อื่นๆ

"พ่อแม่" ไม่ใช่ "เทวดา"

175
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
"พ่อแม่" ไม่ใช่ "เทวดา"

โลกทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เร็วจนใครหลายๆ คนตามแทบไม่ทัน ในขณะที่ช่องว่างทางความสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ ก็เกิดขึ้นตามมาเป็นเงาตามตัว ใครปรับตัวได้ก็นับว่าโชคดีไป แต่ใครที่มองว่าการเปลี่ยนแปลงเปรียบเสมือนสึนามิครั้งใหญ่ในชีวิตที่ไม่สามารถจะเผชิญหน้าเพื่อต่อสู้กับมันได้ก็นับว่าเป็นเรื่องอันตราย ความหมายก็คือ ใครที่ปรับตัวไม่ได้ ก็ไม่ง่ายที่จะมีชีวิตที่มีความสุขและประสบความสำเร็จ หรือถ้าจะให้พูดกันง่ายๆ ว่าใครอ่อนแอก็แพ้ไป ก็คงไม่ห่างไกลจากความเป็นจริงมากนัก

เมื่อพูดกันถึงเรื่องของความสัมพันธ์ จะเห็นได้ว่าในโลกยุคดิจิทัลที่การพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีเป็นไปด้วยความรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด ทำให้ช่องว่างระหว่างผู้คนแคบลงไปถนัดตา คนที่อยู่กันคนละซีกโลกต่างก็สามารถเชื่อมโยงถึงกันได้ง่ายเพียงแค่เสี้ยววินาที ในขณะที่คนที่อยู่ใกล้กันอย่างคนในครอบครัวกลับมีระยะห่างกันมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ คำถาม คือ ทำไม?

Advertisement

Advertisement

ในความรู้สึกของผู้เขียนซึ่งต้องขอออกตัวก่อนว่าสิ่งที่กำลังถ่ายทอดออกไปอาจจะไม่ได้เป็นความคิดที่ถูกต้องหรือเป็นมาตรฐานเพียงพอที่จะทำให้คนอื่นมองเป็นบรรทัดฐานเพื่อสร้างความเข้าใจ แต่สิ่งที่กำลังจะกล่าวถึงเป็นเพียงอีกแง่มุมหนึ่งของเศษเสี้ยวความคิดของคนคนหนึ่งที่มีมุมมองต่อบริบทที่เกิดขึ้นทางสังคม ซึ่งบางส่วนอาจจะเป็นประสบการณ์ตรง บางส่วนอาจจะเกิดจากการสังเกตจากคนรอบตัว หรือในบางครั้งคราวก็อาจจะมีผู้คนแวะเวียนเข้ามาปรึกษาปัญหาเพื่อหาทางออกให้กับความเครียดที่เกิดขึ้นบ้าง ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลตัวผู้เขียนเองมองว่ามันอาจจะเป็นประโยชน์ในบางแง่มุมสำหรับใครบางคนได้ จึงอยากจะนำมาแบ่งปันกันเท่านั้นเอง

เรื่องราวมีอยู่ว่า ครั้งหนึ่งเคยมีเพื่อนคนหนึ่งเข้ามาระบายความในใจและขอคำปรึกษาเกี่ยวกับความรู้สึกที่เธอมีต่อพ่อแม่และครอบครัวของตัวเอง เธอมีความรู้สึกว่าบางครั้งในเสี้ยวหนึ่งของหัวใจเธอรู้สึกเกลียดชังพ่อแม่ พี่น้อง และครอบครัวของตัวเอง เกลียดชนิดที่ว่าถ้าสามารถเขียนใบลาออกกันได้เหมือนกับการลาออกจากงาน เธอจะลาออกจากการเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของคนในตระกูลนี้ ลาขาดจากการเป็นลูก ลาขาดจากการเป็นพี่เป็นน้อง ลาขาดจากความสัมพันธ์ทางสายเลือดกันเลยทีเดียว สิ่งที่ผู้เขียนมองเห็น นั่นก็คือความเจ็บปวดและความผิดหวังที่สื่อออกมาจากทางสายตาของเธอได้อย่างชัดเจน

Advertisement

Advertisement

ประเด็น คือ ตัวผู้เขียนเองไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านความสัมพันธ์ แต่เป็นคนที่มักจะโดนเพื่อนฝูง หรือคนรู้จักเข้ามาขอคำปรึกษาในเรื่องนี้อยู่บ่อยๆ ซึ่งอะไรที่เราพอจะแนะนำได้ก็แนะนำกันไป โดยบอกเขาไปว่าให้กลับไปทบทวนในสิ่งที่เราพูดดู แล้วไตร่ตรองด้วยตัวของตัวเองว่าสิ่งที่เราพูดเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ และควรจะนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตหรือไม่ อย่างไร

สิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกกับทุกคนก็คือ "พ่อแม่ไม่ใช่เทวดา" บางครั้งการที่เราเจ็บปวดกับการกระทำของคนทั้งคู่ที่ดูเหมือนจะใจร้ายในความคิดของเรา ซึ่งแน่นอนว่าในบางครั้งมันอาจจะเกิดจากมุมมองของเราที่มองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างบิดเบี้ยว หรือในบางมุมเราอาจจะเป็นฝ่ายถูกกระทำจริงๆ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ถ้าเราเข้าใจว่าพ่อแม่ก็คือคน คนที่ถูกเรียกว่า “มนุษย์” ไม่ใช่ “เทวดา”จะได้ทำถูกสิ่งทุกอย่างถูกต้องไปเสียทั้งหมด

Advertisement

Advertisement

บางครั้งในความเป็นลูก เราอาจจะคาดหวังว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่น่าจะมีหัวใจที่เสียสละหรือทุ่มเทมากกว่าที่เป็นอยู่ แต่บางทีเราอาจจะลืมไปว่า คนเราทุกคนย่อมมีกิเลสเป็นของตัวเอง กิเลสที่ว่านั่นก็คือ การอยากจะทำอะไรก็ได้ตามใจของตัวเอง ซึ่งในบางครั้งมันอาจจะไม่ได้ถูกต้อง หรือถูกใจใครไปซะหมดทุกเรื่อง หรือบางครั้งมันอาจจะทำให้คนเป็นลูกรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ หรือทุกข์ใจ แต่ถ้าเราเรียนรู้ที่จะเข้าใจว่าเขาก็คือ คนคนหนึ่งเหมือนกับที่เราเป็น แม้ว่าเขาจะเป็นพ่อเป็นแม่ที่ธรรมชาติบัญญัติตำแหน่งนี้มาให้ ซึ่งจะได้มาโดยตั้งใจ เต็มใจ หรือเกิดจากความผิดพลาด แต่ในบางโอกาสเขาก็ย่อมอยากที่จะเดินตามทางของตัวเอง

ฉะนั้น บางครั้งคนเป็นลูกก็จำเป็นที่จะต้องใจกว้าง ใช่ว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่จะต้องเป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเรา อย่าลืมว่าในวันที่เขาต้องทำหน้าที่ของพ่อแม่ ตัวเขาเองก็ต้องทำหน้าที่ของการเป็นลูกด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งวันหนึ่งคนที่มีโอกาสได้ยืนอยู่ในจุดนั้น...อาจจะเข้าใจ

สุดท้าย บางครั้งความเจ็บปวดทางด้านความสัมพันธ์ของเหล่าบรรดามนุษยชาติ แท้ที่จริงแล้วอาจเกิดจากความคาดหวัง หวังให้ใครบางคนมาเติมเต็มหัวใจที่ขาดพร่องของตัวเองให้เต็มตื้น ซึ่งเป็นความคิดของคนพ่ายแพ้ การคาดหวังบางสิ่งบางอย่างจากใครบางคนจึงเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยฉลาดมากนักถ้าอยากจะเป็นคนที่มีความสุข ในเมื่อมือเราก็มี ใจเราก็มี เราก็ต้องกล้าที่จะรับผิดชอบสิ่งๆ นี้ด้วยตัวของเราเอง เพราะสุดท้ายไม่ว่าจะเป็นเราหรือใคร ก็ไม่มีใครคนไหนที่เกิดมาแล้วมีศักดิ์เป็น "เทวดา" กันเลยสักคน แม้กระทั่งคนๆ นั้นจะขึ้นชื่อว่า "เป็นพ่อเป็นแม่" ของเราก็ตาม

เพราะฉะนั้น ความสุขเกิดขึ้นได้เพราะการมองโลกอย่างเข้าใจ ไม่คาดหวังให้ใครมาเป็นคนรับผิดชอบความรู้สึกของตัวเอง เวลาทุกวินาทีมีคุณค่า เราต้องเรียนรู้ที่จะเลือกมองหาในสิ่งที่เราอยากจะมองเห็น ไม่ใช่มัวแต่มองเห็นในสิ่งที่เราเองก็ไม่พึงปรารถนา แล้วเราจะรู้ว่าความสุขที่แท้จริงของการมีชีวิต...มันอยู่ที่ “มุมมอง” ไม่ใช่อื่นใด

>>เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ<<

ภาพทั้งหมดจาก Pixabay

เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ตรีภัคตรา
ตรีภัคตรา
อ่านบทความอื่นจาก ตรีภัคตรา

รีวิวอาหาร เครื่องดื่ม ท่องเที่ยว นวนิยาย เรื่องสั้น คมความคิดในแง่มุมต่างๆ

ดูโปรไฟล์

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์