อื่นๆ

มือใหม่อ่านกราฟหุ้นพื้นฐาน (แนวรับ- แนวต้าน Vol และ EMA) [เม่าน้อยตะลุยไฟ]

406
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
มือใหม่อ่านกราฟหุ้นพื้นฐาน (แนวรับ- แนวต้าน Vol และ EMA) [เม่าน้อยตะลุยไฟ]

มือใหม่อ่านกราฟหุ้นพื้นฐาน (แนวรับ- แนวต้าน Vol และ EMA) [เม่าน้อยตะลุยไฟ]

การเล่นหุ้นในเชิงเทคนิคสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ กราฟ เพราะว่าต้องใช้ในการดูการเคลื่อนที่ของราคา และอีกทั้งยังมีอินดิเคเตอร์ต่างๆ ให้เราได้ดูแนวโน้มของราคาหุ้น เช่น Exponential Moving Average (EMA) และ Relative Strength Index (RSI)  ซึ่งจะช่วยให้เราคาดเดาแนวโน้มของหุ้นตัวนั้นได้ดีขึ้น แต่สิ่งสำคัญที่เป็นพื้นฐานจากขาดไม่ได้เลยนั้นก็คือ แนวรับแนวต้าน และปริมาณการซื้อขาย Vol ซึ่งเดียวจะมาดูกันว่ามีวิธีการดูอย่างไร

ข้อมูลที่ดูกราฟหุ้นสามารถดูได้หลากหลายที่ เช่น

Efin stock pickup ซึ่งหลายๆโบรกที่นักลงทุนเทรดอยู่ สามารถเข้าไปดูได้ฟรีเลยครับ

กราฟจากโปรแกรม Efin stock pickupTradingview ในเว็บไซด์นี้ก็จะมีทั้งฟรีและเสียค่าใช้จ่าย
ภาพกราฟจาก Tradingviewซึ่งกราฟที่ยกตัวอย่างให้จะมีรูปกราฟเหมือนกัน แท่งเทียนแสดงเหมือนกัน ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานจะชื่นชอบจากโปรแกรมใด (Tradingview ถ้าใช้งานฟรีอาจใส่อินดิเคเตอร์ไม่ได้ครบถ้วน)

Advertisement

Advertisement

กราฟหุ้นที่เขียนทั้งหมดในบทความนี้จะใช้แท่งเทียน และรูปที่ใช้จะผ่านโปรแกรม Efin stock pickup เป็นหลักเพราะว่าผู้เขียนใช้งานโปรแกรมนี้เป็นหลักนะครับ ส่วนผู้อ่านใช้โปรแกรมอื่นก็สามารถนำมาเทียบเคียงได้ครับ (ถ้าใครไม่รู้จักแท่งเทียน หรือการวิเคราะห์แท่งเทียนสามารถไปดูบทความเก่าๆได้) นอกจากแท่งเทียนที่แนะนำไปแล้ว ยังมีอีกหลายตัวที่แนะนำให้ใช้งาน (ส่วนตัวผู้เขียนใช้แค่ Vol เพียงอย่างเดียว)

1.แนวรับ (Support) และแนวต้าน (Resistance)

เป็นตัวแรกที่แนะนำให้รู้จัก เพราะว่าเป็นพื้นฐานมากในการพิจารณากราฟ

แนวรับ (Support) – เป็นแนวที่มีราคาหุ้นตกมาถึงระดับราคานั้น หลายครั้ง แต่ไม่หลุดลงไปต่ำกว่านั้น เพราว่ามีแรงซื้อเพื่อไม่ได้ราคาต่ำกว่านั้นซึ่งอาจมีโอกาสกลับตัวเป็นขาขึ้นได้อีกครั้ง

แนวต้าน (Resistance) – เป็นแนวที่ราคาหุ้นวิ่งขึ้นไปชนที่ราคานั้น หลายครั้ง แต่ราคาไม่ขึ้นสูงไปกว่านั้น เพราะว่ามีแรงขายเพื่อไม่ให้ราคาสูงกว่านั้น ซึ่งอาจมีโอกาสเป็นขาลง

Advertisement

Advertisement

วิธีการหาแนวรับและแนวต้าน คือ ลากเส้นผ่านจุดที่มีการสัมผัสกันเยอะที่สุด ยิ่งสัมผัสเยอะยิ่งแข็งแรง ตามตัวอย่างในรูปภาพ

แนวรับ-แนวต้าน

ช่วงแรกที่เป็นแนวโน้มขาขึ้นชัดเจน

เส้นที่ 1 ในช่วงกรอบสีเขียว  เป็นแนวต้าน  แต่ราคาผ่านไปเป็นแนวรับ

เส้นที่ 2 ในช่วงกรอบสีน้ำเงิน เป็นแนวต้าน และเส้นที่ 1 เป็นแนวรับ

เส้นที่ 3 ในช่วงกรอบสีเหลือง เป็นแนวต้าน และเส้นที่ 2 เป็นแนวรับ

ช่วงย่อ

เส้นที่ 3 เป็นแนวรับสำคัญ แต่รับไม่ไหวหลุดลงมาด้านล่าง แล้วราคาหุ้นพยายามกลับขึ้นไปด้านบน แต่เส้นที่ 3 เล็กน้อยก่อนผ่านไปได้ (จากแนวรับกลับมาเป็นแนวต้าน)

ช่วงลง

เส้นที่ 3 เป็นแนวรับสำคัญ แต่ราคาหลุดลงมาเร็วและแรงมาก ทำให้เส้นที่ 2 ไม่สามารถรับได้ แต่เส้นที่ 1 สามารถรับได้ เลยมีการยืนที่แนวเส้นที่ 1 หลายวัน แต่ก็ไม่สามารถรับที่ราคานั้นได้อยู่ดี

Advertisement

Advertisement

** เมื่อราคาผ่านแนวต้าน แนวต้านนั้นจะเป็นแนวรับสำคัญต่อไปเหมือนกัน

2.ปริมาณการซื้อขาย (Volume)

ปริมาณการซื้อขาย (Volume) เป็นตัวบอกปริมาณการซื้อ-ขาย (ตรงตัวเลยจริงๆ) ซึ่งหลักการง่ายๆ

--- ถ้ามีปริมาณการซื้อมากกว่าขาย หุ้นจะขึ้น ---

--- ถ้ามีปริมาณการขายมากกว่าซื้อ หุ้นจะลง ---

หรืออาจมองอีกมุมก็ได้ เช่น

--- ราคาหุ้นจะหยุดลง เมื่อแรงขายหมด (Vol ขายไม่มีแล้ว) ---
--- ราคาหุ้นจะหยุดขึ้น เมื่อแรงซื้อหมด (Vol ซื้อไม่มีแล้ว) ---

และ vol ยังเป็นตัวบอกได้อีกว่า มีคนกำลังสนใจหุ้นนั้นอยู่ ถ้า vol มากแสดงว่ามีการปริมาณการซื้อขายมากเช่นกัน

เพราะฉะนั้นในหลักการง่าย ในการผ่านแนวต้านจะต้องมี vol มากกว่าปกติ แต่ถ้ามีน้อยมากหรือในระดับปกติ มีแนวโน้มว่าอาจเป็นการเบรกหลอกก็ได้ (เบรคจริงมักจะมี Volume มา Support เสมอ ขึ้นจริง Volume ซื้อก็จะตามขึ้นไปครับ)

ปริมาณการซื้อขาย Vol

3. Exponential Moving Average (EMA)หรือ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่

EMA เป็นการใช้ราคาคำนวณค่าเฉลี่ยย้อนหลัง โดยคนส่วนใหญ่นิยมใช้ค่านี้เป็นตัวบ่งบอกแนวโน้มของราคาหุ้น เช่น

EMA 5  ราคาย้อนหลัง 5 วัน – ค่านิยมใช้เมื่อหุ้นเป็นแนวโน้มขาขึ้นอย่างรุนแรง ราคาหุ้นมักวิ่งตามเส้นค่านี้

EMA 35 ราคาย้อนหลัง 35 วัน – มักใช้บอกแนวโน้มของหุ้น และอาจเป็นแนวรับ ในกรณีที่หุ้นเป็นขาขึ้น

EMA 89 ราคาย้อนหลัง 89 วัน - มักใช้บอกแนวโน้มของหุ้น และอาจเป็นแนวรับ ในกรณีที่หุ้นเป็นขาขึ้น

EMA 200 ราคาย้อนหลัง 200 วัน -มักใช้บอกแนวโน้มของหุ้นว่าเป็นขาขึ้นหรือขาลง เช่น ถ้าราคาหุ้นอยู่เหนือเส้น EMA 200 จะเป็นขาขึ้น แต่ถ้าอยู่ต่ำกว่ามักเป็นขาลง

Exponential Moving Average

ซึ่งความเป็นจริงค่าอินดิเคเตอร์ในการใช้งานมีเยอะเป็นจำนวนมาก ซึ่งขึ้นอยู่กับนักลงทุนจะใช้อินดิเคเตอร์ไหนในลงทุน และใช้ตัวไหนเหมาะสมกับนักลงทุนแนวที่เราถนัด เช่น ตัวผู้เขียนเองในการลงทุนระยะสั้น จะใช้เพียง กราฟและVol ในการพิจารณาซื้อขายเพียงเท่านี้ ในตอนต่อไป จะแนะนำทุกท่านให้รู้จัก Price pattern ซึ่งมีความสำคัญอีกตัวนึงสำหรับใช้ในการพิจารณาแนวโน้มของหุ้น โดยปกตินักลงทุนที่เก่งไม่ได้มองเพียงแค่ แนวรับ-แนวต้าน Vol และ EMA แต่ยังมี Price pattern ที่จะช่วยทำให้เราเลือกหุ้นที่จะลงทุนได้ดีมากยิ่งขึ้น และมีโอกาสขาดทุนลดลง

ถ้าท่านไหนเปิดกราฟ และไม่รู้วิธีการเปิด Vol หรือ EMA รบกวนคอมเม้นมาหน่อยครับ จะได้เขียนข้อมูลพื้นฐานเพิ่มเติมให้ครับ หรือมีอะไรติชมรบกวนคอมเม้นมาด้วยนะครับ

Created by : เม่าน้อยตะลุยไฟ

Photo by : เม่าน้อยตะลุยไฟ

เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์