อื่นๆ

ผีตาสิงห์ขี้เล่น

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ผีตาสิงห์ขี้เล่น

สมัยก่อนทางภาคอีสาน ความเจริญยังมาไม่ถึง ถนนหนทางก็จะเป็นดินสีแดง ๆ ดินทราย การเดินทาง ก็จะใช้เกวียนหรือบ้านไหนมีฐานะหน่อยก็ใช้รถยนต์ โรคภัยไข้เจ็บก็มีมาก การที่จะไปหาหมอในเมืองก็ลำบาก ระยะทางไกลมาก ๆ ชาวบ้านก็จะใช้สมุนไพรรักษาบรรเทาอาการกันไป และมีชาวบ้านคนหนึ่งชื่อ ตาสิงห์แก่เป็นคนขยัน ทำมาหากินและมีนิสัยชอบทำบุญทำทาน และรักเด็กชอบเล่านิทานให้เด็กๆ ฟังในหมู่บ้านก็จะมีเด็กน้อย ชื่อ เขียว หมู  ดำ ปลา มานั่งฟังแก่เล่านิทาน อยู่มาวันหนึ่งตาสิงห์แก่ก็เข้านอนทุกวันตามปกติ ตื่นเช้ามายายสีมาปลุกแก่เพื่อไปนา ยายสีตกใจตัวตาสิงห์แข็งทื่อ ไม่หายใจ ชาวบ้านว่าเป็นโรคไหลตายเป็นความเชื่อของทางภาคอีสานเรา นั้นเอง

น่ากลัวภาพโดย Pete Linforth จาก Pixabay

เด็กน้อยที่ชื่อ เขียว หมู ดำ ปลา ก็เติบโตเข้าโรงเรียนในหมู่บ้าน ทุกวันพวกเค้าเหล่านั้น ก็จะมาเล่นกันท้ายหมู่บ้าน ซ่อนแอบ เล่นดิน เล่นก่อทราย กันตามประสาเด็กๆ เพราะกลางคืนเดือน ธันวาคม ของทุกปีพระจันทร์จะเต็มดวง ส่องแสงสว่างเหมือนกลางวันเลย ขณะที่พวกเค้าเล่นอยู่ก็มีเด็กชายผอม ๆ มาขอเล่นด้วย เค้าแนะนำตัวว่าชื่อสิงห์ เด็ก ๆ ก็บอกว่าเล่นกันเลยชวนกันเล่นอย่างสนุกสนาน พอถึงเวลาดึกเด็ก ๆ ก็ชวนกันกลับบ้านและพวกเค้าก็ถามเด็กที่มาใหม่ว่า บ้านอยู่ไหนเค้าตอบว่าอยู่แถวนี้ไม่ไกลจากหมู่บ้าน

Advertisement

Advertisement

ที่นาของป้าสี ที่เป็นเมียของตาสิงห์แก่ได้ทำ "ศาลเพียงตา" ไว้ให้ตาสิงห์อยู่เพื่อดูแล ไร่นา สวนพริกของแก่ และเด็ก ๆ ก็มาเล่นท้ายหมู่บ้านกันเช่นเคย และก็มีเด็กชายสิงห์มาเล่นด้วย เล่นวิ่งไล่จับ ก่อทรายกันบ้าง อย่างสนุกสนานตามประสาเด็กกัน พอถึงเวลาดึก เด็ก ๆ ก็ชวนกันเข้าบ้าน ตาสิงห์ในร่างเด็กชายสิงห์ นึกสนุกอยากแกล้งเด็ก ๆ เรากลับก่อนนะ "ทันใดนั้น"ตาสิงห์ก็เดินหายวับไปต่อหน้าต่อตาเด็ก ๆ เหล่านั้น

ต้นไม้ภาพโดย ttktmn0 จาก Pixabay

พวกเขาพากันวิ่ง หน้าตั้ง ร้องหาพ่อแม่กันไปแต่ละคน สุดเสียง ผีหลอกๆ พ่อแม่ต้องพาไปรดน้ำมนต์ของหลวงตาที่วัดเพื่อความเป็นสิริมงคลและกำลังใจของเด็ก ๆ ชาวบ้านต่างเล่าขานว่า ตาสิงห์สามารถแปลงร่างเป็นเด็กได้ ชาวบ้านจึงพากันไปกราบไหว้ ศาลเพียงตาที่อยู่ที่นาของยายสี ตาสิงห์ตอนที่แก่มีชีวิต ชอบทำบุญ ทำทาน รักษาศีล พอแก่เสียชีวิต บุญกุศลที่แกทำมา ส่งผลทำให้ร่างกายนึกอยากเป็นอะไรก็ได้ตามใจ ที่ต้องการเป็น และไม่มีความอยากอาหารแบบอิ่มทิพย์ (เป็นความเชื่อของคนอีสาน) นั่นเอง

Advertisement

Advertisement

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์