อื่นๆ

มองหลัง.. แลกหน้า

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
มองหลัง.. แลกหน้า

กาลเวลาเปลี่ยนไปไม่เคยหยุดนิ่ง เปลี่ยนไปพร้อมกับความสับสนวุ่นวาย มีการต่อสู้กันทั้งด้วยความคิดและด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์โดยอาศัยเทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวช่วย ทุกสิ่งอย่างถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีเกือบทั้งสิ้น แต่ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีหาได้ช่วยให้จิตใจของผู้คนได้รับการพัฒนาให้ก้าวหน้าหรือสูงขึ้นได้เลย ความเจริญของเทคโนโลยีกับความเจริญของจิตใจกลับสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง ทุกคนหันไปให้ความสำคัญของเทคโนโลยีมากกว่า จนหลงลืมสิ่งที่เคยยึดถือและยึดเหนี่ยวทางจิตใจ หลงลืมสิ่งที่เคยปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็น ศีล สมาธิ  คุณธรรม จริยธรรม ความกตัญญูกตเวที การมีสัมมาคารวะ ซึ่งเป็นหลักธรรมคำสอนของศาสดาของแต่ละศาสนา คำสั่งสอนของพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ถึงแม้ปัจจุบันจะยังคงมีศาสนาเป็นแหล่งยึดเหนี่ยวอยู่บ้างก็ตาม แต่ก็ไม่อาจต้านกระแสกิเลสของผู้คนได้มากเท่าใดนัก

Advertisement

Advertisement

ภาพประกอบจาก ผู้เขียน เท่าที่เห็นและเป็นอยู่ในปัจจุบันการปฏิบัติของผู้นำและสาวกของศาสนาหลายสถานที่ไม่สามารถนำมาเป็นแบบอย่างและเป็นที่ยึดเหนี่ยวที่ดีได้ เพราะการปฏิบัติตนของผู้นำและสาวกเหล่านั้นปฏิบัติตนไม่แตกต่างจากสามัญชนคนธรรมดาทั่วไปที่หลงในกิเลสและอวิชชา ปฏิบัติตนไม่เป็นที่น่าเลื่อมใสศรัทธา บางแห่งผู้นำและสาวกศาสนากลับถูกครอบงำด้วยลาภสักการะ สังคมวุ่นวาย  ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนระหว่างความดีกับความชั่ว อันไหนถูกอันไหนผิด อันไหนจริง อันไหนเท็จ ไม่รู้จัก บาป-บุญ คุณ-โทษ กลายเป็นสังคมถูกครอบงำด้วยอำนาจที่ไม่เป็นธรรม ขาดความเสมอภาค ภารดรภาพ ขาดหิริโอตัปปะ ขาดสติสัมปชัญญะ กฎ ระเบียบ ของบ้านเมืองถูกละเลย ใช้บังคับเฉพาะคน เฉพาะกลุ่ม หาความยุติธรรมไม่เจอ

ภาพประกอบโดย ผู้เขียน สังคมทุกวันนี้ การกระทำมักจะตรงกันข้ามกับข้อเท็จจริงเสมอ ทำเรื่องผิดให้กลายเป็นถูก ทำเรื่องถูกให้กลายเป็นผิด บิดเบือนข้อเท็จจริง  ทำให้เกิดลัทธิเลียนแบบ เมื่ออยู่ในภาวะจำยอม เรามักจะได้ยินคำแก้ตัวว่า"รู้เท่าไม่ถึงการณ์" เสมอ  และเหตุการณ์เช่นนี้ก็มักจะวนเวียนเกิดซ้ำแล้วซ้ำอีก จนกลายเป็นค่านิยมของคนในสังคม ทุกคนละเลยความถูกต้อง ไม่มีใครอยากเข้าไปยุ่งเกี่ยว ทุกคนมักจะคิดว่า"ธุระไม่ใช่" (ทั้งที่มันใช่)​ ก็เพราะทุกคิดว่ามันเป็นเรื่องปกตินี่แหละ มาระยะหลังทำให้ผู้คนเข้าใจว่าสิ่งที่ไม่ถูกต้องเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องทำแล้วไม่ผิด ไม่ต้องรับโทษ เป็นการเป็นการสร้างกระบวนการ "เห็นกงจักรเป็นดอกบัว"  การทุจริตคอร์รัปชันในสังคมตั้งแต่องค์กรเล็กสุดไปถึงใหญ่สุดถือเป็นเรื่องธรรมดา คนรวยที่ละเมิดสิทธิ์ ทำผิดกฎหมาย มักจะได้รับการปกป้อง มีพวกพ้องช่วยเหลือ แบบ"พวกมากลากไป" โดยขาดความละอาย ไร้สติ ขาดจิตสำนึก เป็นการสร้างวัฒนธรรม สร้างค่านิยมและแบบอย่างที่ผิดๆ มอบเป็นมรดกบาปฝากไว้ให้กับเยาวชนคนรุ่นหลังยึดถือและปฏิบัติตาม หากสังคมที่เห็นและเป็นอยู่ยังคงดำเนินไปดังเช่นทุกวันนี้ เราจะเหลือมรดกที่น่าภาคภูมิใจใด ที่จะมอบไว้ให้กับเยาวชนคนรุ่นหลังได้ระลึกนึกถึงคุณงามความดีบ้างล่ะ

Advertisement

Advertisement

ภาพประกอบโดย ผู้เขียน


ท่านพุทธทาสภิกขุ เคยได้กล่าวไว้ว่า "ศีลธรรมไม่กลับมา โลกาจะพินาศ" ศีลธรรมจะไม่กลับมาหากพวกเราหากพวกเราไม่พากันกลับไปหาหลักธรรม คืนสู่หลักธรรมที่เคยสอนให้เรามีจิตสำนึก รู้จักแยกความดีกับความชั่ว รู้จักแยกความจริงออกจากความเท็จ รู้จักแยกแยะอะไรควรไม่ควร รู้จักใช้สติมากกว่าการใช้กำลัง อยากให้ทุกคนใช้สติ ใช้หลักธรรมนำชีวิต กลับไปหาหลักคำสอนอันประเสริฐขององค์ศาสดาของแต่ละศาสนา มีความอดทน อดกลั้น และไม่หวั่นไหวต่อทุกๆ สภาพการณ์ อันจะเกิดขึ้นและสร้างเจตคติ ทัศนคติ ค่านิยม คุณธรรม จริยธรรมและความถูกต้องดีงามเพื่อเป็นแม่แบบที่ดีแก่อนุชนคนรุ่นหลังได้นำไปประพฤติปฏิบัติสืบไป

ภาพประกอบจาก ผู้เขียนคืนสู่รากเหง้า คือ การกลับไปเชื่อมอดีตกับปัจจุบันเพื่อสานอนาคต(วิถีสู่ชีวิตพองเพียง:เสรี พงศ์พิศ: เมษายน 2552)

หมายเหตุ

1.รูปภาพที่ใช้ประกอบบทความนี้ผู้เขียนได้ทำขึ้นเองโดยอาศัยแบร่างจาก Canva

Advertisement

Advertisement

2.บทความนี้ผู้เขียนได้เขียนจากอารมณ์ ความรู้สึก   จากเหตุการณ์ที่ได้พบเห็น มิได้มีเจตนาจะกล่าวหาหรือกล่าวเสียดสีใดๆ ทั้งสิ้น หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย)​

อัปเดตความรู้ใหม่ ๆ อีกมากมาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์