ไลฟ์แฮ็ก

รีวิวการใช้กฎ 'No Contact' เพื่อให้คนรักกลับมา เสียเวลาหรือว่าใช้ได้จริง?

13.6k
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
รีวิวการใช้กฎ 'No Contact' เพื่อให้คนรักกลับมา เสียเวลาหรือว่าใช้ได้จริง?

'No Contact เกือบจะการันตีให้คุณได้เริ่มต้นใหม่ แต่ไม่การันตีให้คุณสมหวัง'

อันนี้คือสิ่งที่ผมอยากจะนิยามให้กับกฎนี้ก่อนเลยแบบสั้นๆ ก่อนที่จะเจาะลึกไปถึงว่าสิ่งไหนที่ควรทำและไม่ควรทำในระหว่างที่เรากำลังทำ no contact กับใครสักคนอยู่ โดยผมเขียนมาจากประสบการณ์ตรงของผมครับ

No contact หรือ กฎการไม่ติดต่อ เป็นเทคนิคที่ใช้ใน 2 กรณีหลักๆ คือ

  1. เมื่อคุณอยู่ในระยะทำใจหรือเพิ่งเลิกกับใครบางคน
  2. เมื่อคุณถูกปฏิเสธรักหรือว่าถูก 'friend zone'

รูปประกอบ 1

โดยจุดมุ่งหมายที่เราใช้กฎได้คือเพื่อที่จะออกมาทบทวนความเป็นไปได้ของความสัมพันธ์เพื่อที่จะตัดสินใจว่าจะไปต่อหรือไม่ โดยใช้หลักการที่ว่าเวลาจะเยียวยาทุกสิ่ง โดยคำว่าเวลาในที่นี้ก็จะต่างกันออกไปสำหรับแต่ละคน บางคนเจ็บแล้วจำนานฝังใจ บางคนอาจจะลืมเร็ว หรือบางคนอาจจะไม่ค่อยมีอะไรให้จำตั้งแต่แรกอยู่แล้ว โดยสำหรับช่วงเวลาที่เหมาะสมของการใช้ no contact จะเป็นตั้งแต่ 1 เดือนถึง 4 เดือน หรือถ้ายิ่งนานมากกว่านั้นได้ก็ยิ่งดีครับ ส่วน 21 วันที่คนมักจะพูดถึงกันบ่อยๆ นั้นสั้นเกินและไม่สามารถใช้ได้จริง เพราะวิธีการทำงานหลักของ no contact นั้นก็คือ เราต้องการที่จะให้ฝ่ายตรงข้ามนั้นลืมเรื่องเราไปให้ได้มากที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าการที่คนเราจะลืมใครซักคน มันไม่มีทางลืมได้ 100% อยู่แล้วครับ ลองคิดถึงคนรู้จักเราใครก็ได้ที่เราไม่เจอกับเขามานานแล้ว อาจจะคนที่เคยรู้จักสมัยเด็กๆ หรือว่าวัยรุ่น เราคงจะยังจำหน้าตา ทรงผม ท่าทางของเขาได้บ้าง แต่เราจะจำได้ไม่หมดว่าเขาเป็นคนยังไงนิสัยยังไงครับ รวมไปถึงเวลาที่ผ่านเลยมานาน มันย่อมเปลี่ยนคนไปมากอยู่แล้ว

Advertisement

Advertisement

ที่ผมบอกไปตอนแรกครับว่าเกือบจะการันตีให้เริ่มต้นใหม่ มันหมายความว่าการที่เราจะลืมใครซักคนมันลืมได้ไม่หมดครับ ส่วนไม่การันตีให้สมหวัง เป็นเพราะว่าจากโอกาสที่คุณได้เริ่มต้นใหม่ คุณต้องไปสานความสัมพันธ์ต่อเอง ซึ่งตรงนั้นเป็นส่วนของการจีบและการสร้างความรู้สึกดีๆ ต่อกัน ไม่ใช่หน้าที่ที่ no contact เกี่ยวข้องแต่อย่างใด

รูปประกอบ 2

'เมื่อคุณตัดสินใจ no contact มันคือการที่คุณตัดสินใจ move on...'

...หรืออย่างน้อยก็เป็นรูปแบบความคิดที่เราควรจะย้ำไว้ในใจ ถึงแม้ว่าลึกๆ แล้วเรายังต้องการที่จะกลับไปหาเขาก็ตามครับ ระหว่างที่เรา no contact กับใครซักคน เราจะไม่ติดต่อกับเขา ไม่มีการพูดคุย ไม่มีการส่งข้อความหากัน ไม่มีการกดไลค์โพสเขา และจะดีกว่าเดิมไปอีกถ้าคุณไม่ไปส่องเขาด้วย คือนอกจากการบล็อคเขาทางอ้อมแล้ว คุณยังจะต้องบล็อคตัวเองไม่ให้ไปส่องเขาด้วย อันนี้คือเพื่อตัวของคุณเอง เป็นการปรับจูนทัศนคติชีวิตตัวเองใหม่ ให้กลับมาดูแลและพัฒนาคุณค่าของตนเองครับ เพราะการตัดการติดต่อกันตรงนี้ ไม่ใช่การลองใจ แต่เป็นการเพื่อให้ 'ลืม' กัน เพื่อเปิดโอกาสให้เริ่มต้นทำความรู้จักกันใหม่ได้ โดยเราสามารถเริ่มต้นปรับใช้ no contact ช้าๆ ก่อน จากแรกที่เจอกันทุกวัน อาจจะเปลี่ยนเป็นคุยกันอาทิตย์ละครั้ง ก่อนที่จะหายออกไปครับ จากประสบการณ์ส่วนตัว ไม่ควรที่จะอยู่ดีๆ หายไปเลยดื้อๆ เพราะอีกฝ่ายจะคิดว่าเราไม่มีความรับผิดชอบและ ไม่ควรเมินข้อความที่เขาส่งมา หลังจากที่คุณเริ่มตัดสินใจ no contact แล้วครับ แต่ควรจะตอบและปัดการสนทนาให้สั้นที่สุดแทน

Advertisement

Advertisement

รูปประกอบ 3

การสร้างความสัมพันธ์กับคนใหม่เลย มันง่ายกว่าการกลับไปสร้างความสัมพันธ์กับคนเก่า

ประโยคนี้เชื่อว่าไม่มีใครที่จะไม่เห็นด้วยครับ เพราะการที่เราเริ่มวาดรูปจากกระดาษที่มันว่างอยู่ มันย่อมวาดง่ายกว่าต้องมานั่งลบรอยดินสอหนาๆ อยู่แล้ว รอยบางรอยก็ลบได้ไม่หมด ดังนั้นถ้าคุณไม่พร้อมที่จะหยุดการติดต่อทั้งหมด เนื่องด้วยว่าจะเสียดาย หรือว่ายังติดที่จะต้องคุยกันอยู่หรือว่าด้วยความจำเป็น อย่าเพิ่งทำครับ เพราะถ้าคุณเผลอใจมาคุยกับเขา แม้แต่ส่งข้อความ มันเป็นการเสียเวลาเปล่าจริงๆ กับเวลาทั้งหมดที่เราใช้ไปกับการ no contact

ผมเป็นคนหนึ่งที่เชื่อในกฎ no contact นะครับ แต่ผมก็เชื่อเหมือนกันว่าการที่มันไม่เวิร์คกับคนๆ หนึ่งมารอบนึงแล้ว มันย่อมมีเหตุผลอะไรบางอย่างจนที่ถึงขั้นที่ว่าต้องใช้กฎนี้ครับ อาจจะเพราะเข้ากันไม่ได้ ทัศนคติไม่ตรงกัน ดังนั้นมันไม่มีอะไรการันตีครับ ว่ากลับเข้าไปแล้วมันจะไม่เข้าอีหรอบเดิม คุณอาจจะต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อกลับเข้าไปหาคนนั้น แต่ถ้าสุดท้ายแล้วตัวตนที่คุณเปลี่ยนมันไม่ใช่ตัวคุณจริงๆ นานๆ เข้าความขัดแย้งมันก็จะเริ่มเกิดขึ้นมาใหม่ครับ ดังนั้นผมแนะนำให้ move on ไปเลยจะง่ายกว่า และอีกอย่างที่อยากจะแนะนำมากๆ สำหรับหลายคนคือ ถ้าคุณทำใจได้ มันไม่มีอะไรเสียหายครับและเป็นการดีกว่าด้วยซ้ำถ้าคุณจะเก็บคนนั้นไว้เป็นเพื่อน เพราะว่าเพศตรงข้ามเขาย่อมมีแนวคิดอะไรที่แตกต่างกับเราอยู่แล้ว สำหรับคนที่มีเพื่อนเป็นเพศตรงข้ามน้อย คุณควรจะมีไว้บ้าง ไว้แลกเปลี่ยนความคิดกันครับ เพราะว่าบางครั้งในชีวิตผม ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ผมอยากที่จะเลือกแบบนี้มากกว่า แทนที่จะจบกันไปแบบเป็นคนไม่รู้จักกัน

Advertisement

Advertisement

รูปประกอบ 4

'เอาตัวคุณเป็นหลักว่าพร้อมที่จะกลับเข้าไปหาเมื่อไหร่'

ไม่ต้องไปสนใจครับว่าเขาจะทักเรามาเมื่อไหร่ หรือว่าถ้าหายไปนานเกินเขาจะไม่ทักมา มันคือการทำเพื่อให้ลืมกันครับ ดังนั้นการที่เขาไม่ทักมามันถูกต้องแล้ว

ความกลัวอย่างหนึ่งครับที่มีในหลายคนคือ กลัวเขาไปมีคนอื่น โดยสำหรับเคสนี้ผมมีสิ่งที่จะพูดให้ฟังแบ่งเป็น 2 อย่างครับ

  1. ความสัมพันธ์ประเภทที่ไม่ยั่งยืนหรือแก้เหงามักจะอยู่กันได้ไม่นานครับ โดยส่วนมากจะไม่เกินครึ่งปีและมักจะน้อยกว่านั้น ดังนั้นถ้าเขาได้มาเจอกับความสัมพันธ์ประเภทนี้ มันมีโอกาสที่จะจบลงได้เร็ว
  2. คุณมีโอกาสครั้งแรกในการใช้เวลากับเขาไปแล้วครับ แล้วคุณพลาดเอง ดังนั้นคุณควรหยุดการทำลายโอกาสที่สองของตนเองโดยการพะวงถึงเรื่องแบบนี้ครับ เพราะคุณไม่มีสิทธิ์ใดๆ เลยในการมาหยุดกับความสัมพันธ์ของคนที่ไม่ได้เห็นคุณค่าของคุณกับคนอื่น มันอยู่นอกเหนือการควบคุมของคุณ ดังนั้นให้คุณโฟกัสกับตัวเองในการพัฒนาตนเอง ซื้อบ้าน ซื้อรถ เก็บเงิน สร้างสังคมเป็นของตัวเอง ออกสังคมหาเพื่อนฝูงเพิ่ม และที่สำคัญที่สุดหาคนใหม่ครับ แล้วถึงตอนนั้นคุณค่อยมาตัดสินใจอีกทีก็ยังทัน กับเวลาที่มันผ่านไปเรื่อยๆ โอกาสของคุณในการเริ่มต้นใหม่กับเขามันยังมีอยู่เสมอ ซึ่งตอนนั้นคุณอาจจะตัดสินใจเดินก้าวต่อไปแล้วก็ได้ครับ

ผมเคยคุยกับคนนึงครับ แล้วก็ทะเลาะกันไป หลังจากนั้นผมหยุดคุยกับเขามาประมาณปีกว่าซึ่งตอนนั้นเป็นเพราะต้องการเดินต่อจริงๆ ไม่ได้รู้จักกฎนี้ด้วยซ้ำ แล้วก็สุดท้ายคือบังเอิญเจอกันแล้วก็ได้ปรับความเข้าใจกันครับ เค้าก็ให้เบอร์โทรใหม่ของเขากับผมมา แล้วผมก็เงียบไปอีก เพราะตอนนั้นคือเฉยๆ แล้ว แถมลืมไปด้วยอีกต่างหากว่าเขาให้เบอร์มา แต่สุดท้ายมีอยู่วันนึงก็ได้คุยกันจนได้ เนื่องด้วยว่าผมเลื่อนๆ ดูในโทรศัพท์แล้วก็เห็นชื่อเขานี่แหละ ก็เลยโทรไปครับ ตอนนั้นเขาดีใจแล้วก็แปลกใจมาก เขาพูดเลยว่าไม่คิดว่าผมจะโทรมา แล้วก็ได้เริ่มต้นใหม่กันอีกรอบ

กับอีกคนหนึ่งที่ผมไม่พร้อมที่จะเสียเขาไปครับ พยายามใช้ no contact แต่ว่ายังแอบไปส่องเขาไม่พอ ส่งข้อความไปหาอีก จนเขานึกว่าเป็นการลองใจครับ แล้วก็ตั้งแง่เพิ่มมาอีกว่าผมไม่จริงใจ เป็นอยู่อย่างนั้นเกือบเดือน สุดท้ายคือมันไม่มีอะไรดีขึ้น แล้วก็เป็นการเสียเวลาและเสียความรู้สึกยิ่งไปอีกครับ

หวังว่าบทความนี้จะช่วยเพื่อนๆ ในการตัดสินใจเรื่องปัญหาความสัมพันธ์ได้นะครับ ขอให้ทุกคนสมหวังในความรักครับ

เครดิตภาพ

เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน  App TrueID โหลดเลย ฟรี !

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
Enkronidus
Enkronidus
อ่านบทความอื่นจาก Enkronidus

'ทุกสิ่งมีความหมายถ้าเราสร้างขึ้นมาให้มัน'

ดูโปรไฟล์

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์