อื่นๆ

รู้ชนิดของหุ้นและเลือกตามสไตล์การลงทุนของเรา

141
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
รู้ชนิดของหุ้นและเลือกตามสไตล์การลงทุนของเรา

รู้ชนิดของหุ้นและเลือกตามสไตล์การลงทุนของเรา

เมื่อคนส่วนใหญ่นึกถึงหุ้น พวกเขามักจะนึกถึงหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งมีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ แล้วหุ้นคืออะไร หุ้นเป็นการระดมทุนไปใช้ในกิจการหรือบริษัทที่มีผู้ร่วมลงทุน ซึ่งกิจการจะออกเป็นหนังสือสำคัญเอกสารแสดงสิทธิในการลงทุนที่ออกให้แก้ผู้ถือหุ้น นักลงทุนที่ถือหุ้นก็เปรียบเสมือนเจ้าของกิจการนั้น ๆ ซึ่งจะได้รับผลตอบแทนเป็นเงินปันผลและกำไรจากส่วนต่างของราคาที่ปรับตัวขึ้น หุ้นยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนธุรกิจ หุ้นจะเหมาะสมกับนักลงทุนที่แสวงหารายได้แบบให้เงินทำงานสร้างผลตอบแทน หรือ Passive Income ดังนั้น สิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุนที่ต้องรู้จักและเข้าใจคือหุ้นประเภทต่าง ๆ ว่ามีอะไรบ้าง โดยจะต้องทำความเข้าใจลักษณะเฉพาะของหุ้น และสามารถค้นหาได้ว่าหุ้นประเภทใดเหมาะสมกับการลงทุนของเรา เราจะมาดูกันว่าหมวดหมู่หุ้นต่าง ๆ มีอะไรกันบ้าง

Advertisement

Advertisement

ภาพจาก fauxels / Pexelsภาพจาก fauxels / Pexels

หุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิ (Common and Preferred Stock)

“หุ้นสามัญ” เป็นหุ้นแสดงถึงความเป็นเจ้าของบางส่วนในกิจการหรือบริษัท หุ้นกลุ่มนี้ให้สิทธินักลงทุนในการสร้างผลกำไร มักจะจ่ายเป็นเงินปันผล ผู้ถือหุ้นสามัญจะเลือกคณะกรรมการของบริษัทและลงคะแนนเสียงในนโยบายของบริษัทหรือร่วมเป็นผู้ตัดสินใจในปัญหาสำคัญในที่ประชุมผู้ถือหุ้น เช่น การจ่ายปันผล การเพิ่มทุน การควบรวมกิจการ เป็นต้น ผู้ถือหุ้นกลุ่มนี้มีสิทธิในทรัพย์สินของบริษัทในการชำระบัญชี แต่หลังจากที่ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิและผู้ถือหนี้รายอื่น ๆ ได้รับชำระแล้วเท่านั้น ผู้ก่อตั้งและพนักงานของบริษัทมักจะได้รับหุ้นสามัญ ส่วน “หุ้นบุริมสิทธิ” จะเป็นหุ้นเช่นเดียวกับหุ้นสามัญ แต่ว่า จะไม่มีสิทธิในการออกเสียงลงมติในที่ประชุมผู้ถือหุ้น แต่เมื่อกิจการมีกำไรจากการดำเนินงาน ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิจะได้รับเงินปันผลในอัตราคงที่ ซึ่งอาจจะมากหรือน้อยกว่าผู้ถือหุ้นสามัญก็ได้ และผู้ถือหุ้นจะได้ผลตอบแทนในการจ่ายเงินปันผลเป็นประจำก่อนที่จะออกเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญ ขณะเดียวกัน ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิจะได้รับเงินคืนก่อนหากบริษัทเลิกกิจการหรือล้มละลาย

Advertisement

Advertisement

หุ้นเติบโตและหุ้นคุณค่า (Growth Stocks and Value Stocks)

“หุ้นเติบโต” เป็นหุ้นที่คาดว่าจะเติบโตโดดเด่นในอัตราที่เร็วกว่าและต่อเนื่องกันหลาย ๆ ปี และยังมีแนวโน้มเติบโตต่อไป เมื่อเทียบกับตลาดในวงกว้างหรือเมื่อเทียบกับหุ้นอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกัน โดยทั่วไป หุ้นที่มีการเติบโตมักจะเติบโตดีกว่าในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจขยายตัว ตัวอย่างเช่น หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่มีผลงานโดดเด่นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง นักลงทุนสามารถดูการเติบโตของหุ้นโดยเปรียบเทียบหุ้นในอุตสาหกรรมเดียวกันหรือติดตามตามกองทุนดัชนี Index Fund หรือ Exchange-Traded Fund (ETF) ส่วน “หุ้นคุณค่า” เป็นหุ้นที่มีราคาถูกหรือมูลค่าต่ำกว่าราคาที่เหมาะสมหรือเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เหมาะสำหรับการลงทุนในระยะยาว ลักษณะเด่นของหุ้นประเภทนี้ คือ เป็นหุ้นที่เน้นอัตราปันผลที่สูง แต่มักจะมีผลการดำเนินงานเติบโตไม่โดดเด่นมากนัก หรืออาจเป็นกิจการที่มีการเติบโตเต็มที่แล้ว ทำให้คนตีราคาของหุ้นตัวนี้ต่ำมากจนไม่สนใจซื้อขายกัน จึงทำให้ราคานั้นต่ำกว่าราคาที่เหมาะสม โดยทั่วไปแล้วจะมีการประเมินมูลค่าที่น่าดึงดูดใจมากกว่าตลาดในวงกว้าง หุ้นมูลค่า เช่น ด้านการเงิน การดูแลสุขภาพ และพลังงาน มีแนวโน้มที่จะทำได้ดีกว่าในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัว เนื่องจากโดยปกติแล้วจะสร้างรายได้ที่เชื่อถือได้  บางครั้งอาจจะมีหุ้นบางตัวอาจจะเป็นหุ้นคุณค่าและหุ้นเติบโตด้วยก็ได้

Advertisement

Advertisement

ภาพจาก geralt / Pixabayภาพจาก geralt / Pixabay

หุ้นรายได้ (Income Stock)

หุ้นรายได้เป็นหุ้นที่ให้รายได้ประจำโดยการกระจายผลกำไรของบริษัท หรือเงินสดส่วนเกิน ผ่านเงินปันผลที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด หรืออาจจะเรียกกันว่าเป็น หุ้นปันผล โดยทั่วไปหุ้นประเภทนี้จะเป็นหุ้นจำพวกสาธารณูปโภค มีความผันผวนต่ำและมีมูลค่าเพิ่มน้อยกว่าหุ้นที่มีการเติบโตสูง ทำให้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยงหรือคนที่ทำงานประจำ

หุ้นบลูชิพ (Blue Chip Stock)

หุ้นบลูชิพเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงและมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูง มีพื้นฐานธุรกิจที่ดี มีความมั่นคง ผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง มีสภาพคล่องในการซื้อขายค่อนข้างสูง มีประวัติที่ประสบความสำเร็จมายาวนานในการสร้างรายได้ที่เชื่อถือได้และเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมหรือภาคส่วนของตัวเอง นักลงทุนรุ่นเก่าหรือนักลงทุนที่มีประการณ์ยาวนานอาจเพิ่มน้ำหนักให้กับพอร์ตด้วยหุ้นบลูชิพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีความไม่แน่นอน

หุ้นวัฏจักรและหุ้นไม่ใช่วัฏจักร (Cyclical and Non-Cyclical Stocks)

“หุ้นวัฏจักร” จะเป็นหุ้นที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากสภาวะของเศรษฐกิจและมักจะเป็นไปตามวัฏจักรของเศรษฐกิจ เมื่อเศรษฐกิจดีขึ้นหุ้นประเภทนี้ราคาจะปรับตัวสูงขึ้นและเมื่อเศรษฐกิจแย่หุ้นประเภทนี้ก็อาจจะราคาตกต่ำสุด ๆ เลยก็ได้ หุ้นวัฏจักรอาจจะมีรอบระยะเวลาที่แตกต่างกัน ถ้าเราเข้าใจหุ้นวัฏจักรอย่างดี เราอาจจะสามารถทำกำไรจากหุ้นประเภทนี้ได้อย่างงดงาม โดยซื้อในจุดต่ำสุดและขายในจุดสูงสุดได้ ส่วน “หุ้นที่ไม่ใช่วัฏจักร” เป็นหุ้นในอุตสาหกรรมที่ "ป้องกันภาวะเศรษฐกิจถดถอย" ซึ่งมีแนวโน้มที่จะดำเนินการได้ดีพอสมควรโดยไม่คำนึงถึงเศรษฐกิจ หุ้นที่ไม่ใช่วัฏจักรมักจะดีกว่าหุ้นวัฏจักรในช่วงของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจหรือภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ หรืออาจจะเป็นหุ้นที่แข็งแกร่งในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ เนื่องจากยังคงมีความต้องการผลิตภัณฑ์และบริการหลักค่อนข้างสม่ำเสมอ

หุ้นเชิงรับ (Defensive Stocks)

โดยทั่วไปแล้วหุ้นเชิงรับจะให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอในสภาวะเศรษฐกิจและสภาพแวดล้อมของตลาดหุ้นส่วนใหญ่ บริษัทเหล่านี้มักจะขายผลิตภัณฑ์และบริการที่จำเป็น เช่น สินค้าอุปโภคบริโภค การดูแลสุขภาพ และสาธารณูปโภค หุ้นเชิงรับอาจช่วยปกป้องพอร์ตจากการขาดทุนที่สูงในช่วงตลาดขาลง หุ้นเชิงรับอาจเป็นหุ้นคุณค่า หุ้นรายได้ หุ้นไม่มีวัฏจักร หรือหุ้นบลูชิพ

หุ้น IPO

เมื่อบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ บริษัทจะออกหุ้นผ่านการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไป (IPO) ปกติหุ้น IPO จะได้รับส่วนลดก่อนรายการหุ้นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ นอกจากนี้ยังอาจมีกำหนดการได้รับสิทธิเพื่อป้องกันไม่ให้นักลงทุนขายหุ้นทั้งหมดของตนเมื่อหุ้นเริ่มซื้อขาย นักวิเคราะห์ตลาดยังใช้คำว่า "หุ้น IPO" เมื่อพูดถึงหุ้นที่เพิ่งเข้าจดทะเบียน

หุ้นที่มีมูลค่าถูกหรือหุ้นต่ำบาท (Penny Stocks)

หุ้น Penny เป็นหุ้นที่มีมูลค่าน้อยกว่า 5 ดอลลาร์ หรือถ้าเทียบกับตลาดหุ้นไทยก็อาจจะเรียกว่าหุ้นที่มีมูลค่าถูกหรือหุ้นต่ำกว่า 1 บาท หุ้นประเภทนี้ถือเป็นหุ้นในการเก็งกำไรสูง เพราะสามารถลากราคาขึ้นลงได้ง่าย เหตุผลที่เรียกว่าหุ้นต่ำบาทอาจจะเพราะว่าบริษัทมีผลประกอบการณ์ขาดทุนมาเป็นเวลานาน อาจจะถูกฟ้องร้อง หรือโดนผลกระทบทางเศรษฐกิจ หรือเหตุการณ์ที่มีผลกระทบอื่น ๆ เป็นหุ้นที่ใช้ทุนน้อยมาก เมื่อเทียบกับหุ้นของบริษัทใหญ่ ๆ ราคาเปลี่ยนแปลงได้เร็วมาก มีผันผวนและความเสี่ยงที่สูง นักลงทุนรายใหม่มักจะโดนดึงดูดด้วยราคาที่เคยสูงมาก่อน เลยอาจจะทำให้คิดว่าสามารถทำกำไรได้สูง แต่ว่าอาจจะเสียเปรียบถ้าเทียบกับนักลงทุนรายใหญ่ ที่อาจจะสามารถควบคุมราคาได้

หุ้น ESG

หุ้น ESG เป็นหุ้นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลหรือการกำกับดูแลกิจการ (Environmental, Social  and Corporate Governance, ESG) ให้ความสำคัญกับการปกป้องสิ่งแวดล้อม ความยุติธรรมทางสังคม และการจัดการอย่างมีจริยธรรม ตัวอย่างเช่น หุ้น ESG อาจเป็นบริษัทที่ตกลงที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้ตำกว่าเกณฑ์ในระดับชาติและระดับอุตสาหกรรม หรือบริษัทที่ผลิตอุปกรณ์สำหรับโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานหมุนเวียน หุ้น ESG ได้รับความนิยมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งใส่ใจในสังคมและมีแนวโน้มจะลงทุนในสิ่งที่เชื่อและสนับสนุนมากขึ้น

ภาพจาก Mikhail Nilov / Pexelsภาพจาก Mikhail Nilov / Pexels

ในช่วงที่ตลาดผันผวนสูง การมองหาหุ้นอาจจะต้องคัดเลือกให้ถี่ถ้วน วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและวิเคราะห์ทางเทคนิค เพื่อเข้าลงทุนในจังหวะที่เหมาะสม ดังนั้นการรู้จักประเภทหุ้นก็เป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้น การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ก็ควรระมัดระวังในการลงทุน

ภาพจาก Tima Miroshnichenko / Pexelsภาพจาก Tima Miroshnichenko / Pexels

ภาพหน้าปกจาก Anna Nekrashevich / Pexels

เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์