เพลง

รีวิว เพลง Man On The Moon โดย Alan Walker : สาส์นจากคนบนดวงจันทร์ ถึงตัวฉันผู้ว่างเปล่า

262
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
รีวิว เพลง Man On The Moon โดย Alan Walker : สาส์นจากคนบนดวงจันทร์ ถึงตัวฉันผู้ว่างเปล่า

Man On The Moon (2021)

ศิลปิน: Alan Walker (ดนตรี + เนื้อร้อง), Benjamin Ingrosso (ร่วมร้อง)

อัลบั้ม: World of Walker

ชม MV เพลง "Man On The Moon" (อ่านเนื้อเพลงได้ที่คำอธิบายคลิป)


ไพ่ใบที่ 1 - The Lovers

The Lovers :
ความร่วมมือและการพบพาน

"Man On The Moon" เป็นเพลงลำดับที่ 2 ในอัลบั้ม World of Walker ผลงานอัลบั้มชุดใหม่ล่าสุดของอลัน วอล์กเกอร์ (Alan Walker) ดีเจและโปรดิวเซอร์เพลงลูกครึ่งอังกฤษ - นอร์วีเจียน ทุกเพลงในอัลบั้มนี้มีมิวสิกวิดีโอที่มีเนื้อเรื่องต่อเนื่องกัน แต่แทบไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเนื้อเพลง

อัลบั้ม World of Walker ของ อลัน วอล์กเกอร์ผลงานเพลงเกือบทุกชิ้นของวอล์กเกอร์เป็นเพลง EDM ที่เขาแต่งทำนองและมีศิลปินคนอื่นมาร่วมร้อง เพลง "Man On The Moon" ก็เช่นกัน ในเวอร์ชันแรกที่ปล่อยมากับอัลบั้ม World of Walker ร้องโดย เบนจามิน อินกรอสโซ (Benjamin Ingrosso) นักร้องหนุ่มเสียงนุ่มชาวสวีดิช และต่อมาในงานแสดงสดของวอล์กเกอร์ที่งาน NIO Day 2021 มณฑลซูโจว ประเทศจีน ก็ได้ออ/รา (Au/Ra) นักร้องสาวชาวเยอรมันเป็นคนร้อง เรียกได้ว่าเป็นเพลงที่เกิดจากศิลปินต่างชาติต่างถิ่นเดินทางมาพบเจอกันและสร้างสรรค์ผลงานร่วมกัน

Advertisement

Advertisement

รูปคู่ อลัน วอล์กเกอร์ ถ่ายกับ เบนจามิน อินกรอสโซ และ ออ/ราไม่เพียงเท่านั้น ใจความสำคัญของเพลงยังกล่าวถึงการที่คนต่างถิ่นต่างที่มาพบปะเจอะเจอกันอีกด้วย ตัวละครผู้เล่า ("I") เล่าประสบการณ์คลับคล้ายคลับคลาความฝันในคืนหนึ่งว่า ตนได้ลอยขึ้นฟ้าไปพบและได้พูดคุยกับคนบนดวงจันทร์


ไพ่ใบที่ 2 - Queen of Swords & ไพ่ใบที่ 3 - Four of Wands

Four of Wands + Queen of Swords :
ใต้ฉากหน้าแสนรื่นรมย์ มองให้ละเอียดแล้วจะพบความจริงอันเจ็บปวดซุกซ่อนอยู่

หลังปล่อยออกมาไม่นาน "Man On The Moon" ก็กลายเป็นเพลงยอดนิยมเพลงใหม่ของอลัน วอล์กเกอร์ ที่ได้กระแสตอบรับดีไม่แพ้เพลง "Faded" (2015) และติดอันดับต้น ๆ ในชาร์ตเพลงฮิตแห่งปี 2021 สาเหตุสำคัญน่าจะเป็นเพราะท่วงทำนองนุ่มนวล รื่นหู เปิดฟังสบาย ๆ ได้ตลอดทั้งวัน อีกทั้งมีจังหวะท่อนฮุกที่มีความเอียร์เวิร์ม จำง่าย ได้ฟังครั้งแรกก็ติดหูไปอีกนานจนเผลอฮัมเพลงออกมาได้ทุกที่ทุกเวลา

จอมอนิเตอร์แสดงชื่อเพลง Man On The Moonแต่ทำนองรื่นรมย์นุ่มนวลนี้ก็มีหลายช่วงที่แอบฟังดูเศร้าและหดหู่ ฟังจนจบแล้วทิ้งความรู้สึกหวานปนขม (bitter-sweet) ไว้ในห้วงความคิด ราวกับจะบอกเป็นนัยว่า มีเรื่องราวดาร์ก ๆ ซ่อนอยู่ภายใต้เนื้อหาที่ฟังดูเหมือนความฝันเป็นตุเป็นตะ

Advertisement

Advertisement

เมื่อพิจารณาเนื้อเพลงดี ๆ จะเห็นว่ามีเนื้อเพลงบางส่วนที่ดูไม่ชอบมาพากล เช่น ท่อน "Never been as high as tonight" คำว่า "high" นอกจากแปลว่า "สูง" แล้ว ยังเป็นศัพท์สแลงหมายถึง "เพ้อยา/สารเสพติด" ได้ด้วย การที่ผู้เล่าลอยขึ้นฟ้าไปเจอคนบนดวงจันทร์จึงอาจเป็นภาพหลอนจากอาการเพ้อยา หรือร้ายไปกว่านั้นคือเล่นยาเกินขนาดจนเกือบตาย วิญญาณออกจากร่างชั่วคราว

คนบินอยู่หน้าดวงจันทร์ขณะผู้เล่าลอยอยู่บนฟ้า เขาบอกว่ามองลงมาแล้วเห็น "us" ซึ่งก็น่าจะหมายถึงกายเนื้อของตัวผู้เล่าเองกับคนอื่นอีกอย่างน้อย 1 คนที่อยู่ด้วยกันกับเขาในคืนนั้น อาจเป็นเพื่อนหรือแฟนก็ได้ และเป็นไปได้เช่นกันว่าคนอื่น (ๆ) ที่ว่านี้มาเล่นยาร่วมกับเขาด้วย

ใบหน้าบนดวงจันทร์ส่วนคนบนดวงจันทร์ ที่จริงแล้วอาจเป็นใครสักคนที่มาช่วยเหลือเขากับคนอื่น (ๆ) ที่เล่นยาด้วยกัน ผู้เล่าที่นอนพังพาบอยู่กับพื้นและกำลังสะลึมสะลือเพราะฤทธิ์ยา พอมองแหงนขึ้นไปเห็นดวงหน้าของคนคนนี้ก็คิดว่าเป็นใบหน้าของคนที่อยู่บนดวงจันทร์ ข้อความต่าง ๆ ที่ผู้เล่าบอกว่าได้ยินคนบนดวงจันทร์พูดกับเขา อย่างประโยคที่บอกว่าเขากับพวกจะไม่เป็นไร ("We'll be OK, yeah") ก็น่าจะเป็นเสียงที่เขาได้ยินแว่ว ๆ จากคนที่มาช่วย คอยพูดเตือนให้เขารู้สึกตัวนั่นเอง

Advertisement

Advertisement


ไพ่ใบที่ 4 - Nine of Wands & ไพ่ใบที่ 5 - Seven of Pentacles

Nine of Wands + Seven of Pentacles :
ตั้งสติให้มั่นเข้าไว้ เพราะวันพรุ่งนี้ดีขึ้นได้ด้วยมือเรา

สมมติว่าตัวผู้เล่าในเพลง "Man On The Moon" เสพยาเกินขนาดจนเพ้อจริง แล้วอะไรคือสาเหตุที่ชี้ชวนเขาหันมาพึ่งยาเสพติด?

ในความเป็นจริง มีสาเหตุมากมายหลายประการที่ทำให้คนหันมาหายาเสพติด แต่ไม่ว่าผู้เล่าในเพลงนี้จะติดยาจริงหรือไม่ อย่างหนึ่งที่เนื้อเพลงบอกใบ้ให้เราทราบคือ คนคนนี้รู้สึกสับสน เคว้งคว้าง ว่างเปล่า ไม่รู้ว่าจะเอาอย่างไรกับตัวเองดี ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้มีใครสักคนมาช่วยแนะนำ ("Staring through a window in time / For someone to show me what I'm like")

คนมองเงาสะท้อนจากกระจกภายในห้องอับทึบและในตอนท้าย ซึ่งน่าจะเป็นตอนที่ผู้เล่ารู้สึกตัวตื่นหรือเริ่มกลับมามีสติ เนื้อเพลงก็ย้ำอีกครั้งถึงความรู้สึกหลงทางและเสียศูนย์ภายในใจเขา ("Lost") และน่าจะเป็นความรู้สึกที่เกาะกินเรื้อรังจิตใจมานานเสียจนเขาชินชา ไม่แม้แต่จะนึกสงสารหรือเวทนาตัวเองอีกต่อไป ("All my tears have turned to dust")

ความรู้สึกเคว้งคว้างว่างเปล่าแบบที่ผู้เล่า(น่าจะ)มีนี้ ตรงกับปัญหาสุขภาพจิตที่จิตแพทย์เรียกว่า "ภาวะว่างเปล่า" (Languishing) ผู้มีอาการจะรู้สึกเนือย ๆ เฉื่อย ๆ เหมือนชีวิตไร้แรงจูงใจและจุดหมาย หากปล่อยไว้ก็อาจลุกลามจนกลายเป็นภาวะหมดไฟ (Burnout) หรือโรคซึมเศร้าต่อไปได้ ในช่วงที่เกิดวิกฤติ COVID-19 ระบาดทั่วโลกกว่า  2 ปีมานี้ มีคนเผชิญภาวะดังกล่าวเป็นจำนวนมาก

คนกำลังประสบภาวะว่างเปล่าและเสี่ยงต่อโรคซึมเศร้าบางคนอาจเลือกรับมือกับภาวะว่างเปล่าโดยใช้ยาเสพติดกล่อมจิตใจให้หลงลืมอาการนี้ หรือไม่ก็กระตุ้นประสาทให้เห็นภาพหลอนเพื่อหลบหนีจากอาการนี้ชั่วคราว กรณีหลังน่าจะเป็นสิ่งที่เกิดกับตัวผู้เล่าในเพลง "Man On The Moon"

ทว่ายาเสพติดไม่ใช่และไม่เคยเป็นทางแก้ปัญหาสุขภาพจิตที่ดี คนบนดวงจันทร์รู้ดีในเรื่องนี้ และไม่ว่าเขาจะเป็นตัวตนเหนือธรรมชาติที่โผล่หน้าลงมามองจากดวงจันทร์จริง ๆ เป็นใครสักคนที่มาช่วยผู้เล่าจากอาการเพ้อยา หรือเป็นจิตใต้สำนึกของตัวผู้เล่าเอง ในคำพูด 2 ประโยคสุดท้ายของคนบนดวงจันทร์ เขาได้มอบคำแนะนำซึ่งอาจเป็นประโยชน์แก่ผู้เล่าและคนที่อยู่ด้วยกัน (ใช้สรรพนามแทนตัวว่า "we") ในการรับมือกับภาวะว่างเปล่าอย่างมีประสิทธิภาพ

เดินหลงในเมืองหมอกทั้งนี้ สรรพนาม "us" และ "we" อาจหมายความรวมถึง "พวกเราทุกคนที่กำลังฟังเพลงนี้" ได้ด้วยเช่นกัน ถ้าเป็นอย่างนั้น คำพูดจากคนบนดวงจันทร์ก็ไม่ใช่แค่สื่อสารกับผู้เล่าคนเดียว ทว่าเป็นการสื่อสารมายังผู้ฟังทุกคน และทุกคนก็สามารถปรับใช้คำแนะนำของเขาเป็นแนวทางรับมือกับภาวะว่างเปล่าที่กำลังกัดกินจิตใจหลายคนทั่วโลกในขณะนี้เช่นกัน

เริ่มจาก ตั้งสติให้มั่น รวบรวมความคิดที่แตกกระสานซ่านเซ็นไม่เป็นระเบียบเข้าด้วยกัน ("He told us to hold it together, we're falling apart") จากนั้น หากรู้สึกว่าชีวิตข้างหน้าช่างมืดมนไร้หนทาง คล้ายกำลังหลับฝันท่ามกลางความมืด ก็ไม่ต้องพึ่งใครหรืออะไร (โดยเฉพาะยา) เพื่อชี้ทางสว่าง แต่เราสามารถทำให้โลกรอบด้านกลับมาสว่างไสวได้ด้วยตัวเราเอง ("He told us to light up the world when we dream in the dark, yeah")

มือถือดวงจันทร์เปล่งแสงเราทุกคนมีศักยภาพที่จะเปลี่ยนแปลงโลกและตัวเราเองไปในทางที่ดีขึ้น ทว่าจิตใจซึ่งกำลังถูกภาวะว่างเปล่ากัดกร่อนอาจจมจ่อมอยู่กับความคิดด้านลบจนปฏิเสธศักยภาพเหล่านั้นไป ทำให้เราหลงคิดไปว่าตัวเราเองไม่สามารถทำให้ชีวิตที่เป็นอยู่ดีขึ้น ถึงกระนั้นศักยภาพภายในตัวเราก็ไม่ได้หายไปไหน ยังคงรอให้เรานำออกมาจุดประกายคืนความสว่างแก่โลก ขอเพียงเรารวบรวมความคิดจิตใจให้มั่นคง

เมื่อหายฟุ้งซ่าน สติกลับมาแจ่มใส ความคิดเริ่มกลับมาเป็นระบบ เราจะเริ่มมองเห็นหนทางที่ถูกที่ควรไปต่อ คล้ายค่อย ๆ จุดไฟส่องทางท่ามกลางความมืดมืดไปเรื่อย ๆ จนท้ายที่สุดทุกหนทุกแห่งก็กลับมาส่องสว่าง

จุดประกายแสงให้โลกในตัวเราทุกคนมีพลังที่จะเอาชนะภาวะว่างเปล่าและทำให้ชีวิตดีขึ้นได้ คนบนดวงจันทร์จึงย้ำในเนื้อเพลงเป็นระยะว่า ไม่ว่าเราเจออะไรมา "เราจะไม่เป็นไร" ("We'll be OK, yeah")


ไพ่เราเผาเพลง Man On The Moonปฏิเสธไม่ได้ว่า "Man On The Moon" อาจไม่ได้สื่อใจความอะไรอย่างที่ผมว่ามาข้างบนนี้เลยก็ได้ อลัน วอล์กเกอร์ อาจแฝงสารอย่างอื่นไว้ในเนื้อเพลง หรือเขาอาจแค่ต้องการเล่าเรื่องของคนที่ฝันว่าไปเจอมนุษย์บนดวงจันทร์มาก็ได้

ทว่านี่คือความงดงามอย่างหนึ่งของงานศิลปะทั้งหลาย ไม่มีแนวทางการ "อ่าน" หรือตีความที่ถูกต้องเพียงหนึ่งเดียว ทุกคนมีสิทธิ์ดึงความหมายจากงานศิลปะตามมุมมองของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นผู้เสพหรือผู้สร้างงานชิ้นนั้น ๆ ขอแค่มีเหตุผลเหมาะสมเพียงพอ

คนมองดวงจันทร์จะว่าไปก็คล้ายกรณีของหลุมบ่อบนพื้นผิวดวงจันทร์ คนบนโลกมองขึ้นไปก็เห็นเป็นภาพต่าง ๆ นานา บ้างว่าคล้ายกระต่าย บ้างว่าคล้ายคน ก่อเกิดเป็นเรื่องราวเล่าขาน เสริมสร้างจินตนาการและแรงบันดาลใจให้คนทั่วโลก รวมถึงเพลง "Man On The Moon" นี้ด้วย

มิพักต้องพูดถึงว่า จุดเริ่มต้นของเรื่องราวสร้างสรรค์ทั้งหมดนี้คือ ร่องรอยบาดแผลซึ่งอุกกาบาตและสะเก็ดดาวจำนวนนับไม่ถ้วนกระทำต่อพื้นผิวของดวงจันทร์ แต่ถ้าเรื่องราวมากมายและเพลงเพราะ ๆ สักเพลงยังถือกำเนิดจากพื้นผิวอันเต็มไปด้วยบาดแผลของดวงจันทร์ได้ ชีวิตซึ่งอาจจะไม่ได้สวยงามของคนเราก็อาจให้กำเนิดสิ่งสวย ๆ งาม ๆ ในอนาคตได้เช่นกัน

เพราะอย่างนั้น คนบนดวงจันทร์ถึงมองลงมาแล้วบอกว่า "เราจะไม่เป็นไร"

ดวงจันทร์กระจ่างบนท้องฟ้ากลางคืน


แนะนำไพ่:

Tarot of the Dream EnchantressTarot of the Dream Enchantress ไพ่ทาโรต์ธีมแฟนตาซี โทนสีซีเปีย ให้ความรู้สึกคล้ายภาพฝัน ออกแบบโดย Marco Nizzoli จัดพิมพ์และจำหน่ายโดย สนพ. Lo Scarabeo


ติดตามรับชมคอนเทนต์รีวิวสื่อบันเทิงประเภทต่าง ๆ ทั้งภาพยนตร์ หนังสือ การ์ตูน ซีรีส์ เกม เพลง ฯลฯ รวมถึงคอนเทนต์เกี่ยวกับไพ่ทาโรต์ ไพ่พยากรณ์ และการเปิดไพ่ทำนายดวงชะตาอีกมากมายของไพ่เราเผาเรื่องได้ที่รวมบทความทางทรูไอดี และที่ Facebook: ไพ่เราเผาเรื่อง นะครับ

ไพ่เราเผาเรื่อง


ขอขอบคุณแหล่งภาพประกอบต่อไปนี้:

เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน  App TrueID โหลดเลย ฟรี !

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ไพ่เราเผาเรื่อง
ไพ่เราเผาเรื่อง
อ่านบทความอื่นจาก ไพ่เราเผาเรื่อง

รู้จักไพ่ทาโรต์ให้มากขึ้นผ่านการรีวิวสื่อบันเทิง ทั้งหนัง หนังสือ เกม การ์ตูน เพลง ฯลฯ

ดูโปรไฟล์
บทความอื่นๆจาก ไพ่เราเผาเรื่อง

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์

Advertisement

Advertisement

ติดกระแส

Advertisement

ครีเอเตอร์ที่แนะนำ
JPooh
dailyjourney
287write
iamnan23
SilverShark
หงส์ดรุณ
ฝันดี
แอ๊ะแอ๋🤪
nowadaysgirl

Advertisement

Advertisement

ข้อตกลงและเงื่อนไข|Copyright © True Digital & Media Platform Company Limited. All rights reserved