อื่นๆ

ภารโรงคนเก่า

545
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ภารโรงคนเก่า

ผมเรียนจบจากโรงเรียนประถมแถวบ้านไปก็นานหลายปี กระทั่งตอนนี้เรียนอยู่มหาวิทยาลัยแล้ว ระหว่างนั้น ผมไม่เคยแวะเวียนไปที่โรงเรียนเก่าสักเท่าไหร่เลย เพราะต้องย้ายมาอยู่หอแถวมหาวิทยาลัย

จนกระทั่งวันหนึ่ง แม่ผมโทรมาบอกว่า ที่โรงเรียนเชิญให้ผมไปบรรยายเรื่องที่ผมสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังได้ ในสายอาชีพที่ใคร ๆ หลายคนฝันอยากเป็น นั่นคือ สื่อสารมวลชน

ผมก็ไม่รู้หรอกว่าต้องพูดอะไรยังไง แต่ก็ยินดีไปพูดให้ความรู้กับน้องๆ แล้วก็อยากจะกลับไปเยี่ยมเยียนอาจารย์หลาย ๆ ท่านด้วย แต่ละคนคงอายุมากขึ้น บ้างก็เกษียณไปแล้ว

งานที่ผมต้องขึ้นไปพูด เป็นงานวันคืนสู่เหย้าของโรงเรียน ซึ่งจะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ช่วงตอนม.ต้น ผมยังไปร่วมงานอยู่บ้าง แต่พอตอนม.ปลาย ก็ไม่ได้ไปอีกเลย ก็น่าจะ 3-4 ปีมาแล้วที่ไม่ได้มาเยือน

วันนั้นผมจึงถือโอกาสนัดเจอกับเพื่อนเก่าสมัยประถม เราจองโต๊ะจีนไว้นั่งร่วมงาน งานเลี้ยงจะเริ่มประมาณ หนึ่งทุ่ม แต่ผมไปถึงตั้งแต่เย็น เพื่อที่จะเตรียมตัวว่าต้องขึ้นไปพูดตอนไหน ยังไง และเมื่อมาถึงโรงเรียน ก็รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง มีการสร้างตึกใหม่ มีคุณครูใหม่ ๆ ที่ผมไม่คุ้นหน้า

Advertisement

Advertisement

ผมเดินเข้าไปที่โรงเรียน พยายามมองหาใครสักคนที่รู้จัก กระทั่งสายตาไปปะทะเข้ากับ ลุงชิน ภารโรงของโรงเรียน ผู้เป็นไม้เบื่อไม้เมากับนักเรียนเกเรทั้งหลาย แกเป็นภารโรงที่นี่มาตั้งแต่หนุ่มยันแก่ เด็กๆ หลายคนรู้กิตติศัพท์แกดี แกดุยิ่งกว่าครูบางคนซะอีก บางครั้งเห็นเด็กกำลังจะปีนรั้วหนีเรียน แกวิ่งเอาไม้กวาดที่ถือไล่ตีกันเลยทีเดียว

จำได้ว่าพวกผมก็เคยโดน แต่เพื่อนผมคนหนึ่งมันไปฟ้องแม่ พ่อแม่มันไม่ยอมที่ลุงชินเป็นแค่ภารโรง แต่ถือวิสาสะมาตีลูกเขา ทำให้เป็นเรื่องเป็นราวกันอยู่พักใหญ่ จำได้ว่าตอนนั้นลุงชินโดนครูใหญ่เอ็ดอยู่เหมือนกัน แกหยุดพฤติกรรมนั้นไปพักหนึ่ง แต่แล้วด้วยจิตวิญญาณของความเป็นผู้ใหญ่ ที่ไม่อยากเห็นเด็ก ๆ ออกนอกลู่นอกทาง แกก็ทนไม่ได้อีกนั่นแหละ แต่แกไม่กล้าเข้าไปตีเด็กแล้ว ได้แต่ดุ ด่า แล้วก็ขู่ว่าจะฟ้องครูประจำชั้น

Advertisement

Advertisement

“สวัสดีครับลุง จำผมได้มั้ย” ผมยกมือไหว้ภารโรงคนนั้นอย่างไม่ลังเล เมื่อนึกถึงเรื่องราวเก่า ๆ แกก็เหมือนญาติผู้ใหญ่คนนึงที่หวังดีกับเรานั่นแหละ

ลุงชินเงยหน้าจากไม่กวาดและกองขยะขึ้นมามองผมแวบหนึ่ง สายตาแกดูเย็นชา และไม่ตอบอะไร

“ลุงคงจำผมไม่ได้สินะ ผมตั้มไง ลูกพ่อโต้ง ที่เคยโดนลุงเอาไม้กวาดไล่ตี ตอนปีนออกไปเล่นนอกรั้วโรงเรียนไงครับ”

“อือ...” เสียงลุงชินเหมือนตอบผมออกมาเบาๆ

“ผมไม่ได้มาที่นี่นานเลยครับ ดูอะไร ๆ เปลี่ยนไปเยอะ ไม่น่าเชื่อว่าลุงจะยังทำงานอยู่ที่โรงเรียน ขนาดพวกครูยังเปลี่ยนไปหมดแล้วมีแต่หน้าใหม่ๆ ทั้งนั้นเลย” ผมพยายามชวนแกคุยต่อ

คราวนี้ลุงชินหยุดกวาดขยะ เงยหน้าขึ้นมองผม แล้วเอามือชี้ไปด้านหลังของผม เมื่อผมหันมองตาม ก็เห็นครูยุทธนา กำลังเดินเข้ามาหาผม แกเป็นครูประจำชั้นผมตอนป.6 และเป็นคนที่โทรไปหาแม่ให้เชิญผมมางาน

Advertisement

Advertisement

“สวัสดีครับครูยุทธนา”

“ตั้มใช่มั้ย ครูว่าแล้วหน้าคุ้นๆ ว่าแต่ยืนทำอะไรตรงนั้น”

“อ๋อ! พอดีผมยืนคุยกับลุง... เอ๊ะ!...หายไปไหนแล้วล่ะ ไวจัง...” ผมหันกลับมาแต่ลุงชินหายไปแล้ว

“เอาเถอะ ๆ รีบเข้าไปเตรียมตัวดีกว่า ไปดูคิวว่าต้องขึ้นไปพูดตอนไหน”

“ผมต้องพูดอะไรบ้างครับครู”

“ก็อาจจะเกริ่นนำความประทับใจที่เคยอยู่โรงเรียนนี้ก่อนนะ อาจจะเล่าวีรกรรมตอนเด็ก ๆ ของเราก็ได้ แล้วก็เล่าถึงเส้นทางชีวิตของเราน่ะ ว่ากว่าจะไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยใหญ่ ๆ ได้ต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยเป็นอย่างไร ประมาณนี้แหละ”

“ได้ครับครู แหม...แอบตื่นเต้นเหมือนกันนะครับเนี่ย”

ครูยุทธนา พูดคุยกับผมอยู่สักพักหนึ่งก็ขอตัวไปดูแลแขกและความเรียบร้อยของงาน เพราะงานใกล้เริ่มแล้ว ส่วนเพื่อน ๆ ผมก็ทยอยกันมาพอดี พอเจอเพื่อนผมก็ลืมเรื่องอื่นไปเลย มัวแต่กิน มัวแต่เมาท์กับเพื่อน ๆ เพลิน เพราะไม่ได้เจอกันนานมาก กระทั่งถึงคิวที่พิธีกรเรียกผมขึ้นไปพูด

ก่อนจะขึ้นไปพูด ผมแอบจิบสุราย้อมใจไปบ้างนิดหน่อย เพื่อสร้างความกล้า...

“สวัสดีครับ น้อง ๆ ทุกคน รวมถึงอาจารย์และผู้ปกครองทุกท่านที่มาร่วมงาน ผมเป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนแห่งนี้ครับ จำได้ว่าตอนเด็กๆ ผมมีวีรกรรมที่น่าจดจำหลายอย่างเลย ชอบปีนรั้วแอบหนีไปเที่ยวกันบ้าง ซุกซุนกันสารพัด โดนครูตีก็บ่อยครับ โดนลุงชินภารโรงเก่าแก่ประจำโรงเรียนตีก็ยังเคยเลย ตอนเด็ก ๆ ไม่ชอบแกเอาซะเลยฮะ แต่ตอนนี้ ผมเข้าใจแล้ว ว่าลุงชินก็ห่วงเราเหมือนลูกหลาน ไม่อยากเห็นเราทำผิดนั่นเอง แหม! พอดีวันนี้มาถึงโรงเรียนปุ๊บ ก็เจอลุงชินคนแรกเลย แกคงจำผมไม่ค่อยได้แล้วล่ะครับ...”

หลังจากผมพูดประโยคสุดท้ายจบ ก็มีเสียงฮือฮาบางอย่างดังขึ้น แต่ผมก็ยังไม่ได้สนใจอะไร ยังคงเล่าเรื่องราวของผมต่อไปจนจบ จากนั้นทุกคนก็ปรบมือ และพิธีกรก็เข้ามารับบทต่อ

“แหม! น้องตั้มนี่เข้าใจอำเล่นนะครับเอาซะขนลุกเชียว”

“อำอะไรเหรอครับ”

“ก็เรื่องที่บอกว่าเจอลุงชินไงครับ”

“ไม่ได้อำนี่ครับ ผมเจอแกจริง ๆ เมื่อเย็น ...นั่นไง ตอนนี้แกก็ยืนถือไม้กวาดอยู่ด้านหลังนั่น”

ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่ผมพูดออกไป ทำให้คนกว่าครึ่งงานหันไปมองลุงชิน แล้วก็มีเสียงพูดกันอื้ออึง ก่อนที่พิธีกรจะตัดบท

“เอ่อ...ขอเสียงปรบมือให้น้องตั้มคนเก่งอีกครั้งครับ เดี๋ยวต่อไปจะเป็นการแสดงของน้องชั้นป.2 นะครับ”

ผมเดินลงจากเวทีด้วยสีหน้างง ๆ พอเดินไปที่โต๊ะ เพื่อน ๆ ก็รีบถาม

“ตั้ม...เมื่อกี้บอกว่าเห็นลุงชินนี่พูดเล่นใช่มั้ยวะ”

“ทำไมต้องเอาเรื่องนี้มาพูดเล่นด้วยวะ ก็เห็นจริง ๆ พวกแกไม่เจอแกบ้างเหรอ เห็นแกเดินกวาดพื้นไปมาอยู่ตลอดงาน”

“ไม่มีใครเห็นแกแล้วล่ะตั้ม ...แกไม่รู้เหรอวะ ว่าลุงชินแกตายไปตั้งปีกว่าแล้ว”

“ห๊ะ! นี่พวกแกหลอกรึเปล่า”

“หลอกอะไรล่ะ ถามใครดูก็ได้ว่าจริงมั้ยที่พูดเมื่อกี้ ทำเอาขนลุกเกรียวกันทั้งงานเลยนะ”

ผมรู้สึกใจหายวาบ ที่เพื่อนผมบอกว่าลุงชินแกตายไปแล้ว ถ้าอย่างนั้น ผมเจอแกได้ยังไง นี่ผมเจอผีอย่างนั้นเหรอ พอคิดได้อย่างนั้น ใจผมแทบตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม รู้สึกกลัวอยู่เหมือนกัน แต่ก็อดไม่ได้ ที่จะมองหาแกอีกครั้ง เพื่อพิสูจน์ว่า ผมเห็นผีจริง ๆ หรือ

ผมชะเง้อมองไปที่ด้านหลังของงาน  คุณพระช่วย! ผมก็ยังคงเห็นลุงชินยืนกวาดพื้นอยู่ แต่คราวนี้แกเงยหน้ามามองผม ผมตกใจแทบหงายท้อง เพราะแกเดินเข้ามาใกล้ แววตาแข็งทื่อ แสยะยิ้มให้ผมเล็กน้อย ก่อนที่ภาพนั้นจะเบลอ และกลายเป็นเงาหายไปต่อหน้าต่อตา

“ตั้ม ๆ เป็นอะไรหรือเปล่า” เพื่อนเขย่าตัวผม จนตื่นจากภวังค์ ผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไปเหมือนกัน แต่ตอนนี้เหตุการณ์ทุกอย่างเป็นปกติ ผมไม่เห็นลุงชินอีกแล้ว

คืนนั้น ผมอยู่ต่อได้ไม่นาน เพราะมีคนมาถามว่าเห็นจริง ๆ เหรอ ซึ่งผมเองก็รู้สึกสยอง และหดหู่ใจไม่หาย ผมจึงรีบกลับก่อนใคร ผมรีบเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้แม่ฟัง แม่จึงบอกว่าให้ผมไปทำบุญซะ อุทิศส่วนกุศลให้แกด้วย อาจจะเป็นเพราะผมเป็นคนเดียวที่ไม่รู้ว่าแกตายแล้ว ก็เลยมาหา มาหยอกเล่นก็ได้

แต่ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น ผมไม่ได้คิดว่าแกตั้งใจมาหาผมหรอก แต่แกคงยังวนเวียนอยู่ที่นั่น มีจิตผูกพันอยู่กับโรงเรียนต่างหาก ก็แกเป็นภารโรงที่นี่มาทั้งชีวิต แกคงยึดติดกับสิ่งนั้นอยู่ ยังรักงานที่ทำอยู่ ผมแค่บังเอิญไปเห็นแกเข้า อาจจะดวงตกหรืออะไรก็ไม่ทราบได้ แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ไม่ลืมที่แม่บอก คือไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก เพราะอย่างน้อยเราก็เคยรู้จักกับเขามาก่อน

ได้ข่าวว่า เรื่องราวที่ผมเจอลุงชินในงานโรงเรียนวันนั้น เป็นเรื่องที่ลือกระฉ่อนกันมากกว่าเรื่องที่ผมไปพูดซะอีก เฮ้อ! ผมไม่ได้อยากให้น้อง ๆ จำผมด้วยเรื่องราวแบบนี้ซักหน่อย

“นั่นไงพี่ตั้ม คนที่เจอผีลุงชินตอนงานโรงเรียนน่ะ”

......

รูปภาพจาก : https://pixabay.com/

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ตรีกาล
ตรีกาล
อ่านบทความอื่นจาก ตรีกาล

เป็นนักข่าว นักเขียน ที่ผันตัวมาเป็นแม่ค้าขายอาหาร แต่ยังรักงานเขียนอยู่นะคะ

ดูโปรไฟล์

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์