อื่นๆ
มือใหม่อ่านกราฟหุ้นพื้นฐาน (แนวรับ- แนวต้าน Vol และ EMA) [เม่าน้อยตะลุยไฟ]
มือใหม่อ่านกราฟหุ้นพื้นฐาน (แนวรับ- แนวต้าน Vol และ EMA) [เม่าน้อยตะลุยไฟ]
การเล่นหุ้นในเชิงเทคนิคสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ กราฟ เพราะว่าต้องใช้ในการดูการเคลื่อนที่ของราคา และอีกทั้งยังมีอินดิเคเตอร์ต่างๆ ให้เราได้ดูแนวโน้มของราคาหุ้น เช่น Exponential Moving Average (EMA) และ Relative Strength Index (RSI) ซึ่งจะช่วยให้เราคาดเดาแนวโน้มของหุ้นตัวนั้นได้ดีขึ้น แต่สิ่งสำคัญที่เป็นพื้นฐานจากขาดไม่ได้เลยนั้นก็คือ แนวรับแนวต้าน และปริมาณการซื้อขาย Vol ซึ่งเดียวจะมาดูกันว่ามีวิธีการดูอย่างไร
ข้อมูลที่ดูกราฟหุ้นสามารถดูได้หลากหลายที่ เช่น
Efin stock pickup ซึ่งหลายๆโบรกที่นักลงทุนเทรดอยู่ สามารถเข้าไปดูได้ฟรีเลยครับ
Tradingview ในเว็บไซด์นี้ก็จะมีทั้งฟรีและเสียค่าใช้จ่าย
ซึ่งกราฟที่ยกตัวอย่างให้จะมีรูปกราฟเหมือนกัน แท่งเทียนแสดงเหมือนกัน ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานจะชื่นชอบจากโปรแกรมใด (Tradingview ถ้าใช้งานฟรีอาจใส่อินดิเคเตอร์ไม่ได้ครบถ้วน)
Advertisement
Advertisement
กราฟหุ้นที่เขียนทั้งหมดในบทความนี้จะใช้แท่งเทียน และรูปที่ใช้จะผ่านโปรแกรม Efin stock pickup เป็นหลักเพราะว่าผู้เขียนใช้งานโปรแกรมนี้เป็นหลักนะครับ ส่วนผู้อ่านใช้โปรแกรมอื่นก็สามารถนำมาเทียบเคียงได้ครับ (ถ้าใครไม่รู้จักแท่งเทียน หรือการวิเคราะห์แท่งเทียนสามารถไปดูบทความเก่าๆได้) นอกจากแท่งเทียนที่แนะนำไปแล้ว ยังมีอีกหลายตัวที่แนะนำให้ใช้งาน (ส่วนตัวผู้เขียนใช้แค่ Vol เพียงอย่างเดียว)
1.แนวรับ (Support) และแนวต้าน (Resistance)
เป็นตัวแรกที่แนะนำให้รู้จัก เพราะว่าเป็นพื้นฐานมากในการพิจารณากราฟ
แนวรับ (Support) – เป็นแนวที่มีราคาหุ้นตกมาถึงระดับราคานั้น หลายครั้ง แต่ไม่หลุดลงไปต่ำกว่านั้น เพราว่ามีแรงซื้อเพื่อไม่ได้ราคาต่ำกว่านั้นซึ่งอาจมีโอกาสกลับตัวเป็นขาขึ้นได้อีกครั้ง
แนวต้าน (Resistance) – เป็นแนวที่ราคาหุ้นวิ่งขึ้นไปชนที่ราคานั้น หลายครั้ง แต่ราคาไม่ขึ้นสูงไปกว่านั้น เพราะว่ามีแรงขายเพื่อไม่ให้ราคาสูงกว่านั้น ซึ่งอาจมีโอกาสเป็นขาลง
Advertisement
Advertisement
วิธีการหาแนวรับและแนวต้าน คือ ลากเส้นผ่านจุดที่มีการสัมผัสกันเยอะที่สุด ยิ่งสัมผัสเยอะยิ่งแข็งแรง ตามตัวอย่างในรูปภาพ
ช่วงแรกที่เป็นแนวโน้มขาขึ้นชัดเจน
เส้นที่ 1 ในช่วงกรอบสีเขียว เป็นแนวต้าน แต่ราคาผ่านไปเป็นแนวรับ
เส้นที่ 2 ในช่วงกรอบสีน้ำเงิน เป็นแนวต้าน และเส้นที่ 1 เป็นแนวรับ
เส้นที่ 3 ในช่วงกรอบสีเหลือง เป็นแนวต้าน และเส้นที่ 2 เป็นแนวรับ
ช่วงย่อ
เส้นที่ 3 เป็นแนวรับสำคัญ แต่รับไม่ไหวหลุดลงมาด้านล่าง แล้วราคาหุ้นพยายามกลับขึ้นไปด้านบน แต่เส้นที่ 3 เล็กน้อยก่อนผ่านไปได้ (จากแนวรับกลับมาเป็นแนวต้าน)
ช่วงลง
เส้นที่ 3 เป็นแนวรับสำคัญ แต่ราคาหลุดลงมาเร็วและแรงมาก ทำให้เส้นที่ 2 ไม่สามารถรับได้ แต่เส้นที่ 1 สามารถรับได้ เลยมีการยืนที่แนวเส้นที่ 1 หลายวัน แต่ก็ไม่สามารถรับที่ราคานั้นได้อยู่ดี
Advertisement
Advertisement
** เมื่อราคาผ่านแนวต้าน แนวต้านนั้นจะเป็นแนวรับสำคัญต่อไปเหมือนกัน
2.ปริมาณการซื้อขาย (Volume)
ปริมาณการซื้อขาย (Volume) เป็นตัวบอกปริมาณการซื้อ-ขาย (ตรงตัวเลยจริงๆ) ซึ่งหลักการง่ายๆ
--- ถ้ามีปริมาณการซื้อมากกว่าขาย หุ้นจะขึ้น ---
--- ถ้ามีปริมาณการขายมากกว่าซื้อ หุ้นจะลง ---
หรืออาจมองอีกมุมก็ได้ เช่น
--- ราคาหุ้นจะหยุดลง เมื่อแรงขายหมด (Vol ขายไม่มีแล้ว) ---
--- ราคาหุ้นจะหยุดขึ้น เมื่อแรงซื้อหมด (Vol ซื้อไม่มีแล้ว) ---
และ vol ยังเป็นตัวบอกได้อีกว่า มีคนกำลังสนใจหุ้นนั้นอยู่ ถ้า vol มากแสดงว่ามีการปริมาณการซื้อขายมากเช่นกัน
เพราะฉะนั้นในหลักการง่าย ในการผ่านแนวต้านจะต้องมี vol มากกว่าปกติ แต่ถ้ามีน้อยมากหรือในระดับปกติ มีแนวโน้มว่าอาจเป็นการเบรกหลอกก็ได้ (เบรคจริงมักจะมี Volume มา Support เสมอ ขึ้นจริง Volume ซื้อก็จะตามขึ้นไปครับ)
3. Exponential Moving Average (EMA)หรือ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่
EMA เป็นการใช้ราคาคำนวณค่าเฉลี่ยย้อนหลัง โดยคนส่วนใหญ่นิยมใช้ค่านี้เป็นตัวบ่งบอกแนวโน้มของราคาหุ้น เช่น
EMA 5 ราคาย้อนหลัง 5 วัน – ค่านิยมใช้เมื่อหุ้นเป็นแนวโน้มขาขึ้นอย่างรุนแรง ราคาหุ้นมักวิ่งตามเส้นค่านี้
EMA 35 ราคาย้อนหลัง 35 วัน – มักใช้บอกแนวโน้มของหุ้น และอาจเป็นแนวรับ ในกรณีที่หุ้นเป็นขาขึ้น
EMA 89 ราคาย้อนหลัง 89 วัน - มักใช้บอกแนวโน้มของหุ้น และอาจเป็นแนวรับ ในกรณีที่หุ้นเป็นขาขึ้น
EMA 200 ราคาย้อนหลัง 200 วัน -มักใช้บอกแนวโน้มของหุ้นว่าเป็นขาขึ้นหรือขาลง เช่น ถ้าราคาหุ้นอยู่เหนือเส้น EMA 200 จะเป็นขาขึ้น แต่ถ้าอยู่ต่ำกว่ามักเป็นขาลง
ซึ่งความเป็นจริงค่าอินดิเคเตอร์ในการใช้งานมีเยอะเป็นจำนวนมาก ซึ่งขึ้นอยู่กับนักลงทุนจะใช้อินดิเคเตอร์ไหนในลงทุน และใช้ตัวไหนเหมาะสมกับนักลงทุนแนวที่เราถนัด เช่น ตัวผู้เขียนเองในการลงทุนระยะสั้น จะใช้เพียง กราฟและVol ในการพิจารณาซื้อขายเพียงเท่านี้ ในตอนต่อไป จะแนะนำทุกท่านให้รู้จัก Price pattern ซึ่งมีความสำคัญอีกตัวนึงสำหรับใช้ในการพิจารณาแนวโน้มของหุ้น โดยปกตินักลงทุนที่เก่งไม่ได้มองเพียงแค่ แนวรับ-แนวต้าน Vol และ EMA แต่ยังมี Price pattern ที่จะช่วยทำให้เราเลือกหุ้นที่จะลงทุนได้ดีมากยิ่งขึ้น และมีโอกาสขาดทุนลดลง
ถ้าท่านไหนเปิดกราฟ และไม่รู้วิธีการเปิด Vol หรือ EMA รบกวนคอมเม้นมาหน่อยครับ จะได้เขียนข้อมูลพื้นฐานเพิ่มเติมให้ครับ หรือมีอะไรติชมรบกวนคอมเม้นมาด้วยนะครับ
Created by : เม่าน้อยตะลุยไฟ
Photo by : เม่าน้อยตะลุยไฟ
เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !
ความคิดเห็น