อื่นๆ
ยักษ์..รัก..นะ

กิรดังกาเล...วนิพกคนเดิมมาเล่านิทานแลกข้าว แลกน้ำ พอให้ปะทังชีวิต เร่เข้ามา เร่เข้ามา ล้อมวงกันฟังจ้า...
เป็นประโยคเริ่มต้นของวนิพกที่เริ่มเล่านิทานให้ผู้คนและเด็กน้อยฟัง
กาลครั้งนึงนานมาแล้ว มียักษ์หนุ่มตนนึงมีฤทธิ์มาก เพราะทำความดีมายาวนานจนได้รับพรจากเทพเจ้า แต่ด้วยความหยิ่งผยองลืมตัว ยักษ์ตนนี้เที่ยวเล่นสนุกไปทั่วไม่มีความเกรงกลัวใคร อยากไปไหนก็ไป สวรรค์ นรก บาดาล ก็ย่ำมาหมดแล้ว เจอใครก็ไม่เคยครั่นคร้าม พูดจาท้าทายทะเลาะไปทั่ว จนไปก่อความรำคาญให้กับเหล่าเทวดาทั้งหลาย เทพเจ้ารู้เข้าก็เลยสาปถ้าวันใดที่เจ้าจะต้องสิ้นฤทธิ์และจะไม่สามารถพูดได้อีกตลอดกาล ยกเว้นคืนวันที่มีจันทรุปราคา และจะพูดได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นจะพูดไม่ได้อีกเลย
อยู่มาวันนึง ยักษ์หนุ่มมาเที่ยวเล่นบนโลกมนุษย์ ด้วยบุพเพสันนิวาส ก็ได้พบรักกับหญิงสาวแม่ค้านางหนึ่ง
ด้วยอำนาจแห่งรัก ทั้งคู่ก็ได้เข้าวิวาห์กันในคืนนั้น เข้าวันรุ่งขึ้นเจ้ายักษ์หนุ่มซึ่งยังคงรักชีวิตอิสระก็ยังคงออกท่องเที่ยวไป
หลายปีผ่านไป เจ้ายักษ์กลับมาหาคู่รักอีกครั้งด้วยความคิดถึง ก็มาพบว่า หญิงคนรักดูแก่โทรมมาก เมื่อเข้าไปหาก็พบว่ามีเด็กหญิงวัยรุ่นอยู่ด้วย เจ้ายักษ์มารู้ความจริงว่านี่คือลูกสาวอันเกิดจากตน ก็รู้สึกผูกพันรักเอ็นดู
เมื่อมาอยู่ด้วยสักระยะ ก็เริ่มสังเกตเห็นว่า เมียรักของตนต้องทุกข์ทรมาน จากการที่จะต้องเลี้ยงดูลูกคนเดียว เพราะถูกคนในครอบครัวเธอรังเกียจ ที่ทำให้อับอายจากที่ท้องไม่มีพ่อ ทำให้เธอต้องตรากตรำลำบากเลี้ยงลูกคนเดียวมาหลายปี
เจ้ายักษ์รู้สึกสงสารจับใจ เลยคิดว่า ถ้าเรายังมีฤทธิ์อยู่เราก็คงอดใจไม่ไหวต้องหนีเที่ยว ปล่อยให้ลูกเมียลำบาก อย่ากระนั้นเลย เราจะสละฤทธิ์ตัวเอง ก่อนสละก็เลยเสกโซ่อันใหญ่ขึ้นมาล่ามขาตัวเองไว้กับเสาบ้าน
Advertisement
Advertisement
ด้วยความตั้งใจว่าจะอยู่ดูแลปกป้องลูกเมียไปตลอดชีวิต พอถอดถอนฤทธิ์ตัวเองเสร็จก็พูดไม่ได้อีก เจ้ายักษ์ก็ได้แต่คำรามตามประสายักษ์ ไม่ว่าจะชอบใจหรือไม่พอใจก็สื่อสารอะไรไม่ได้อีก โดยลูกเมียก็ไม่รู้เพราะความหุนหันพลันแล่นของเจ้ายักษ์ ทุกวันลูกเมียก็จะเอาข้าวเอาน้ำมาให้ ยักษ์ได้รับอาหาร ก็คำรามตอบ
เป็นอย่างนี้มานาน ลูกเมียก็อยู่ด้วยความกลัว ไม่เข้าใจว่า พ่อเป็นอะไรกันแน่ เดาใจไม่ถูก ไม่พูดไม่จา เอาแต่คำราม
ลูกสาวซึ่งก็มีกำลังมาก เพราะได้เลือดยักษ์จากพ่อมาครึ่งนึง ก็มีนิสัยพูดจากเสียงดังเหมือนคำราม แต่ยังคงพูดภาษามนุษย์ได้ พอเอาข้าวน้ำมาให้ก็มักจะพูดจากระโชกโฮกฮากกับพ่อเสมอ ผู้เป็นพ่อไม่พอใจก็คำรามใส่ด้วยความไม่พอใจ พ่อลูกก็ไม่ลงรอยกันมาตลอด
อยู่มาวันนึง ลูกสาวรู้สึกว่า พ่อไม่รัก ทำอะไรก็ไม่ถูกใจมาตลอด จึงปรึกษากับแม่ว่าจะถามพ่อให้รู้เรื่องว่ายังไงกันแน่
เผอิญคืนนั้นกำลังจะเกิด จันทรุปราคาพอดี ลูกสาวก็เข้าไปพูดกับด้วยความรู้สึกอัดอั้นมาตลอด พูดไปน้ำตาก็พรั่งพรูไป
ว่า พ่อไม่รักหนูเหรอ ทำไมหนูทำอะไรก็ไม่ถูกใจพ่อสักที หนูพยายามทำทุกอย่างแล้วนะ ให้พ่อพอใจ แต่ทำไมพ่อถึงไม่พอใจหนูตลอดเวลา
Advertisement
Advertisement
“พ่อ ...พ่อ ...พ่อรักหนูไหม ทำไมพ่อไม่พูดล่ะ พ่อเคยพูดได้นิ”
ลูกสาวพร่ำพรรณนาความรู้สึกข้างในออกมาเหมือนเขื่อนแตก แต่ผู้เป็นพ่อก็ได้แต่คำรามตามประสายักษ์ ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็ไม่สามารถทำให้ลูกเข้าใจได้ พูดจบลูกสาวก็วิ่งออกไป
ขณะนั้นก็พอดีเป็นเวลาที่จะเกิดจันทคราส พ่อได้โอกาสเพียงครั้งเดียว รีบเปล่งเสียงภาษามนุษย์ออกไป ว่า
“รักสิลูก ที่พ่อยอมสละฤทธิ์ ล่ามตัวเองอยู่กับบ้านนี้ ก็เพราะตั้งใจจะอยู่ดูแลลูก กับ แม่ไปจนตลอดชีวิตไงล่ะ”
แต่....สายไปซะแล้ว ลูกสาววิ่งออกไปแล้ว ความในใจของยักษ์ผู้พ่อที่เสียสละความสุขของตัว ลอยไปแล้วกับสายลม
เงาของโลกเคลื่อนออกจากพระจันทร์แล้ว โอกาสนั้นก็หมดไปแล้ว
ยักษ์ได้แต่คำราม ไปพร้อมๆกับน้ำตาตกใน
จบ ...
คุณว่าเรื่องราวแบบนี้มีอยู่ในชีวิตจริงของเรา ๆ ท่าน ๆ บ้างไหม
Advertisement
Advertisement
ลองมองดูรอบ ๆ ตัวคุณดูสิ ว่ามีพ่อหรือแม่ที่บอกรักลูกไม่เป็น ได้แต่ตำหนิกล่าวโทษแบบนี้บ้างไหม แล้วเมื่อมีโอกาสจะได้พูดความในใจที่ตนเองรักและหวังดีกับลูกอันเป็นที่รักยังไง กลับปล่อยให้มันผ่านไปด้วยทิฐิของตนเอง
เผื่อว่าคุณอาจจะได้รู้จักกับคนที่ทำตัวเป็นยักษ์สักตนก็ได้นะ
เครดิตภาพ:ภาพถ่ายโดย Aa Dil จาก Pexels
เครดิตภาพปก: ภาพถ่ายโดย Tim Savage จาก Pexels
เออว่าแต่ไม่สงสัยบ้างเหรอ ว่าผมรู้เรื่องนี้ได้ยังไง ??
ก็ยักษ์ตนนี้เล่าให้ผมฟังเองแหละ ...
คำถาม...เออ..แล้วผมฟังรู้เรื่องได้ยังไง
อุ๊บส์....แฮ่....หุบเขี้ยวแทบไม่ทัน
ความคิดเห็น







ภาพโดย