อื่นๆ

วิธีคน..วิถีควาย

129
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
วิธีคน..วิถีควาย

"เห.. เห้.. หา.. ฮ้า... เสร็จจากงานนาเมื่อเวลาเย็นๆ เป่าขลุ่ยแล้วพาเจ้าทุยเดินเล่น ลมพัดเย็นๆ มาเดินไปตามคันนา.... "

"เจ้าทุยอยู่ไหน ได้ยินไหมใครมากู่ กู่ เรียกหาเจ้าอยู่ อยู่ หนใดรีบมา เจ้าทุยเพื่อนฉัน ออกมาหากันดีกว่า อย่า
เฉยเลยอย่าอย่า มะมา เร็วไว"

* * * สองเพลงที่ผู้เขียนหยิบยกมานี้เพลงแรกเป็นเพลงลูกทุ่ง ชื่อเพลง" ชมทุ่ง" ขับร้องโดย เพลิน พรมแดน" ส่วนเพลงที่สองเป็นเพลงลูกกรุงชื่อเพลง"ทุยจ๋า" ขับร้องโดย รวงทอง ทองลั่นทม เชื่อว่าทุกคนเคยฟังผ่านหูมาบ้าง ที่ผู้เขียนหยิบยกบางส่วนของสองบทเพลงนี้มาก็เพื่ออยากจะให้ผู้อ่านได้ระลึกนึกย้อนถึงความหลังในอดีต ได้เกิดจินตภาพถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนกับควายว่ามีความผูกพันธ์ใกล้ชิดกันมากน้อยแค่ไหน เพียงใด ในสมัยก่อนตอนที่ผู้เขียนยังเป็นเด็กได้เห็นและจดจำภาพได้ว่ามีคนที่ไหนมักมีควายที่นั่นคนเลี้ยงควาย และควายช่วยแรงงานคน ชนิดแยกกันไม่ออก ตามท้องทุ่ง ไร่ สวน แม้กระทั่งใต้ถุนบ้านเต็มไปด้วยฝูงควาย หน้านาทำนา อาศัยแรงควายในการไถ คราด หน้าแล้งใช้แรงควายในการลากเกวียนและท่อนซุง ตื่นเช้ามาคนต้อนควายออกจากคอกไปและเล็มหญ้า ตามท้องทุ่ง ท้องนาพอตกเย็นมา ก็ต้อนควายกลับคอกสุมไฟไล่ยุงให้ด้วยความเอาใจใส่ ขี้เกียจเดินก็กระโดดขึ้นขี่หลังควายสบายใจเฉิบ ว่างจากการงานหว่านไถ ก็จัดงานรื่นเริงนำควายมาชนกันบ้าง มาวิ่งแข่งควายกันบ้าง การแพ้ชนะไม่ใช่เรื่องสำคัญเน้นความสนุกสนานรื่นเริงตามประสาบ้านๆ กันมากกว่า มีวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย สมถะ หนุ่มสาวบางคู่นำควายไปเลี้ยงด้วยกัน นานๆเข้าเกิดเป็นความผูกพันจนกลายเป็นความรักและแต่งงานกันในที่สุดก็เพราะมีความเป็นสื่อกลาง หนุ่มสาวบางคู่รักกันฝ่ายชายไม่มีเงินทองเป็นของหมั้นก็ใช้ควายนี่แหละเป็นของหมั้นแทนเงินทอง

Advertisement

Advertisement

ภาพประกอบโดย ผู้เขียนความสัมพันธ์ของคนกับควายนอกจากมีความสัมพันธ์ทางร่างและจิตใจแล้วยังมีรวมไปถึงพยัญชนะภาษาไทยที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ จะด้วยความบังเอิญหรือเจตนาของผู้ประดิษฐ์อักษรไทยก็ไม่ทราบ ผู้อ่านสังเกตไหมว่า ฅ.คน กับ ค.ควาย ทำไมถึงอยู่ชิดติดกัน และมีฐานเสียงเดียวกัน มิหนำซ้ำการเขียนคำว่า"คน" ก็ไม่ใช้ "ฅ" (ฅน)​ แต่กลับไปแย่ง"ค ควาย" มาจากควาย แล้วนำมาเขียนคำว่า"คน" มิหนำซ้ำในปัจจุบันเรายังกีดกันไม่ให้นำ "ฅ" เข้ามาใช้ในการเขียนภาษาไทยและยึดเอา ค.ควาย มาใช้แบบถาวรอย่างหน้าตาเฉยอีกต่างหาก ที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่าความสัมพันธ์และความผูกพันของคนกับควายในสมัยก่อนมีทั้งผูกพันทางกาย ทางจิตใจรวมไปถึงทางภาษา

ภาพประกอบโดย ผู้เขียน

และแล้วกาลเวลาก็มาแยกวิถีชีวิต แยกความผูกพันของคนกับควายออกจากกัน วิถีคนกลับกลายเปลี่ยนเป็นวิธี เป็นวิธีที่เปลี่ยน ความรู้สึก นึกคิด เปลี่ยนทัศนคติ เปลี่ยนค่านิยม จากเดิมไปโดยสิ้นเชิง เปลี่ยนไปตามกระแสและค่านิยมของสังคมยุคใหม่ ยุคศิวิไลซ์ ยุคที่ทุกคนเป็นทาสของกิเลส คือความอยาก อยากได้ อยากมี อยากมี นี่ โน่น นั่น แบบไม่รู้จบ จนบางครั้งลืมฐานะ ลืมกำพืด ไม่คิดถึงศักยภาพของตนเองว่ามีมากน้อย แค่ไหน เพียงใด จิตใจที่เคยสงบเพราะมีธรรมชาติคอยขัดเกลา พอใจในสิ่งที่มี กลับร้อนรุ่ม​ กลุ้มใจ ทะเยอทะยานไปกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ควายที่เป็นเพื่อนที่ดีมีบุญคุณ เคยช่วยในการทำไร่ ไถนา เป็นเพื่อนยามเหงา เคยใช้เป็นพาหนะลาก จูง หรือขี่หลังเป่าขลุ่ยร้องเพลงจีบสาวหรือใช้ขี่หลังยามขี้เกียจเดิน เคยถูกใช้เป็นของหมั้น กลับถูกทอดทิ้ง ถูกมองข้าม วิธีคิดของคนปัจจุบันคือทำอย่างไรให้ตัวเองมีฐานะทัดเทียมกับคนอื่น หันมาใช้รถไถ ไถนาแทนควาย ควายที่มีอยู่หมดค่าหมดความหมาย

Advertisement

Advertisement

ภาพประกอบโดย ผู้เขียน

* * * * หันมามองวิถีควายบ้าง ควายยังคงเป็นสัตว์แสนเชื่องและซื่อสัตย์ พร้อมที่จะคอยรับใช้ผู้เป็นเจ้าของดังเดิม ความรู้สึก นึก คิด ยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่กลับถูกเจ้าของละเลยทอดทิ้งให้ยืนแทะเล็มหญ้าที่แห้งติดดินอยู่กลางทุ่งอย่างเดียวดาย ทั้งร้อน ทั้งกระหาย ชะเง้อมองหาเจ้าของซึ่งนานๆ จะโผล่หน้ามาหาสักครั้ง มาพร้อมกับเสียงก่นด่า บางวันไม่มาสนใจปล่อยให้นอนตากน้ำค้างอยู่กลางทุ่งหลายๆ วันเลยก็มีให้เห็น ไม่เหมือนแต่ก่อนที่คอยเคล้าคลอพะนอชิดใกล้ทั้งหญ้าและฟางหามาให้เคี้ยว หรือตอนอากาศร้อนก็พาลงไปเล่นน้ำตามคูคลอง ถึงแม้บางครั่งจะดื้อบ้าง จะเกเรบ้าง แต่คนก็ยังคงดูแลมาตลอด หรือควายหมดหน้าที่ หมดคุณค่า ในสายตาของคนแล้วอย่างนั้นหรือ คนจึงทำตัวเหินห่างถึงเพียงนี้ หรือวิถีของควายในปัจจุบันไม่ได้มีไว้เพื่อใช้งาน แต่เลี้ยงไว้เพื่อความสวยงามและเลี้ยงไว้เพื่อการพาณิชย์ จะสังเกตเห็นว่าปริมาณของควายในปัจจุบันลดลงอย่างน่าใจหาย ตามทุ่งนาป่าเขาที่เคยเห็นฝูงควายจำนวนมาก กลับไม่มีให้เห็น และสิ่งที่เห็นแล้วพาเจ็บปวดหัวใจจนอยากร้องไห้ นั่นคือได้เห็นฝูงควายนับสิบ นับร้อย ถูกต้อนขึ้นรถสิบล้อมุ่งหน้าเข้าโรงฆ่าสัตว์ได้เห็นน้ำตาของควายไหลย้อยเป็นทางคล้ายกับมันจะรู้ชะตาของตนเองดีว่าชีวิตนี้ช่างสั้นนัก กับการที่เราเป็นคนเป็นมนุษย์ที่ประเสริฐ ทำไมถึงมีความคิดที่โหดร้ายทารุณ  ถึงได้พากันฆ่าผู้มีที่มีบุญคุณที่เคยช่วยเหลือเกื้อกูลเรามา เพียงเพื่อนำเนื้อควายมาปรุงเป็นอาหารเพื่อให้ตนอิ่มท้องแค่นั้นหรือ ไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของควายซึ่งเป็นสัตว์เดรัจฉานบ้างเลยหรืออย่างไร หรือนี่คือชะตากำหนดให้วิธีคน..กับวิถีควาย ได้พบจุดจบเช่นนี้

Advertisement

Advertisement

ภาพประกอบโดย ผู้เขียน

หมายเหตุ ภาพที่ใช้ประกอบบทความนี้ผู้เขียนได้จัดทำขึ้นเองโดยนำแบบร่างมาจาก Canva ผู้เขียนจึงขอขอบคุณมา ณ ที่นี้เป็นอย่าสูง

เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์