อื่นๆ
วิญญาณร้ายริษยา

เรื่องราวนี้เกิดขึ้นจริงประมาณปี 2536 เกือบ 30 มาแล้ว ครั้งนั้นข้าพเจ้าบวชเป็นสามเณรอยู่จำพรรษาอยู่วัดใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร น้องสาวข้าพเจ้าก็เข้ามาทำงานในโรงงานและพักอยู่แถวๆบางแค และมักจะแวะเวียนเยี่ยมข้าพเจ้าเป็นประจำ
แต่จู่ๆก็มีอยู่วันหนึ่งเพื่อนน้องสาวโทรมาแจ้งว่า น้องสาวข้าพเจ้ามีการคลุ้มคลั่งควบคุมสติไม่ได้คล้ายๆคนถูกผีเข้า ตอนนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาล แต่เมื่อไปถึงกลับมีอาการปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงให้กลับบ้านได้ อีกไม่กี่วันต่อมา ทั้งน้องสาวและเพื่อนๆก็พากันเดินทางมาหาที่วัด และเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง
ในตอนนั้น ข้าพเจ้าจึงมอบสร้อยเงินพร้อมพระเครื่องสำหรับห้อยคอ ด้วยคิดว่า จะสามารถป้องกันผีหรือวิญญาณเข้าสิงได้ ทุกอย่างเหมือนจะดำเนินไปตามปกติ แต่ทว่า ข้าพเจ้าก็ได้รับโทรศัพท์อีกครั้งว่า ตอนนี้น้องสาวคลุ้มคลั่งมาก โดยจะขึ้นไปที่ดาดฟ้า และจะโดดจากตึกลงมา เพื่อน ๆและคนที่เห็นเหตุการณ์เล่า เสียงที่พูด อาละวาดนั้นเป็นเสียงผู้ชาย แววตาแดงกล่ำ พูดว่า อย่าห้ามกู อย่าห้ามกู กูจะโดดตึก
Advertisement
Advertisement
จากนั้นทุกคนก็พาไปส่งโรงพยาบาลอีกครั้ง อาการคลุ้มคลั่งนั้นก็กลับมาเป็นปกติ และทราบความภายหลังว่า ผีเข้าเมื่อถอดสร้อยคอออก ขณะเตรียมตัวจะไปอาบน้ำ หลังจากออกโรงพยาบาลคราวนี้ สภาพร่างกายของน้องสาวเสมือนคนไร้เรี่ยวแรง ใช้ชีวิตตามปกติไม่ได้ ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจพาน้องสาวกลับต่างจังหวัด และให้พักอยู่กับแม่ชีท่านหนึ่ง
ด้วยความกรุณาของแม่ชี ท่านจึงทำพิธีสะเดาะห์ให้ พิธีนี้เรียกว่า บังสุกุลตาย บังสุกุลเป็น ในขณะทำพิธี วิญญาณที่สิงร่างน้องสาวก็ส่งเสียงผู้ชาย อาละวาดอีกครั้งว่า ให้หยุดทำพิธี พวกมึงอย่ามายุ่งกับกู ท่านแม่ชีถามว่า ทำไม เจ้าจึงมาสิงร่างนี้ ขอให้ออกจากร่างนี้ และจะทำบุญอุทิศไปให้ วิญญาณร้ายตอบว่า เมื่อชาติที่แล้วน้องสาวและเขาเคยตายที่ตึกนี้ด้วยกัน แต่เขาเห็นน้องสาวได้กลับมาเกิดก่อน จึงเกิดความริษยา และอยากให้น้องสาวตายที่นี่ จึงสิงร่างเพื่อให้กระโดดตึก หลังจากแม่ชีทราบความจริง ก็แนะนำให้น้องสาวข้าพเจ้าได้บวชชีปฏิบัติธรรม อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้วิญญาณนี้ เมื่อวิญญาณร้ายริษยาดวงนี้ก็ออกจากร่างไป และไม่กลับมาสิงร่างน้องสาวข้าพเจ้าอีกเลย
Advertisement
Advertisement
ความคิดเห็น






