งใหม่ ๆ บ้าง
ความล้มเหลว
สอนให้ฉันรู้ว่าแม้ว่าจะล้มอีกสักกี่ครั้ง
ยังไงชีวิตก็ต้องเดินหน้าต่อไป
ความล้มเหลว
สอนให้ฉันสร้างความคุ้นเคยว่า
ณ ตอนนั้นเราอาจยังไม่ดีพอที่จะรู้จักกับความสำเร็จ
หากฉันไม่เคยล้ม
ฉันคงไม่รู้จักกับคำว่าลุก
หากฉันไม่เคยล้มเหลว
ฉันคงไม่รู้จักกับความสำเร็จ
ความล้มเหลวสอนให้ฉันเติบโตขนาดนี้
ไฉนฉันจึงจะไม่รักมัน
เชค โอมาร์ สุไลมาน ได้กล่าวว่า...
“อัลลอฮจะไม่ปล่อยให้คุณ
จบลงด้วยความล้มเหลว
เว้นแต่ว่าพระองค์ต้องการ
ให้คุณกลับมา ในหนทางที่ดีกว่า
ตอนที่คุณล้มเหลว”
ขอบคุณทุกคนมากที่อ่านจนมาถึงตรงนี้ เราหวังว่าคงได้อะไรดีๆกลับไปนะ
บันทึก : ครั้งหนึ่งในชีวิต ฉันเคยเขียนบทความยาว 23022020
ความคิดเห็น