เพลง

รีวิว อัลบั้มใหม่ไฟลุก จาก MUNA

1.4k
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
รีวิว อัลบั้มใหม่ไฟลุก จาก MUNA

munaMUNA เป็นวงดนตรี indie สัญชาติอเมริกัน ประกอบด้วยสมาชิกวงจำนวน 3 คนด้วยกัน นั่นก็คือ Katie Gavin (นักร้องนำ) และมือกีตาร์สองคนได้แก่ Naomi McPherson และ Josette Maskin โดย MUNA ถิอเป็นหนึ่งในวงดนตรี indie-pop ที่ประสบความสำเร็จและได้รับเสียงวิจารณ์ในแง่บวกมากมายมาตั้งแต่การเปิดตัวอัลบั้ม About U ซึ่งเป็น debut album ที่ปล่อยในปี 2017 ด้วยแนวดนตรีหลัก ๆ ที่มักมาในแนว indie-pop ที่ผสมผสานเข้ากับ electronic pop ได้อย่างลงตัวและมีเอกลักษณ์ อีกทั้งเนื้อหาเพลงที่มักจะเกี่ยวข้องกับประเด็นทางสังคมต่าง ๆ (So Special ที่พูดถึงประเด็นการวัดคุณค่าผู้หญิงจากเรื่องทางเพศ, I Know A Place ที่แต่งมาเพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ LGBTQ+ community, Number One Fan ที่ส่งเสริมให้ทุกคนหันมารักและเห็นคุณค่าในตัวเอง) MUNA จึงเป็นวงดนตรีที่มีจุดยืนในตัวเองอย่างชัดเจนมาตั้งแต่ต้น

Advertisement

Advertisement

MUNA 2022

สำหรับอัลบั้ม self-titled ซึ่งเป็นอัลบั้มชุดที่ 3 ของวงที่เพิ่งปล่อยมาเมื่อไม่นานมานี้ นับเป็นอัลบั้มแรกที่ปล่อยหลังจากเซ็นสัญญากับค่าย Saddest Factory Records ซึ่งมี Phoebe Bridgers ศิลปินชาวอเมริกันเป็นผู้ก่อตั้ง และทางวงก็รับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ในแต่เพลงด้วยตัวเองอีกเช่นเคยค่ะ ซึ่งอัลบั้มนี้ก็มาพร้อมดนตรีหลากหลายแนวด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น indie/alt pop, electro pop, synth pop อีกทั้งยังมี folk/country ซึ่งเป็นแนวที่ทางวงยังไม่เคยทำมาก่อนเข้ามาเสริมอีกด้วย

muna self-titled albumโดยอัลบั้ม MUNA ประกอบด้วย tracklist จำนวน 11 เพลงด้วยกัน ได้แก่

  1. Silk Chiffon (Ft. Phoebe Bridgers)
  2. What I Want
  3. Runner's High
  4. Home By Now
  5. Kind of Girl
  6. Handle Me
  7. No Idea
  8. Solid
  9. Anything But Me
  10. Loose Garment
  11. Shooting Star

และในวันนี้ผู้เขียนก็ได้คัดสรร 5 เพลงเพราะ ๆ ที่ผู้เขียนประทับใจมากที่สุด ที่บอกเลยว่าสุดปัง ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

Advertisement

Advertisement

1. What I Want

มาประเดิมกันเลยค่ะที่เพลง electro pop จังหวะครึกครื้นชวนให้คนฟังมาแดนซ์กันให้วิกหลุด แต่นอกจากทำนองจะสนุกชวนให้ลุกขึ้นเต้นแล้ว What I Want ก็มาพร้อมเนื้อหาอันโดดเด่นในเรื่องการ empower ผู้ฟังให้กล้าใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองปรารถนาอย่างภาคภูมิ โดยไม่ต้องเกรงกลัวเสียงวิจารณ์จากสังคมรอบข้าง ซึ่งในที่นี้ก็หมายถึงชาวเควียร์หลาย ๆ คนที่อาจจะไม่ได้ใช้ชีวิตช่วงวัยรุ่นได้อย่างเต็มที่ เพราะกดดันจากค่านิยมของสังคมนั่นเองค่ะ (“I've spent way too many years not knowing what I wanted, how to get it, how to live it and now I'm gonna make up for all of it at once.” นานเกินพอละที่ฉันเสียเวลาไปโดยไม่รู้ว่าต้องการอะไร ต้องได้มายังไง ต้องใช้ชีวิตแบบไหน และฉันชดเชยเรื่องนี้เดี๋ยวนี้เลย) และสำหรับ MV ก็มาในธีม paparazzi ตามติดชีวิตส่วนตัวดาราดัง ให้อารมณ์เหมือนการล้อเลียนข่าวหนังสือพิมพ์ดัง ๆ ในช่วงยุค 2000s (ฉากที่ได้เห็นชื่อสำนักข่าว The Daily Mail Gaze บอกเลยว่าจิกกัดได้อย่างเจ็บแสบ คนฟังต้องหลุดขำกันระนาว)

Advertisement

Advertisement

That's what I want. There's nothing wrong with what I want.

นั่นแหล่ะที่ฉันต้องการ แล้วมันก็ไม่ได้ผิดอะไรซักหน่อย

2. No Idea

No Idea ถือเป็นเพลงที่ผู้เขียนมองว่าเซ็กซี่และเย้ายวนหัวใจที่สุดในอัลบั้มเลยก็ว่าได้ ด้วยเสียงดนตรีที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอาย synth pop ที่น่าหลงใหล กับเนื้อหาเพลงที่ฟังแล้วชวนเขินและทำให้คิดไปไกล (“I keep it so clean. But baby, in the back of my mind. You have no idea.” ฉันทำเหมือนบริสุทธิ์ใจ แต่ลึก ๆ ในใจฉันแล้ว เธอไม่รู้หรอก) และความพิเศษอีกอย่างสำหรับเพลงนี้ก็คือ ได้ศิลปินชาวญี่ปุ่น-อเมริกัน ขวัญใจชาวเควียร์หลาย ๆ คนอย่าง Mitski มาร่วมสร้างสรรค์บทเพลงนี้ให้เสร็จสมบูรณ์อีกด้วยค่ะ ดีเลิศสุด ๆ ใครเป็นแฟน Mitski รายงานตัวโดยด่วน

muna

You think I'm nervous and uncertain. Because I'm waiting.

เธอคิดว่าฉันประหม่าและลังเลใจ นั่นก็เพราะฉันกำลังรอจังหวะอยู่ต่างหาก

3. Kind Of Girl

มาต่อกันที่เพลงทำนองเบา ๆ ฟังเพลิน ๆ กันค่ะ Kind Of Girl มาเป็นตัวแทนส่งพลังใจให้ใครก็ตามที่รู้สึกท้อกับการใช้ชีวิต ความผิดพลาดในชีวิตเป็นเรื่องธรรมดาค่ะ เพราะไม่มีใครหรอกที่สมบูรณ์แบบไปซะทุกอย่าง และตราบใดที่ชีวิตเรายังคงไปต่อ เรื่องราวของเราก็ยังสามารถเขียนต่อได้เสมอ นอกจากนี้ สิ่งที่ผู้เขียนหลงรักในเพลงนี้มากเป็นพิเศษก็คือ แนวดนตรี folk และ country ที่ชวนให้คนฟังใจล่องลอยและผ่อนคลาย อีกทั้งการถ่ายทำ MV แบบ long take ที่ออกมาอย่างสมูธ ดูเพลิน และสมาชิกในวงแต่งกายแบบ drag king เพื่อเป็นการบ่งบอกความกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง ถือเป็นหนึ่งในเพลงที่สร้างกำลังใจในวันที่รู้สึกเหนื่อยได้ดีมาก ๆ เพลงนึงเลยค่ะ

I like telling stories. But I don't have to write them in ink. I could still change the end.

ฉันชอบเล่าเรื่องราว แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเขียนด้วยหมึกนี่นา เพราะฉันยังสามารถเปลี่ยนตอนจบได้เสมอ

4. Anything But Me

เคยไหมคะ เป็นฝ่ายคอยดูแลเอาใจใส่ พยายามเอาอกเอาใจและคอยทำความเข้าใจตัวตนของคนที่เรารักอยู่เพียงฝ่ายเดียว ด้วยคำเดียวคือคำว่ารัก จึงยอมตามน้ำไปซะทุก ๆ อย่าง และไม่ว่าจะทำอะไรก็รู้สึกเหมือนเป็นฝ่ายเสียเปรียบไปซะหมด ทั้ง ๆ ที่ความสัมพันธ์มันควรจะพบกันที่ครึ่งทาง จนในที่สุดก็ทนรับต่อไปไม่ไหว ต้องขอพื้นที่ฮีลใจและก้าวถอยออกห่างจากความสัมพันธ์ Anything But Me เป็นเพลงที่ถ่ายทอดภาพความสัมพันธ์ที่ไปกันไม่รอด เพราะปัญหาการเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง โดยไม่เห็นคุณค่าความต้องการของคนรัก (“All that I wanted was somebody honest. Living for more than their next good time.” สิ่งที่ฉันเคยหวังไว้ก็แค่ใครซักคนที่จริงใจ ไม่ใช่อยู่ไปวัน ๆ แค่เพื่อความสุขของตัวเอง) เป็นเพลงสำหรับใครก็ตามที่ตัดสินใจพาตัวเองหนีออกห่างจากความสัมพันธ์ toxic นั่นเองค่ะ

I hope you get everything you need. Everything but me.

ฉันขอให้เธอได้ทุก ๆ อย่างที่หวังนะ ทุกอย่างที่ไม่ใช่ฉัน

5. Shooting Star

และสำหรับเพลงสุดท้ายที่ผู้เขียนอยากจะนำเสนอในวันนี้ ก็มาในทำนองเบา ๆ ฟังง่าย สบาย ๆ ที่มาพร้อมกับเนื้อหาที่ชวนให้ใจหม่นหมองแต่ก็แสนน่าประทับใจ Shooting Star เปรียบเทียบการเฝ้ามองคนที่เรารักอยู่ห่าง ๆ เป็นเหมือนการมองดูดาวตกที่ส่องสว่างพุ่งผ่านสายตาเราไปจากระยะไกล เพราะเขานั้นช่างสดใสและเจิดจ้า โดดเด่นเกินกว่าที่ตัวเราที่อยู่ในเงามืดนั้นจะเอื้อมคว้าไปถึง (“So I say ‘Goodnight, make it home’ like I’m making a wish on you, from afar. You, my shooting star.” ฉันเลยพูดไปว่า ‘ฝันดีนะ กลับบ้านดี ๆ ล่ะ’ เหมือนกับกำลังขอพรจากเธอจากที่ไกล ๆ เธอผู้เป็นดาวตกของฉัน) เป็นเพลงที่ปิดท้ายอัลบั้มไปได้อย่างละมุนละไมและงดงาม และยังถือเป็นเพลงที่ตราตรึงใจผู้เขียนที่สุดในอัลบั้มนี้เลยก็ว่าได้ค่ะ

I think I might regret this either way. If I let you in my heart or keep you in the dark. So I'll love you from afar.

ไม่ว่าทางไหนฉันก็คงเสียใจทั้งนั้น ไม่ว่าจะให้เธอเข้ามาในใจหรือเก็บเธอไว้ในเงามืดก็ตาม เพราะงั้นฉันก็จะรักเธออยู่ห่าง ๆ แบบนี้ต่อไป

muna

สำหรับช่องทางการติดตามผลงานของ MUNA นั้น ก็สามารถติดตามกันได้ผ่านทาง Instagram: whereismuna ส่วนช่องทางการสตรีมผลงานเพลง ก็สามารถสตรีมได้ผ่าน spotify, apple music, youtube และ joox ได้เลยค่ะ

ผู้เขียน: Moon Libra

เครดิตรูปภาพ:

ขอบคุณวิดีโอจาก:

จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !

*STAR COVER"อย่ามัวแต่ดูมาดังกัน"*

ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ขอชวนทุกคนมาสนุกโคฟเวอร์ พร้อมลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท (5 รางวัล) โคฟคนที่ใช่ ไลก์คนที่ชอบ 'ร่วมสนุกได้ที่ ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ห้อง cover บนแอปทรูไอดี'

STAR COVER

คลิกเลย >> https://ttid.co/UAnK/7y9jfqkq

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://bit.ly/3O1cmUQ

ร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 - วันที่ 3 สิงหาคม 2565

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์