ไลฟ์แฮ็ก
📍 ปฏิเสธงานของ “หัวหน้า” อย่างไร ให้ “ได้ผล”
ภาพประกอบปกบทความถ่ายโดย Lukas จาก Pexels
ขึ้นชื่อว่าเป็น “หัวหน้า” แน่นอนว่าเขาย่อมมีอำนาจหรือมีสิทธิ์ในการที่จะสั่งให้เราทำในสิ่งต่าง ๆ ที่เขาต้องการได้ ซึ่งหากเราเต็มใจที่จะทำ หรือสิ่งที่หัวหน้ามอบหมายให้นั้นเป็นไปตามข้อตกลงหรือมีค่าตอบแทนให้อย่างเหมาะสมก็คงจะไม่ใช่ปัญหา
แต่หากว่าวันดีคืนดีหัวหน้าอันเป็นที่รักของคุณก็หอบงานชิ้นใหญ่มาฝากความหวังไว้ที่คุณ โดยงานในส่วนนี้ไม่ควรจะเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบอะไรของคุณเลย แถมงานในมือคุณตอนนี้ก็แทบจะท่วมท้นอยู่แล้วด้วย และคุณก็อาจจะไม่ได้รับค่าตอบแทนหรือรางวัลใด ๆ เพิ่ม ยิ่งไปกว่านั้น ผลงานที่ได้นี้อาจตกเป็นของหัวหน้าคุณคนเดียวทั้งที่ความจริงแล้วคุณต่างหากที่จะต้องเป็นคนลงมือทำมันด้วยตัวเอง
และเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาชิ้นใหญ่ที่อาจจะเกิดขึ้นในจากการต้องรับงานของหัวหน้า การปฏิเสธ นั้นถือเป็นทักษะที่สำคัญพอควรเลยทีเดียว มาดูกันดีกว่าว่าเราควรจะปฏิเสธอย่างไรให้หัวหน้าเข้าใจ ไม่โกรธ และสามารถปฏิเสธอย่างได้ผล
Advertisement
Advertisement
ภาพประกอบถ่ายโดย energepic.com จาก Pexels
1. ตั้งใจรับฟังให้จบ
ขณะที่หัวหน้าคุณเรียกคุณเข้าไปพบและใช้สิทธิ์ความเป็นหัวหน้าในการกล่าวถึงเรื่องสำคัญที่เขาอยากให้คุณทำ ไม่ว่าคุณจะรับรู้เรื่องดังกล่าวมาแล้วล่วงหน้าหรือไม่ คุณควรตั้งใจรับฟังด้วยความจริงจัง แสดงความสนใจที่จะฟังขณะที่แววตาครุ่นคิด และพยายามแสดงออกทางสีหน้าให้หัวหน้าคุณสังเกตเห็นถึงความกังวลใจที่คุณมีต่องานนั้น โดยอย่าเพิ่งรีบปฏิเสธจนกว่าหัวหน้าคุณจะเล่ารายละเอียดของงานนั้นจนจบ
ภาพประกอบถ่ายโดย Giftpundits.com จาก Pexels
2. กล่าวคำขอบคุณ
หลังจากที่หัวหน้าของคุณพูดรายละเอียดของงานที่เขาจะมอบหมายให้คุณทำจนจบแล้ว คุณควรกล่าวคำขอบคุณหัวหน้าด้วยความจริงใจ โดยอาจใช้คำว่า “ผมขอบคุณหัวหน้ามากเลยนะครับ ที่ให้ความสำคัญกับผมในการที่จะเข้าไปทำงานนี้” หรือ “งานนี้เป็นงานที่สำคัญมากเลยค่ะ หนูขอบคุณหัวหน้ามากนะคะที่ให้โอกาส” เพื่อให้หัวหน้าของคุณรู้สึกดีกับสิ่งที่คุณพูดก่อน
Advertisement
Advertisement
ภาพประกอบถ่ายโดย kues จาก Freepik
3. กล่าวคำปฏิเสธตรง ๆ
และหลังจากที่คุณเริ่มด้วยการขอบคุณหัวหน้าไปแล้ว คุณควรจะกล่าวคำปฏิเสธต่อโดยทันทีด้วยการใช้น้ำเสียงหนักแน่นและจริงจัง ไม่ควรใช้การเอื้อนเอ่ย เช่น “อืม...” หรือ “คือ...” หรือ “เกรงว่า...” เพราะมันจะทำให้หัวหน้ารู้สึกว่าคุณยังลังเลในการตัดสินใจกับสิ่งที่คุณจะพูด หรือทำให้รู้สึกว่าคุณมีโอกาสที่จะเปลี่ยนใจได้ ดังนั้นคุณควรจะกล่าวปฏิเสธไปเลยตรง ๆ ด้วยความมั่นใจเพื่อให้หัวหน้ารู้สึกว่าคุณไม่อยากทำงานนี้จริง ๆ เช่น “ผมไม่สามารถทำหน้าที่ที่หัวหน้ามอบหมายได้จริง ๆ ครับ” โดยมีท่าทีที่สุภาพและใช้น้ำเสียงที่นุ่มนวลขณะกล่าวคำปฏิเสธ
ภาพประกอบถ่ายโดย Amy Hirschi จาก Unsplash
4. บอกเหตุผลสั้น ๆ
และในเมื่อคุณตั้งใจที่จะปฏิเสธงานนั้นอยู่แล้ว ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องกล่าวให้ยืดยาวเพราะมันจะทำให้ดูเหมือนคุณกำลังสร้างข้ออ้างในการหลีกเลี่ยงงานนั้นมากกว่า คุณควรคิดหาเหตุผลที่สั้นที่สุดและดูหนักแน่นที่สุดในการปฏิเสธงานนั้น และควรหลีกเลี่ยงการพูดถึงงานเก่าที่ยังทำไม่เสร็จ เช่น “ฉันคงไม่สามารถรับงานนี้ได้ค่ะ เพราะว่าโปรเจคต์เก่าที่ทำมายังมีข้อขัดข้องที่ต้องแก้ไขอยู่” เพราะจะทำให้คุณดูขาดความสามารถในการจัดการกับงานที่ได้รับ ขอแนะนำว่าคุณใช้งานที่คุณกำลังวางแผนจะทำในอนาคตมาเป็นเหตุผลในการปฏิเสธแทน
Advertisement
Advertisement
ภาพประกอบถ่ายโดย Dylan Gillis จาก Unsplash
5. แนะนำทางเลือกให้หัวหน้า
หลังจากที่คุณให้เหตุผลในการปฏิเสธงานจบ หัวหน้าคุณอาจจะรู้สึกไม่พอใจ หรือรู้สึกผิดหวังในตัวคุณได้ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดบรรยากาศในการสนทนาที่ไม่ดีหรือเกิดความรู้สึกแย่ ๆ จากการถูกปฏิเสธ คุณควรจะคิดหาทางเลือกอื่นให้หัวหน้า เช่น เสนอชื่อเพื่อนร่วมงานที่มีความสามารถที่จะทำงานนี้ได้ หรืออาสาทำในส่วนที่ทำได้โดยจะขอไม่รับงานนั้นทั้งหมด
ภาพประกอบถ่ายโดย Jonathan Borba จาก Unsplash
และทั้ง 5 ข้อนี้ก็คือขั้นตอนการกล่าวคำ “ปฏิเสธ” ไม่รับงานจากหัวหน้าของคุณ ซึ่งการปฏิเสธไปเลยโดยตรงและไม่ลังเลนั้นจะทำให้สามารถปฏิเสธได้สำเร็จมากกว่าการขอเก็บไปคิดก่อน อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะปฏิเสธงานของหัวหน้า เราขอแนะนำให้คุณชั่งใจดูให้ดีก่อนว่ามันจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของคุณในด้านบวกหรือลบมากกว่ากัน
ซึ่งหากคุณรับงานนั้นแล้วทำให้คุณรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ มีแนวโน้มที่จะทำงานนั้น ๆ ออกมาไม่ดี หรือกระทบต่อหน้าที่หลักของคุณเอง การลองปฏิเสธดูก่อนก็เป็นสิ่งที่คุณมีสิทธิ์ที่จะลองทำได้ค่ะ
ความคิดเห็น