เพลง

รีวิว Midnights อัลบั้มมาสเตอร์พีซที่ตอกย้ำความเป็นซูเปอร์สตาร์ของ Taylor Swift

238
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
รีวิว Midnights อัลบั้มมาสเตอร์พีซที่ตอกย้ำความเป็นซูเปอร์สตาร์ของ Taylor Swift

หลังจากที่เปิดตัวมาก็เดินหน้าทำลายสถิติอย่างต่อเนื่องทีเดียว สำหรับ Midnights สตูดิโออัลบั้มลำดับที่สิบของนักร้องซูเปอร์สตาร์สาวชื่อก้องโลกอย่าง Taylor Swift รวมถึงสถิติสำคัญอย่างการเป็นศิลปินคนแรกในประวัติศาสตร์ที่มีเพลงทั้งหมดอยู่ใน Top 10 ของ Billboard hot 100 ยิ่งไปกว่านั้น Midnights ยังเปิดตัวด้วยยอดขายในสัปดาห์แรก 1.57 ล้านก๊อปปี้ ซึ่งถือเป็นอัลบั้มแรกในรอบ 5 ปีที่สามารถทำยอดขายได้ถึงล้านหน่วย นอกจากความสำเร็จเรื่องชาร์ตเพลง Midnights ก็ได้กระแสตอบรับดีทั้งจากนักวิจารณ์และผู้ฟังจนหลายคนยกให้เป็นหนึ่งในอัลบั้มที่ดีที่สุดของปีนี้

Midnights

Midnights เป็นอัลบั้มที่เล่าเรื่องราว 13 ค่ำคืนที่นอนไม่หลับของ Taylor Swift โดยมีแรงบันดาลใจมาจากการเกลียดชังตัวเอง การวางแผนแก้แค้น การคิดฝันถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นแต่ไม่ได้เกิด การตกหลุมรัก และการแตกสลาย ทั้งหมดนี้ถูกนำมาร้อยเรียงเข้าด้วยกันเหมือนสมุดบันทึกในแต่ละช่วงเวลาของเทย์เลอร์ สวิฟต์ ซึ่งอัลบั้มนี้เทย์เลอร์ได้ Jack Antonoff โปรดิวเซอร์คู่บุญที่ร่วมงานกันมาหลายอัลบั้มมาเป็นหัวเรือใหญ่ และ Midnights เป็นการกลับมาทำเพลงป็อปเต็มตัวของ Taylor Swift หลังจากที่ห่างหายไปทำเพลงแนวอินดี้โฟล์กมาถึงสองอัลบั้ม

Advertisement

Advertisement

Taylor Swift

อัลบั้ม Midnights เต็มไปด้วยกลิ่นอายความเป็นซินธ์ป็อป ซึ่งมีความเป็นเทย์เลอร์ สวิฟต์ และ แจ็ก แอนโตนอฟฟ์ สูงมาก ใครที่ชอบอัลบั้มเพลงป็อปของเทย์เลอร์อย่าง 1989 หรือ Reputation รับรองว่าจะไม่ผิดหวังกับแน่นอน นอกจากจะได้ฟังเพลงป็อปติดหูแล้ว Midnights ยังทำให้ได้เห็นศิลปินสาวในมุมมองที่โตขึ้น มีความเป็นผู้ใหญ่เข้าใจโลกมากขึ้น และกล้าหาญขึ้นจากอัลบั้มเก่าๆ จะเห็นได้จากหลายเพลงที่สวิฟต์เล่าเรื่องปมปัญหาของตัวเอง ความเกลียดชังที่มีต่อตัวเอง หรือเรื่องราวที่คอยตามหลอกหลอนเธอมาตลอด เรียกได้ว่าอัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่เปิดเผยตัวตนของซูเปอร์สตาร์สาวมากที่สุดเลยก็ว่าได้

เพลงที่อยากแนะนำในอัลบั้ม Midnights มีหลายเพลงแต่ที่ชอบเป็นพิเศษคือ Lavender Haze ซึ่งเป็นเพลงเปิดอัลบั้ม โดยที่มาของเพลงนี้มาจากสำนวนที่ฮิตมากในยุค 1950 หมายถึงการที่เราตกหลุมรักใครมากๆ จนรู้สึกราวกับมีหมอกลาเวนเดอร์คอยห้อมล้อมจากทุกทิศทางเป็นสิ่งที่สวยงามและน่ามหัศจรรย์ ซึ่งเทย์เลอร์กล่าวถึงการพยายามปกป้องความสัมพันธ์ของเธอไม่ให้ถูกสื่อมาทำลายโดยมีหมอกลาเวนเดอร์ปกคลุมชีวิตรักของเธอจากความวุ่นวายภายนอก น้ำเสียงที่เซ็กซี่และลึกลับน่าค้นหาของเธอเข้ากับบรรยากาศเพลงที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ ซึ่งถือเป็นการเปิดอัลบั้มที่ทำให้อยากติดตามเพลงที่เหลือ

Advertisement

Advertisement

Anti-Hero

อีกเพลงที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือเพลง Anti-Hero เพลงนี้เป็นเพลงโปรโมทลีดซิงเกิลของอัลบั้ม Midnights โดยเนื้อเพลงพูดถึงความไม่มั่นใจของเทย์เลอร์ รวมสิ่งที่เธอเกลียดเกี่ยวกับตัวเอง สิ่งที่เธอต้องเผชิญตลอดอาชีพนักร้อง ปมปัญหาในใจต่างๆ นับว่าเป็นเพลงที่ซื่อตรงและเข้าใจตัวเองที่สุดเพลงหนึ่งของเธอเลย ถึงแม้เนื้อหาของเพลงจะเป็นเรื่องที่หนักแต่ Taylor Swift ก็ทำให้เป็นเพลงที่ย่อยง่ายด้วยดนตรีที่ติดหูและเนื้อร้องที่ร้องตามได้โดยเฉพาะท่อนคอรัสที่โดนใจใครหลายคนจนใช้เป็นแคปชันไอจีอย่างท่อน It’s me, hi, I’m the problem, it’s me นับว่าเป็นหนึ่งในเพลงที่แสดงให้เห็นถึงเซนส์ในการทำเพลงป็อปของเธอ

Lana Del Rey

เป็นหนึ่งในเพลงที่น่าจับตามองตั้งแต่อัลบั้มยังไม่ปล่อยสำหรับเพลง Snow on the Beach ซึ่งเป็นการร่วมงานกันครั้งแรกของ Taylor Swift และ Lana Del Rey โดยทั้งสองคนเป็นนักแต่งเพลงฝีมือดีแห่งยุคทำให้แฟนเพลงต่างคาดหวังกับเพลงนี้ และทำเอาผิดหวังไปหลายคนเพราะแทบไม่ได้ยินเสียง Lana Del Rey เลย มีเพียงเทย์เลอร์ที่ร้องสไตล์ลาน่าเท่านั้นแต่กลับทำให้เพลงมีมนต์ขลังอย่างน่าประหลาด เข้ากับเนื้อเพลงที่กล่าวถึงการตกหลุมรักใครสักคนและรู้ว่าเขาก็รักเราตอบเป็นความรู้สึกที่สวยงามราวกับมีหิมะตกบนหาดไม่น่าจะเป็นไปได้แต่เกิดขึ้นแล้ว การมีเสียง Lana Del Rey มาเพียงแค่ชั่วครู่เดียวยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนได้สัมผัสห้วงเวลาหิมะตกบนหาดซึ่งเป็นความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นแค่ช่วงสั้นๆ

Advertisement

Advertisement

Midnights (3am Edition)

หลังจากที่ปล่อยอัลบั้ม Midnights ซึ่งมีเพลงทั้งหมด 13 เพลงให้แฟนคลับได้ดื่มด่ำกันเต็มที่แล้ว ไม่กี่ชั่วโมงถัดมา Taylor Swift ก็ปล่อย Midnights (3am Edition) ซึ่งมีเพลงใหม่อีก 7 เพลงมาให้เหล่าสวิฟตี้ฟังอีก โดยเพลงพิเศษทั้งเจ็ดเพลงจะพาเราไปสำรวจค่ำคืนที่นอนไม่หลับของศิลปินสาวให้ลึกยิ่งขึ้น เจาะลึกถึงห้วงเวลาที่ความรู้สึกพลุ่งพล่านในความเงียบสงัด โดย 3am Edition นั้นถ้าเทียบกับเพลงหลักแล้วจะให้ความรู้สึกเหมือนอัลบั้ม Folklore และ Evermore มากกว่า มีความสุขุมนุ่มลึก ใช้ดนตรีและวิธีการเล่าเรื่องที่ละเมียดละไมกว่าถ้าเทียบกับเพลงหลัก เพราะได้ Aaron Dessner ที่เป็นโปรดิวเซอร์หลักของ Folklore กับ Evermore มาร่วมงานกันอีกครั้ง

เพลงที่ต้องพูดถึงเป็นพิเศษใน Midnights (3am Edition) คือเพลง Would’ve, Could’ve, Should’ve ซึ่งเป็นหนึ่งในเพลงที่เศร้าและเจ็บปวดที่สุดของเทย์เลอร์ สวิฟต์ โดยเพลงนี้เธอพูดถึงความสัมพันธ์ในอดีตที่เธอคบกับผู้ชายคนหนึ่งตอนอายุ 19 เป็นประสบการณ์ที่แย่มากและความทรงจำครั้งเก่ายังคงตามหลอกหลอนเธอถึงทุกวันนี้ สิ่งที่ทำให้เพลงนี้โดดเด่นขึ้นมานอกจากจะเป็นการเล่าเรื่องและเนื้อเพลงที่แทงใจทุกท่อนแล้วการใช้น้ำเสียงในเพลงก็ทำให้คนฟังรู้สึกเจ็บปวดตามไปด้วย โดยเริ่มไต่อารมณ์ขึ้นมาจากนิ่งๆเย็นๆ ในตอนแรกเป็นน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราดแฝงด้วยการอ้อนวอนในตอนท้ายเพลง ทำให้เพลงนี้เป็นหนึ่งในเพลงที่เต็มไปด้วยอารมณ์และดีที่สุดในอัลบั้ม

เทย์เลอร์ สวิฟต์

สรุป Midnights เป็นอีกหนึ่งอัลบั้มที่ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ทางดนตรีที่หาตัวจับยากของ Taylor Swift ซึ่งพิสูจน์มาให้เห็นหลายอัลบั้มแล้วว่าไม่ว่าเธอจะหันมาจับเพลงแนวไหนก็ไปสุดทุกแนว และ Midnights ถือว่าเป็นการกลับมาทำเพลงป็อปที่เธอถนัดและเคยประสบความสำเร็จจนถึงขีดสุด ใครที่เคยหลงรักเทย์เลอร์ สวิฟต์ เวอร์ชันสนุกสนานจากอัลบั้ม 1989 หรือ Reputation จะชอบ Midnights ได้ไม่ยาก ด้วยเพลงที่ติดหูเข้าถึงง่ายรวมกับสไตล์การแต่งเพลงเล่าเรื่องให้เห็นภาพเป็นฉากๆ และภาษาที่สวยงามจนเป็นเอกลักษณ์ของเธอ เสริมด้วยดนตรีที่ให้ความรู้สึกสนุกสนานแต่แฝงไปด้วยความลึกลับน่าค้นหาเหมือนห้วงเวลาเที่ยงคืนตามคอนเซปต์อัลบั้ม

จุดเด่นของอัลบั้มนี้คนหนีไม่พ้นการสร้างบรรยากาศให้รู้สึกเหมือนเป็นเวลาเที่ยงคืน โดยที่มีเพื่อนมาเล่าเรื่องราวในชีวิตให้ฟังอย่างตรงไปตรงมาและจริงใจ แต่ข้อเสียคือเพลงไม่ค่อยแปลกใหม่เพราะร่วมงานกับโปรดิวเซอร์คนเดิมที่คนฟังเริ่มจับทางได้แล้ว และถ้าเทียบสองอัลบั้มก่อนอย่าง Folklore และ Evermore แล้วความประณีตในเพลงน้อยลงด้วยข้อจำกัดของแนวเพลงป็อปที่ต้องเน้นความติดหูไว้ก่อน โดยภาพรวมแล้ว Midnights ถือว่าเป็นอัลบั้มที่ทำได้ดีตามมาตรฐานของ Taylor Swift ใครที่เป็นแฟนคลับหรือ Swifties ไม่ผิดหวังแน่นอน แต่ถ้าใครที่ไม่ใช่แฟนคลับก็ขอให้ลองเปิดใจแล้วจะพบกับอีกหนึ่งผลงานคุณภาพแห่งปี

คะแนน 4/5

ขอบคุณเครดิตภาพจาก Taylor Swift / ภาพที่1 , ภาพที่2 , ภาพที่3 , ภาพที่4 , ภาพที่5 , ภาพที่6 , ภาพหน้าปก

จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
nunwd
nunwd
อ่านบทความอื่นจาก nunwd

ชอบแมว อนิเมะ และ Taylor Swift

ดูโปรไฟล์

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์