อื่นๆ
วันแรกของการสมัครแอร์โฮสเตสแขก แบบ งงๆ ฉบับที่ 3
วันแรกของการสมัครแอร์โฮสเตสแขกแบบงงๆฉบับที่ 3
เสียงนาฬิกาปลุกแต่เช้าตรู่ เวลานัดรายงานตัวคือ 8 โมงเช้า แต่ด้วยความตื่นเต้น กลัวจะนอนตื่นสาย กลัวจะแต่งหน้า ทำผมไม่ทัน บวกกับความกังวลผสมปนเปกันหมดว่าจะทำได้ไม่ดี..เดี๋ยวแม่จะบ่นอีกว่าเสียดายค่าตั๋วเครื่องบิน (หลายคนคงจะจำได้ จาก ฉบับที่ 2 คำอวยพรของแม่ก่อนจะขึ้นเครื่องคือ “อย่าให้เสียค่าตั๋วเครื่องบินฟรีแล้วกัน”) แต่เราก็รู้ๆกันอยู่ว่า แม่พูดเล่น ตามสไตล์ครอบครัวนี้ คำบ่นคือคำอวยพร วันไหนแม่ไม่บ่น เหมือนจะขาดอะไรไป..ปกติไม่ว่าจะเรียนได้เกรดอะไร สอบได้ที่เท่าไร แม่ไม่เคยกดดันหรือด่าว่าอะไรเลย แต่แม่จะคอยซัพพอร์ตอยู่เสมอ ...
นาฬิกาบอกเวลา ตี 5 เราก็ลุกขึ้นจากเตียงอาบน้ำ แปรงฟันใส่เสื้อผ้า และโทรสไกป์ทางไกลไปหาพี่สาว เวลาที่ไทยก็ประมาณ 6 โมงเช้า เพื่อที่จะให้พี่สาวแนะนำวิธีการแต่งหน้าอยู่เนืองๆ ว่าแต่งแบบนี้จะเข้มไปไหม หรืออ่อนไปไหม ? ทำผมทรงนี้ โอเคดีหรือยัง ต้องขอบคุณพี่สาวมา ณ ที่นี้ด้วย ที่จัดการให้ทุกอย่างเลย ถ้าไม่มีเธอในวันนั้น เราก็คงไม่ได้พาเธอมาเที่ยวดูไบในวันนี้หรอก..(ต้องช่วยเรานะ อย่าบ่นเยอะ) การเตรียมตัวในเช้าวันนี้ก็เป็นไปอย่างเรียบง่าย ทานขนมปังกับกาแฟที่ซื้อมาจาก 7-11 เมื่อคืน จะได้ไม่หิวระหว่างวัน และที่สำคัญสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ ลิปสติกสีแดง ต้องมั่นใจว่าสีจะไม่ดรอประหว่างวัน และไม่ติดฟันนะคะ จะหาว่าไม่เตือน เพราะมีหลายคนที่ไปเจอในวันสัมภาษณ์ ฟันแดงกันเป็นแถวเลย...
Advertisement
Advertisement
เช้านี้ เรานัดกับลูอีซ ว่าจะมาเจอกันที่ล็อบบี้โรงแรมเวลา 7 โมงเช้า ลูอีซมารอเราก่อนเวลาแล้ว เราก็ถามนางว่า กินอะไรมาแล้วยัง หรือจะไปแวะกินอะไรระหว่างทาง นางก็ตอบกลับมาว่า เรียบร้อยแล้ว ไปกันเลยไหม และเราก็สองคนก็เดินไปตามเส้นทางที่เราได้สำรวจกันเมื่อวานนี้ (โรงแรมที่เราอยู่ ไม่ไกลจากสถานที่สัมภาษณ์เท่าไร) ระหว่างทางที่เดิน ก็จะมีอารมณ์เหมือนกับ เด็กเดินไปโรงเรียน เพราะจะสังเกตได้ว่า มีหลายคนมากที่ใส่ชุดสูท ลิปสติกสีแดง พร้อมทั้งเดินถือแฟ้มเอกสาร สไตล์เดียวกันเป๊ะ.. ต่างคนต่างก็ยิ้มให้กัน บางคนก็ไปแบบเชิดๆ มั่นๆ ยิ้มด้วยก็ไม่ยิ้มกลับ เหมือนเราจะไปแย่งตำแหน่งยังไงยังงั้น เราก็ไม่ได้อะไร เดินคุยนู้นคุยนี่ไปกับลูอีซ ไม่กี่นาทีก็ถึงโรงแรม คนเยอะมากก เราก็เข้าไปนั่งตามสถานที่ที่เค้าจัดให้ ...สายตาก็สอดส่องดูผู้สมัคร มากันหลากหลายมาก ทั้งเอเชีย ยุโรป คละกันหมด ตอนนั้นก็นั่งข้างกับผู้ชายคนหนึ่งเหมือนนางเป็นลูกครึ่งอะไรสักอย่างผสมกับมาเลย์ (ขออภัยในความทรงจำที่เลือนลาง เพราะนานเกือบจะ 5 ปีแล้วค่ะ) นางมาคนเดียว เราก็ทักทายตามประสา เขาบอกว่า เรียกเขาว่า โทมัส (Thomas) ก็ได้ เขาสมัครมาครั้งนี้ครั้งที่ 11 แล้ว ..เราก็ตกใจ “อะไรนะ? 11 ครั้ง?” เขาก็บอกว่า เขาอยากเป็นลูกเรือสายการบินนี้มาก แต่ก็ไม่รู้ทำไมว่า ไม่ผ่านเข้ารอบ ตกรอบแนะนำตัวบ้าง, การอภิปรายกลุ่ม (Group Discussion) บ้าง ตกรอบตอนสอบภาษาอังกฤษบ้าง แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ จะสมัครไปเรื่อยๆ เราก็บอกว่า ยูมีความแน่วแน่ ไม่ยอมแพ้ ครั้งนี้อาจจะเป็นคราวของยูก็ได้นะ...สู้ๆ ... เราก็แนะนำโทมัสให้รู้จักกับลูอีซ ลูอีซก็แนะนำผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่นั่งข้างๆลูอีซให้เรารู้จัก ตอนนี้เราทั้งสี่คนก็ถือว่าเป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์กันแล้ว ระหว่างที่นั่งคุยกันไปกันมา ก็มีการเป็นสไลด์พรีเซนเทชั่น เกี่ยวกับบริษัท, ขั้นตอนการคัดเลือก, พูดคุยถาม-ตอบ ทั่วๆ ไป ใครมีคำถามอะไรก็ยกมือถามได้ ช่วงนี้ไม่มีอะไรมาก ก็นั่งฟังไปเรื่อยๆ หลังจากนั้นเค้าก็ให้ไปพักเบรค 15 นาที หลังจากนั้นก็กลับมานั่งเพื่อทำงานส่งเรซูเม่ Resume.. ซึ่งจะมีกรรมการแค่คนเดียวเท่านั้น ดูจากท่าทางแล้วนางก็เหมือนจะเหนื่อยๆ เหมือนกัน ก็เข้าใจว่า ต้องเดินทางไปรับสมัครคนหลายร้อยคน เพื่อนๆ ผู้สมัครบางคนบอกว่า นางคือกรรมการที่เพิ่งรับสมัครเสร็จจากเมืองกัวลาลัมเปอร์ เมื่อสองสามวันก่อนนี้ เพราะมีหลายคนที่ไม่ผ่านจากเมืองกัวลาลัมเปอร์ก็นั่งรถไฟมาสมัครใหม่ ที่เมือง Ipoh นี้เหมือนกัน บางคนก็จำนางได้..
Advertisement
Advertisement
โทมัส คือผู้ชายคนที่สองนับจากทางขวาค่ะ
ในรอบนี้ จะเป็นการส่งเรซูเม่ให้กรรมการ..แต่ละคนมีเวลาไม่เกิน 3 วินาทีโดยประมาณ ..บางคนเมื่อยื่นเอกสารเสร็จปุ๊ป นางก็ ขอบคุณ เป็นการจบการสนทนา ถือว่าจะยากก็ยาก จะง่ายก็ง่าย เพราะภายใน สามวินาทีนี้ เราต้องทำให้กรรมการประทับใจเราให้ได้... การทำงานของกรรมการจากที่เราสังเกตมา คือ จะแบ่งกองเรซูเม่เป็นสองกอง ซึ่งตามความคิดเราก็คือ จะมีกองหนึ่งที่ผ่าน อีกกองหนึ่งคือไม่ผ่าน และอย่างที่สองคือ ถ้าหากว่าใครเคยเป็นแอร์โฮสเตสเก่ามาก่อน ไม่ว่าจะจากสายการบินไหน กรรมการจะถามคำถามอะไรสักอย่าง ซึ่งเราก็ได้ยินไม่ถนัดเพราะเรานั่งอยู่ข้างหลัง แต่จากคำถามที่รู้มาก็จะประมาณว่า what the most important rule/duties for being cabin crew? ทำนองว่าอะไรคือหน้าที่ที่สำคัญที่สุดสำหรับการเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน..
Advertisement
Advertisement
และแล้ว ก็มาถึงแถวเรา ก่อนอื่นขอกล่าวเกี่ยวกับเรื่องของเรซูเม่ มีหลายๆ คนเห็นเรซูเม่เราแล้วบอกว่า ชอบการเขียนของเรามาก เราพยายามทำให้ทุกอย่างอยู่ในแผ่นเดียว อ่านง่าย เป็นสัดส่วน และมีรูปแบบที่แตกต่างไปจากเรซูเม่แบบเดิมๆ และทุกอย่างจะเน้นเป็นสีแดง เช่น หัวข้อ เส้นแบ่ง ฯลฯ .. ขอแนะนำ พยายามอย่าให้เรซูเม่ เกินมากกว่า 2 แผ่น..บางคนมา สามสี่แผ่น กรรมการคงไม่มีเวลาอ่านทั้งหมดแน่นอน .. ระหว่างที่เรานั่งดูคนอื่นๆ ยื่นเรซูเม่ให้กรรมการ ก็ทำให้เรานั่งนึกว่า จะทำอย่างไรให้เกิดความประทับใจ อันดับแรกต้องเป็นท่าทางและบุคลิกภาพการเดิน ยิ้มแย้ม แต่ต้องเป็นการยิ้มที่จริงใจ เปรียบเทียบกับคำกล่าวที่ว่า ดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ เราก็ยิ้มตาหยีเลยจ้า...
เมื่อสิ้นสุดเสียง Next ! ก็คือถึงคราวเราแล้วที่จะต้องเดินไป เราก็เดินหลังตรง มั่นใจ พร้อมทั้งยิ้มให้กรรมการ นางก็ยิ้มกลับให้เรา อยากจะบอกเทคนิคเล็กๆ น้อยอีกสักอย่างก็คือ การยื่นเรซูเม่ของเราคือ เราจะยื่นในด้านที่ เมื่อเค้ารับไปแล้ว คือสามารถอ่านได้เลย บางคนยื่นเอกสารแบบเอกสารหันหน้ามาฝั่งตัวเรา กรรมการก็ต้องไปหมุนเอกสารอีกรอบ เพื่อที่ได้ไม่อ่านกลับหัว... กรรมการก็มองเราแวบนึง แล้วก็พยักหน้า ก้มมองเรซูเม่เราไม่ถึง สองวินาทีแล้วถามว่า ได้ทำอะไรระหว่างเรียนที่ลอนดอนบ้าง (เราเรียนจบป.โทที่ลอนดอน) เราก็พยายามตอบให้กระชับรัดกุมมากที่สุด เราก็ตอบไปประมาณว่า “ได้มีโอกาสไปทำงานเกี่ยวกับ Customer Services กับบริษัทแห่งหนึ่งเป็นระยะเวลา 6 เดือน และนั่นทำให้ฉันรู้ว่า ฉันชอบสายงานนี้ค่ะ” นางก็ตอบว่า Thank you... แล้วเราก็เดินออกมา พยายามเดินให้ดูบุคลิกดีที่สุด เพราะเราก็ไม่รู้ว่า เค้าอาจจะหันมามองอีกรอบหรือเปล่า ไม่ใช่เดินเข้าไปหาอย่างดี แต่เดินออก เดินแบบม้าย่อง ก็ไม่ไหวนะ ...ณ ตอนนั้นเราก็ไม่แน่ใจสักเท่าไรว่า จะผ่านรอบนี้หรือเปล่า แต่เพื่อนคนที่ออกมาทีหลัง นางบอกว่า กรรมการ นางมองเราตอนเราเดินออกมาด้วย แล้วก็ใส่เรซูเม่ไว้ในกองๆ หนึ่ง.. ตอนนั้นก็คิดแล้วว่า ขอให้กองๆนั้น เป็นกองสำหรับคนที่ผ่านการคัดเลือกด้วยเถอะ
โทมัสและเพื่อนคนมาเลย์ที่ผ่านเข้ารอบด้วยกัน
ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง ในที่สุดเวลาประกาศผลก็ได้มาถึง.. จะมีกระดาษรายชื่อของผู้สมัครทุกคน และบุคคลที่มีการไฮไลท์ชื่อ ก็คือผู้ที่ได้ผ่านเข้ารอบ จำนวนผู้สมัครเกือบ ห้าร้อยคน กระดาษก็มีหลายแผ่นมาก รอบแรก เราก็หาชื่อเรา ไม่เจอชื่อ..กลับไปหาอีกรอบ ไล่มันทีละบรรทัดเลย เจอชื่อ ลูอีซ ผ่านเข้ารอบ...โทมัส เข้ารอบ... มาชื่อเรา เจอแล้วว ไฮไลท์ด้วยย ผ่านเข้ารอบบ ณ ตอนนั้นดีใจมาก สิ่งแรกที่ทำคือ โทรหาแม่ก่อนเลย บอกเข้ารอบแล้ว แม่ก็ดีใจ บอกว่า ทำอะไรให้เสร็จก่อนแล้วค่อยโทรมาทีเดียวเลยก็ได้ จะได้ไม่เสียสมาธิ ... และใต้กระดาษมีเขียนว่า ภายในอีก ครึ่งชั่วโมง คนที่ผ่านเข้ารอบ ให้มาเจอกันใหม่
ณ ตอนนั้นห้องอาหารโรงแรมก็เหมือนที่สิงสถิตของผู้เข้าสมัครหลายคน ..เราก็จำไม่ได้ว่า มีกี่คนที่ได้เข้ารอบ..แต่สังเกตได้ว่า คนดูน้อยลงมาก.. เกินครึ่งน่าจะได้.. เมื่อถึงเวลาครึ่งชั่วโมง เราทั้งสามก็เดินไปกลับไปยังห้องสัมภาษณ์ กรรมการก็ให้สติกเกอร์มาคนละใบ ให้เขียนชื่อ และหมายเลขประจำตัว เพราะต่อไป เค้าจะได้เรียกว่า หมายเลข 1 ผ่าน หมายเลข 2 ผ่าน เพื่อให้สะดวกต่อการคัดเลือก... และเลขที่เราได้ก็คือเลข 37 ..ซึ่งเราก็ถือว่า เป็นเลขนำโชคของเราไปเลยละกัน
ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ และหลานสาวที่อยากเข้ากล้องด้วยซะงั้น
ในรอบต่อไปจะเป็นรอบอะไร สอบแบบไหน ขอบอกไว้ก่อนเลยว่า มีหลายคนที่ไม่ผ่านสำหรับรอบนี้ ทั้งดราม่า ทั้งตื่นเต้น ไว้ติดตามในตอนต่อไปนะคะ
ภาพทั้งหมดโดย : ผู้เขียน
UAE | Thailand Woman in Black Travel, Photography Home is where my suitcase is ... ID: Cherry_kat
ความคิดเห็น