อื่นๆ

นั่งเล่านั่งหลอน...ก่อนลุงจะต้องตาย ๒ “ต้นขนุนตรงทางสามแพร่ง”

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
นั่งเล่านั่งหลอน...ก่อนลุงจะต้องตาย ๒ “ต้นขนุนตรงทางสามแพร่ง”

นั่งเล่านั่งหลอน...ก่อนลุงจะต้องตาย ๒ “ต้นขนุนตรงทางสามแพร่ง”

บอกกล่าว :: เรื่องเล่าดังต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงของคุณลุงผม ท่านเล่าเรื่องราวต่างๆ ไว้เป็นอุทาหรณ์และส่งต่อเรื่องหลอนไว้สอนใจ ทุกๆ เรื่องที่ผมฟังมานั้น มีทั้งความเกี่ยวข้อง และไม่เกี่ยวกันเลยแม้แต่น้อย ฉะนั้นจึงแบ่งเรื่องเล่าเป็นตอนๆ เพื่อไม่ให้เรื่องราวยาวมากเกินไป สามารถอ่านแยกกันได้อย่างอิสระ ทว่าเพื่ออรรถรสความหลอน สามารถอ่านต่อกันได้ครับ


เพราะป้านางผู้เป็นญาติห่างๆ เสียชีวิตด้วยโรคร้าย ที่งานศพนั้นผมจึงได้พบกับลุงหวินผู้เป็นสามี ก่อนที่เขาจะเล่าเรื่องราวในอดีตที่กำลังตามเอาคืนให้ผมฟัง เรื่องที่ลุงหวินเคยเป็นพราน นำคนล่าสัตว์กระทั่งทำผิดกฎจนถูกผีป่า และเจ้าป่าเจ้าเขาตามอาฆาตแค้นและมีผู้เสียชีวิตหลังจากเหตุการณ์นั้น

*อ่านเรื่องราวก่อนหน้าเพื่ออรรถรสได้ที่ https://cities.trueid.net/post/27225

Advertisement

Advertisement

“ศพของไอเทนที่ขับรถตกเขา ลุงไม่คิดหรอกว่ามันจะเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้น กระทั่งเจ้าหน้าที่ไปเจอรอยกัดที่คอมันนั่นแหละ พอเขาบอกว่าเป็นรอยกัดของสัตว์ และน่าจะกัดกัดก่อนเสียชีวิตด้วยลุงก็เลยเข้าใจได้ว่า...ถึงคราวของมันจริงๆ เรื่องต่อไปเป็นเรื่องของไอ้ธนู...”

ธนูคือหนึ่งในพรานที่ร่วมค่ำคืนอาฆาตนั้นกับลุงหวิน เขาเป็นคนที่เรียบร้อยที่สุด นับถือลุงหวินเสมือนอาจารย์คนหนึ่ง ลุงหวินไม่เคยคิดเลยว่าเหตุการณ์ร้ายๆ วกนั้นจะยังตามติดเขา ทั้งๆ ที่เวลาก็ผ่านมานานแสนนาน ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณสิบปีก่อนนี้เอง

ผี

ลุงหวินยอมรับว่าเรื่องราวในอดีตถูกกาลเวลาลบเลือนไปแล้ว และคิดว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก แต่มันก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นที่กลางทางสามแพร่งที่หน้าหมู่บ้าน รถเก๋งคันหรูพุ่งทะลุแยกเข้าชนกับต้นขนุนต้นนั้นโดยไร้ซึ่งร่องรอยการเบรก สามีภรรยาที่นั่งด้านหน้าเสียชีวิตทั้งคู่ด้วยสภาพศพที่ถูกอัดก๊อปปี้ภายใน ส่วนลูกชายวัยสิบเอ็ดขวบปลอดภัยดี แต่ภาพที่ติดตาทำให้เขาถูกรักษาสุขภาพจิตอยู่เป็นเวลานาน

Advertisement

Advertisement

ทราบภายหลังว่าผู้ชายสองผัวเมียนั้นคือเจ้าของร้านสะดวกซื้อในตัวอำเภอที่มีบ้านพักอยู่ในหมู่บ้าน ค่อนข้างมีฐานะ เพราะทำงานหาเงินเก่ง ซ้ำยังแบ่งเงินบางส่วนมาร่วมทำบุญกับวัดและชาวบ้านอยู่เสมอๆ เรียกว่ามีแต่คนเสียดายที่ทั้งสองจากไป หากแต่ความเสียดายก็เริ่มกลายเป็นความหวาดกลัวและความสยดสยอง เพราะวันดีคืนดี ชาวบ้านที่สัญจรผ่านช่วงกลางคืนมักจะพบเจอสองสามีภรรยาพุ่งตัวออกมาจากพงหญ้าด้วยสภาพที่โชกไปด้วยเลือดหลอกหลอนผู้คนอยู่เช่นนั้น

บ้างก็พบแต่ผัว หรือเมียเพียงคนเดียว ที่นั่งห้อยขาร้องไห้ที่กิ่งขนุนนั้น ทำให้ทางเส้นนั้นไม่มีใครสัญจรหลังตะวนตกดินเลย ถ้าจำเป็นต้องไปทำธุระ ก็ยอมที่จะอ้อมไปอีกทางที่ต้องเสียเวลาไม่น้อย แต่ก็ดีกว่าการโดนผีหลอก

แม้ว่าทางครอบครัวจะพาพระมานำวิญญาณกลับบ้านแล้วแต่ก็ไม่เป็นผล ที่น่าเวทนาไปกว่านั้นก็คือเมื่อวันครบรอบหนึ่งปีที่เกิดเหตุ ลูกชายวันสิบสองขวบก็หนีออกจากบ้านเพื่อมาผูกคอตายที่ต้นไม้แห่งนั้นพร้อมด้วยจดหมายลาตายที่แสนสลดใจว่า “คิดถึงพ่อแม่สุดหัวใจ กำลังจะตามไปหาแล้วครับ”

Advertisement

Advertisement

ผี

ธนูที่ ณ เวลานั้นทำงานเป็นอาสากู้ภัยและผู้ช่วยสัปเหร่อจึงเข้ารับเหตุผูกคอตายนี้ เพราะเจ้าตัวคิดว่าการคิดดี ปฏิบัติดีจะช่วยให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยผิดพลาดจะได้รับการให้อภัย...ลุงหวินก็คิดเช่นนั้น

คืนหนึ่ง ธนูวิ่งมาหาลุงหวินด้วยท่าทีแตกตื่น มาขอนอนด้วย เพราะเจ้าตัวเล่าว่าฝันเห็นลิงแม่ลิงตัวนั้น มันมาพูดว่า “อย่าคิดว่ามึงจะหนีพ้น” ลุงหวินจึงเข้าใจอย่างถึงที่สุดแล้วว่านั่นไม่ใช่เจ้าป่าเจ้าเขา เพราะเจ้าป่าจะไม่ขู่ฆ่าใครหรือตามอาฆาตใครแบบนี้แน่ๆ หากจะทำ ท่านทำตั้งแต่ในป่าแล้ว...ผิดที่ไม่เคยจะฉุกคิด

ผีลิงนั่นคงเป็นภูตผีที่มีจิตวิญญาณแข็งแกร่งซึ่งสิงสู่อยู่ในร่างของสัตว์ภายในป่า มันคืออสูรกายในป่าที่มีชื่อเรียกต่างๆ นานา และมีวิญญาณที่แข็งแกร่งมากๆ

มิน่า...มันจึงแค้นยาวนานปานนี้ ?

ลุงหวินเองก็เริ่มใจไม่ดีเช่นกัน เพราะว่าเรื่องนี้ถูกลืมเลือนไปแล้ว นานแสนนาน และต้องหาวิธีปราบผีตนนั้นให้ได้ ไม่อย่างนั้นลุงเองก็คงไม่รอดหากสายเกินไป

แล้วก็เป็นจริงเช่นนั้น...สายเกินไป

ผี

เช้าวันต่อมา ลุงหวินไม่รู้ว่าธนูกลับไปตอนไหน รู้อีกทีก็มีคนพบว่าเขาแขวนคอตายที่ต้นขนุนต้นนั้นแล้ว เป็นการแขวนคอตายโดยไร้เหตุผลที่สุด หากมีเพียงแค่ลุงหวินที่รู้ว่ามันมีเหตุผลของมัน...รอยกัดที่คอของธนูเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ชัดเจน

หลังจากนั้น ต้นขนุนต้นนั้นถูกโค่นทันที เพื่อไม่ต้องการให้เกิดตัวตายตัวแทนขึ้นอีก ทว่านั้นก็ไม่ต่างจากการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เพราะยังมีคนถูกวิญญาณทั้งสี่คนที่นำชีวิตมาจบที่ทางสามแพร่งนี้หลอกหลอนอยู่ดี ไม่ว่าจะทำพิธีอย่างไรก็ไม่หาย

ลุงหวินเสียใจอย่างสาหัส เมื่อบุคคลที่เป็นน้องรักถูกปลิดชีวิตไปในเวลาอันไม่คาดฝันเช่นนี้ ทั้งที่วางมือไปนานแสนนาน หากแต่เมื่อรู้ว่าผีร้ายตนนั้นไม่ใช่เจ้าป่าก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจใดๆ

ผมแทรกถามลุงเรื่องทางสามแพร่งนั้นว่าหมายถึงที่ไหน ก็ได้คำตอบว่าคือแยกเดียวก่อนจะเข้ามาที่วัดนี้ซึ่งมีศาลหลังใหญ่ตั้งอยู่ พร้อมกับของเซ่นไหว้บูชามากมายนั้นเอง...ชาวบ้านต่างเรียกศาลนั้นว่าศาลสี่ ตรงตัวคือมีคนมาตายที่นี่สี่คน และหลังจากที่ตั้งศาล ชาวบ้านก็เบาใจขึ้น และไม่ค่อยถูกหลอกหลอนจนกระทั่งเหตุการณ์ทุกอย่างกลับเป็นปกติ ทางเส้นนั้นกลายเป็นเส้นทางหลักอีกครั้งจนถึงวันนี้

“ฟังข้าต่อก่อนสิ” ลุงหวินเอ็ด

“แล้วหลังจากนั้นลุงทำยังไงต่อครับ ?” ผมถาม

“ตอนแรกว่าจะไม่ทำอะไร แต่ฝันเห็นไอ้ธนูมันมาร้องไห้ที่หน้าบันไดทุกคืนเลย ในฝันมันจะร้องไห้หนัก ก่อนจะถูกมือที่ไหนไม่รู้มาฉุดกระชากลากไป มันร้องโวยวายก่อนจะพูดว่า ต้องจบมันนะพี่ ไม่งั้นพี่จะตายด้วย ก็เลยต้องตามหาพรานอีกคนในกลุ่มอย่างสุดหล้าฟ้าเขียว พี่แสวง เขาไปทำงานที่ต่างจังหวัด เพื่อจะเรียกเขากลับมาแล้วจับตำราอาคมกันอีกครั้ง...เพราะถึงเวลาที่ต้องสู้กับผีแล้ว”

ผมรู้สึกตื่นเต้น เมื่อเรื่องราวดูราวกับละครฉากใหญ่ ทว่าในตอนนั้น ทั้งศาลาก็เงียบสงัดจนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น

เกิดเสียงกรีดร้องดังมาแต่ไกล ลุงหวินต้องถอดพระที่คอมาคล้องให้ผม แล้วปลอบใจผมว่าไม่เป็นไร ผมรู้สึกกลัวจับจิต ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่เหมือนความรู้สึกจะบอกกับผมว่าเสียงกรีดร้องที่ว่าคือเสียงของผีลิงตนนั้น

“มันเข้ามาไม่ได้หรอก...มาฟังกันต่อเลยแล้วกัน”

“ครับ”

“เรื่องนี้เป็นตอนที่เราผนึกวิญญาณของมันกับพี่แสวง”


เรื่อง น้องหีบหาย (ลุงหวิน)

ภาพ ขอบคุณภาพสวยๆ จาก Pixabay.com

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์