ไลฟ์แฮ็ก

นั่งรถไฟไปกลางเต็นท์สัมผัสอากาศหนาวที่เขาใหญ่ 2 วัน 1 คืนกันค้าาา

686
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
นั่งรถไฟไปกลางเต็นท์สัมผัสอากาศหนาวที่เขาใหญ่ 2 วัน 1 คืนกันค้าาา

ทริปนี้เราไปกันสามคนค่ะผู้หญิงทั้งหมด จุดหมายปลายก็คือ จุดกลางเต็นท์ผากล้วยหมาย ณ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ค่ะ

ขอแบ่งเป็นช่วงๆนะคะ เผื่อใครสนใจอันไหนเป็นพิเศษ

1. ช่วงการเดินทางไปถึงผากล้วยไม้

2. ช่วงเช่าอุปกรณ์ เต็นท์ต่างๆ

3. ช่วงชมธรรมชาติ

4. ช่วงหมูกระทะและปิ้งมาชเมลโล่

5. ช่วงเดินทางกลับ

มาเริ่มกันที่

1. ช่วงการเดินทางไปถึงผากล้วยไม้

แพลนคร่าวๆของพวกเราคือ สถานีรถไฟหลักสี่ > สถานีปากช่อง > อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ > ผากล้วยไม้

เริ่มต้นจากจองตั๋วรถไฟผ่านเว็บไซต์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย https://www.thairailwayticket.com/eTSRT/

พวกเราจองทั้ง ขาไป-กลับ เริ่มต้นจากสถานีหลักสี่ 5 ทุ่ม - สถานนีปากช่อง ตี 3

เมื่อวางแพลนจองตั๋วรถไฟเสร็จแล้วก็ไปกันเลยค่ะ

มารอรถไฟที่สถานีหลักสี่ ควรมาก่อนเวลานะคะ เช็คหมายเลขขบวนรถไฟและที่นั่งให้พร้อม

Advertisement

Advertisement

ภาพสถานีรถไฟหลักสี่

สถานีรถไฟหลักสี่

ถึงสถานีรถไฟปากช่องแล้วค่ะเวลาประมาณเกือบตี 3 เป็นเวลาที่หนาวมากค่ะประมาณ 14-16 องศาเซลเซียส แต่เรายังไปไหนกันไม่ได้ค่ะเพราะต้องรอขึ้นรถสองแถวรอบแรกตอน 7 โมงเช้า ไปที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และอย่างที่เห็นเลยค่ะ เพื่อนร่วมทริปขนผ้าออกมาจากกระเป๋าเพื่อบรรเทาความหนาวเหน็บ ปล.หนาวมากจริงๆค่ะ ตัวสั่นกันเลยทีเดียว

สถานีรถไฟปากช่อง

ฟ้าเริ่มสว่างเวลา 6:30 น. เราเดินหาร้านอาหารแถวสถานี ไปเจอร้านโจ้กกลิ่นหอมมากเลยตัดสินใจทานกันก่อนจะเดินหารถสองแถวเพื่อไปที่อุทยาน

โจ๊กหมูจากนั้นไปขึ้นรถสองแถวกันนนนน

การเดินไปที่รถสองแถวดังนี้ ห่างจากสถานีรถไฟประมาณ 400 เมตร

1. เดินลงมาจากสถานีรถไฟปากช่อง เลี้ยวซ้าย

2. เดินตรงไป สังเกตุร้านร้านข้าวหมูแดงสุพรรณ ป้ายสีแดงทางขวามือ

3 . เลี้ยวขวาเข้าซอยที่สอง ถัดจากร้านข้าวหมูแดง เดินตรงไปผ่านหอนาฬิกา

Advertisement

Advertisement

4. ผ่านหอนาฬิกาไปสังเกตุซ้ายมือจะเจอ 7-11 อยู่ตรงมุม เลี้ยวซ้ายไปจะเจอรถสองแถวจอดอยู่เลยค่ะ

ค่าบริการ ลงหน้าอุทยานคนละ 30 บาท

หอนาฬิกาหลังจากนั่งรถมาถึงหน้าอุทยานใช้เวลาประมาณ 30 นาทีได้

หลังจากนี้จะเป็นประสบกาณ์ที่แปลกใหม่สำหรับคนหน้าบางอย่างพวกเราค่ะ นั่นคือการโบกรถเพื่อที่จะขึ้นไปถึงจุดกางเต็นท์ ผากล้วยไม้ค่ะ

พวกเราลงจากรถเดินดุ่มๆไปที่ป้อม

จนท: จะไปไหนกันครับ

เรา: จะไปผากล้วยไม้ค่ะ มีรถขึ้นไปไหมค่ะ

คุณลุงรถรับจ้างที่อยู่แถวนั้นพอดีบอกว่า 500 เรากับเพื่อนจึงบอกว่าเดี๋ยวพวหหนูรอโบกรถเอาค่ะ  จนท.ก็ช่วยโบกให้ บังเอิญเจอพี่จนท.ขับรถส่วนตัวมากำลังจะขึ้นไปทำงานพอดี เลยได้ติดรถพี่เขามาค่ะ ดีใจมากกกกที่ไม่ต้องโบกเอง

แต่ แต่ พี่เขาขึ้นไปไม่ถึงจุดหมายของเราค่ะ เราต้องโบกต่อ!!!!  พวกเราตัดสินใจควักความกล้าออกมาเพื่อโบกรถค่ะ

Advertisement

Advertisement

คันที่1 ไปไม่ถึงจุดที่เราจะไปค่ะ

คันที่2 ไม่จอดค่ะ (เขินเลย)

คันที่3 รถเต็มค่ะ

พวกเรายืนมองรถผ่านไปคันแล้วคันเล่า จึงตัดสินใจ ......................................... !!!!!!

เดินค่ะ ใช่ค่ะ 7 กิโลจากจุดนั้นไปถึงผากล้วยไม้ และนี้คือจุดเริ่มต้นของการเดินทางของพวกเรา

เดินค่ะเดินไปสักพักเจอจุดกลางเต็นท์ลำตะคอง พี่จนท.เรียกทานข้าวเพราะกำลังทานอยู่พอดี น่ารักมากก พวกเราเลยเขาไปคุยค่ะ

พี่จนท: จะไปไหนกัน

เรา: จะไปผากล้วยไม้ค่ะ

พี่จนท: กลางเต็นท์ตรงนี้ก็ได้ มีเต็นท์มาไหมละ

เรา: ไม่มีค่ะ 55555 (อยากไปผากล้วยไม้มากกว่าเพราะมีร้านค้า) ปกติถ้าโบกรถจะมีคนรับไหมค่ะ

พี่จนท: ไม่แน่ใจนะ  เพราะส่วนมากเส้นนี้มันไปได้หลายทาง ไปปราจีน ไปนครนายก

เรา: อึ้ง (เพราะคิดว่าเส้นนี้จะไปถึงผ้ากล้วยไม้อย่างเดียว ความไม่เคยมาเขาใหญ่อะนะ)

พี่จนท: งั้นเดินไปทางนี่ดีกว่าทางลัด ถึงไวกว่านะ

เรา: ขอบคุณมากค่ะ

เราออกมาตามทางที่พี่จนท.แนะนำ

ต่อจากนี้เราจะพากทุกคนสัมผัสกับบรรยากาศระหว่างทางเดิน 7 กิโลเมตร กันค่ะ !!!!!

ทางเดิน

ทางเดิน

เดินไปเรื่อยๆค่ะ ลมเย็นๆ คุยกับเพื่อนเพลินๆ เส้นทางนี้ไม่ค่อยมีรถค่ะ เพราะเดินไปสักพักรถจะไม่สามารถผ่านได้

ทางเดิน

ทางเดิน

เดินมากสักพักใหญ่ ใหญ่มากก จนเจอถนนใหญ่ค่ะ เปิด Map ดูอีก 1.7 กิโลเมตรจะถึง จุดกลางเต็นท์ผากล้วยไม้

เมื่อเราเยียบถนนใหญเริ่มมีรถผ่านไปมาเยอะมากขึ้นค่ะ แต่ไม่กล้าโบกอยู่ดีฮ่าๆๆ แต่เดินไปสักพักหนึ่งค่ะมีรถกระบะผ่านเราไปแล้วไปจอดข้างหน้าไกลๆ พี่เขาเปิดกระจกแล้วยื่นมืออกมา ทีแรกนึกว่าพี่แกเช็ดกระจก แต่พอมองดีดี พี่แกขวักมือเรียก พวกเรานี่รีบวิ่งไปเลยค่ะ

พี่: ไปไหนกัน

เรา: ไปผากล้วยไม้ค่ะ

พี่: ทำไมเดินเนี่ย เดินมาจากไหนกัน

พวกเราก็โดดขึ้นรถ จุดนั้นคือดีใจมากกกกกกกกก ได้นั่งรถแล้ว สักพักไม่เกิน 5 นาทีก็ถึงค่ะ

พวกเราขอบคุณพี่เขาแล้วถามว่าพี่จะไปไหนกันคะ พี่เขาจะไปน้ำตกเหวสุวัต ซึ่งอยู่เลยจุดกลางเต็นท์ผากล้วยไม้ไปอีกไม่ไกล ซึ่งถือว่าเป็นแลนด์มาร์คที่น่าไปอีกทีหนึ่งสำหรับการมาเขาใหญ่

2. ช่วงเช่าอุปกรณ์ เต็นท์ต่างๆ

และในที่สุดเราก็มาถึงกันแล้วววววว ที่จุดกลางเต็นท์คนเยอะมากๆค่ะช่วงนั้นเป็นช่วงใกล้ปีใหม่ด้วย จากนั้นพวกเราก็ไปจัดเตรียมเช่า เต็นท์ อุปรณ์ต่างๆ ดังนี้ หมอ ที่รองนอน ถุงนอน เต็นท์หลังใหญ่ เสื่อ (เอาไว้นอนดูดาวฟินๆ) ราคาถือว่าไม่แพงเลยนะคะ (ขอโทษจำราคาไม่ได้)

เมื่อได้ของทุกอย่างครบแล้วก็เดินหาที่เหมาะๆ กลางเต็นท์เลยค่ะ แนะนำให้เดินดูทั่วๆก่อนนะคะ มีหลายจุดมากๆๆ แนะนำให้เลือกจุดที่ไม่ไกลห้องน้ำค่ะ จะได้สะดวก

หลังจากกลางเต็นท์เรียบร้อย ก็ต้องทานข้าวกันหน่อยเพราะเดินมาไกลมากก ที่ผากล้วยไม้จะมีร้านค้าให้บริการอยู่ค่ะ มีทั้งอาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยวและ หมูกระทะ!!!! เราวางแผนให้หมูกระทะเป็นอาหารเย็นของเราค่ะ และต้องจองนะคะไม่งั้นหมดอดไม่รู้ด้วยนะ แต่ขอบอกนะคะว่าอาหารแอบแพงอยู่นะ ถ้าใครสามารถเตรียมมาเองได้ก็จะดีมากค่ะ ทางอุทยานมีเตา+ถ่ายให้เช่าค่ะ และยังมีร้านค้าสวัสดิการของทางอุทยานด้วยนะคะ จะขายพวกของแห้งน้ำและน้ำแข็ง บริการน้ำร้อนฟรี

3. ช่วงชมธรรมชาติ

หลังทานข้าว เราก็ไปเดินย่อยกันที่เส้นทางศึกษาธรรมชาติซึ่งอยู่ใกล้ที่เรากางเต็นท์มากก (แนะนำจุดแถวนี้เงียบสุดแล้วค่ะ) บางทีจะมีน้องกวางเดินมาใกล้ๆเต็นท์เลยค่ะ ต้องระวังนะคะ ไม่ใช่ระวังตัวนะคะ ระวังอาหารค่ะ เพราะน้องกวางจะมาขโมยอาหารน้องกวาง

เห็นน้องกวางอยู่ไกลๆไหมคะ

4. ช่วงหมูกระทะและปิ้งมาชเมลโล่

ช่วงเวลาที่รอคอยค่ะ ไปค่ะไปรับหมูกระทะที่สั่งทางร้านไว้ ( กินไป ดื่มด่ำบรรยากาศไป จนลืมถ่ายรูป 5555 ) หลังจากทานหมูหระทะหน้าเต็นท์เสร็จแล้ว ต่อไปเป็นกิจกรรมที่รอคอยเช่นกันค่ะ ปิ้งมาชเมลโล่มาชเมลโล่

ตอนปิ้งมาชเมลโล่อยู่มีเหงาดำๆใหญ่เดินผ่านหน้าไปค่ะ!!! คือน้องกวางนั่นเอง ปิ้งมาชเมลโล่ไปเพลินๆ กับอากาศเย็นๆ เงยหน้ามองไปบนฟ้าหวังว่าจะเห็นดาว แต่! ไม่เห็นเลยค่ะเพราะคืนนั้นเป็นคืนที่พระจันทร์เต็มดวงสว่างจ้ามาก

อากาศเย็นมากค่ะ ยิ่งตอนกลางคืนช่วงหัวค่ำหนาวมากๆ ถุงนอนใบผืนเดียวเอาไม่อยู่ค่ะ พวกเรานอนกอดกันกลมเลยค่ะ หนาวจนต้องร้องขอชีวิต พวกเราไม่ได้เตรียมชุดที่กันหนาวมากๆมาค่ะ เพราะไม่คิดว่าจะหนาวขนาดนี้ เนื่องจากก่อนมา 1 อาทิตย์ เราไปอช.ขุนตาล ที่ลำปางมาค่ะซึ่งที่นั่นไม่หนาวเลยเราจึงคิดว่าเขาใหญ่คงไม่หนาวเท่าไหร่ สุดท้ายเป็นไงละหนาวมากแม่!!!

5. ช่วงเดินทางกลับ

ตื่นเช้าเก็บของไปคืนจนท. ส่วนใครจะอาบน้ำหรือไม่อาบก็แล้วแต่ค่ะ ส่วนเราแค่ล้างหน้าก็เกินพอแล้วค่ะ หนาวจริงๆ ขากลับก็เหมือนเดิมค่ะ ต้องโบกรถลงไป แต่เรานึกขึ้นมาได้ว่าตอนเราขึ้นมามีคุณลุงรับจ้างราคา 500 ที่เราปฏิเสธ เราเลยหาเบอร์โทรไปที่หน้าอุทยานเพื่อถามหารถรับจ้าง แต่ราคาไม่ใช่ 500 ค่ะ เป็น 1,000 บาทไปแล้ว คนงกๆอย่างเรามีหรือจะไป โบกรถต่อค่ะ จนเจอคุณลุงท่านหนึ่งกำลังเก็บของ เราเลยไปขอคุณลุงไปด้วย ลุงบอกว่าลุงจะไปแวะผาเดียวดายก่อน จะส่งเราที่แยกได้ไหม พวกเราก็โอเคค่ะคิดว่าเดี๋ยวค่อยหาทางกันต่อ

ไปค่ะ นั่งท้ายกระบะลมเย็นๆ

พอถึงทางแยก คุณลุงลงจากรถมาถามว่าพวกเราจะไปผาเดียวดายด้วยกันก่อนไหมเพราะเดี๋ยวลุงต้องลงไปที่หน้าอุทยานอยู่ดี พวกเราก็ตกลงไปกับคุณลุงค่ะ รู้สึกขอบคุณคุณลุงมากๆๆเพราะผาเดียวดายแอบอยู่ห่างออกไปอีกทางด้วย แถมดีใจได้ไปเที่ยวอีกกกก

ผาเดียวดายถึงแล้ววววผาเดียวดาย

ข้างทางคุณลุงแวะถ่ายรูประหว่างทางค่ะ

พอถึงหน้าอุทยานพวกเราก็ขอบคุณคุณลุงกับคุณป้ากันยกใหญ่  แถมคุณลุงถามว่าจะให้ไปส่งที่สถานีเลยไหม แต่พวกเราเกรงใจค่ะจึงขอติดรถมาแค่นี้ คุณลุงเล่าว่าตอนหนุ่มๆเคยโบกรถไปเที่ยวเหมือนกันครั้งเดียวเข็ดเลย 555 พวกหนูก็เข็ดเหมือนกันค่ะ

จากนั้นเริ่มร้อนพวกเราก็รอรถสองแถวกลับไปสถานี

ปล.ตอนรอรถ รถจะไม่เข้ามารับที่หน้าด้านอุทยานนะคะเหมือนตอนมาส่งนะคะ ต้องเดินไปตรงสามแยกค่ะ แล้วต้องรีบวิ่งไปค่ะถ้ารถมา 555 ลองถามร้านค้าแถวนั้นก็ได้นะคะว่าต้องวิ่งแบบไหน บอกไม่ถูกจริงๆ

พอมาถึงจุดที่เราขึ้นตอนตอนขามาตรง 7-11 ประมาณบ่ายสองเองค่ะ แต่ตั๋วรถไฟกลับคือ 5 โมงเย็น คนชิคๆอย่างเราเสิชหาคาเฟ่เลยค่ะจนไปเจอ

ชื่อร้าน Is Crepe Cafe' อยู่ใกล้ ๆ สถานีรถไฟปากช่องเลย

คาเฟ่
คาเฟ่

ขอบอกว่าเครป อร่อยมากกกไม่ใช่เล่นๆ

นั่งถ่ายรูปไปกินไปเพลินๆ ก็เกือบๆ 5 โมง เราออกจากร้านไปรอขึ้นรถไฟกันกลับค้าาาา

สถานีรถไฟปากช่องสถานีรถไฟปากช่อง

จากนั้นขึ้นรถไฟกลับกรุงเทพกันค่ะ เย้

ขากลับพระอาทิย์กำลังจะตกพระอาทิตย์กำลังจะตกแล้ววว

รถไฟเห็นดาวไหมพวกเราถึงกรุงเทพประมาณ 2 ทุ่มได้ค่ะ ถือได้ว่าทริปนั่งรถไฟครั้งแรกของพวกเราผ่านไปด้วยดี

สรุป การเดินทางโดยไม่มีรถส่วนตัวในครั้งนี้ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีเลยค่ะ ได้ฝึกแก้ปัญหา ได้เจอผู้คนที่ใจดี ยินดีที่จะช่วยโดยที่พวกเขาไม่ได้สิ่งของหรือเงินทองตอบแทน ขอบคุณพี่จนท.ที่ให้ติดรถขึ้นไป ขอขอบคุณพี่สาวคนสวยรถกระบะ Ford Ranger สีส้มที่รับเราข้างทางมากๆ คุณลุงคุณป้าและลูกสาวที่ช่วยพาเราออกมาส่ง และแถมยังพาไปเที่ยวอีก

ปล.

1. หากไม่ชอบคนเยอะควรเหลี่ยงช่วงเทศกาล รวมถึงจองตั๋วรถไฟอาจจะไม่ได้เวลาที่ต้องการ

2. เช็คสภาพอากาศให้ดี เตรียมตัวให้พร้อม

3. หากต้องการโบกรถขึ้นไป ควรพกเพื่อนที่มีความกล้าไปด้วย

4. อาหารบนรถไฟถูกจริง (เราซื้อไข่ต้ม 5 ใบ 20 แกะออกมามีตัวลูกไก่อยู่ค่ะ// กินไม่เป็น)

5. เต็นท์ของทางอช.มีรองรับเยอะค่ะ วันที่เราไปคนเยอะมากกกก แต่ก็ยังมีของให้เช่า

ภาพทั้งหมดโดยผู้เขียน

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
Oraya
Oraya
อ่านบทความอื่นจาก Oraya

โลกคือแหล่งการเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุด

ดูโปรไฟล์

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์