อื่นๆ
วิธีเลิกกลัวผี 4.0

หากคุณเปิดมาเจอบทความนี้เพราะอยากเลิกกลัวผี หรือกำลังหาทางช่วยให้คนอื่นเลิกกลัวผี ขอขอบพระคุณมากๆ นะคะ ที่ให้โอกาสดิฉันได้ทำความดี หากคุณไม่เคยอ่านงานเงียนของดิฉันมาก่อน ดิฉันขอแนะนำตัวเองสั้นๆ นะคะ ดิฉันป็นคนที่มีคุณสมบัติติดตัวที่ไม่น่าดีใจ เรียกง่ายๆ ว่าเป็นคนเห็นผีนั้นเองค่ะ ด้วยเหตุนี้ดิฉันจึงมีวัตถุดิบในการเขียนบทความแนวนี้เยอะจนลืม
เขียนเรื่องผีน่าจะรุ่งนะ แกเห็นผีบ่อยออกขนาดนี้
นั้นคือคำพูดของเพื่อนๆ ทุกครั้งหลังจากที่ดิฉันเล่าประสบการณ์สยองขวัญใหม่ๆ ให้เพื่อนฟัง
ดิฉันมักจะหลีกเลี่ยงที่จะรับรู้ หรือกล่าวถึงเรื่องราวจากโลกวิญญาณอยู่เสมอ เพราะตัวดิฉันเองรู้ดีว่าทุกๆ ครั้งที่กล่าวถึงพวกเขา จิตย่อมสื่อถึงจิต แค่คิดถึงพวกเขาก็จะมาปรากฏตัว มาร่วมนั่งฟังยืนฟังเสมอไป แม้คนอื่นๆ จะไม่สามารถรับรู้หรือสัมผัสได้ แต่สำหรับคนที่มองเห็นผีเป็นประจำอย่างดิฉันขอรับรองว่าเป็นจริงดังที่กล่าวจริงๆ ค่ะ
Advertisement
Advertisement
ในภพภูมิที่ไม่มีกาย มีเพียงจิต เพียงการสื่อสารด้วยความคิดก็สามารถเชื่อมโยงโลกทั้งสองใบให้มาประสานกันได้แล้วค่ะ

แล้วอะไรทำให้ดิฉันเริ่มต้นเขียนเรื่องราวของพวกเขาเหล่านั้น ทั้งที่เคยหลีกเลี่ยงและพยายามที่จะอยู่ห่างจากวงการผีๆ นี้มาเป็นสิบๆ ปี
ดิฉันได้รับแรงบันดาลใจจากการ์ตูน ที่จริงๆ แล้วคงจะเป็นการ์ตูนสำหรับผู้ใหญ่ เพราะเป็นการ์ตูนสยองขวัญ แต่ดันถูกบรรจุให้อยู่ในช่องการ์ตูนของเด็ก เพราะผู้ใหญ่หลายๆ คน เข้าใจว่าอะไรก็ตามที่มีภาพเป็นการ์ตูน สิ่งนั้นมีขึ้นเพื่อเด็ก มุกต่างๆ ที่บรรจุในการ์ตูนเรื่องนั้น เด็กไม่ขำ แต่ผู้ใหญ่อย่างดิฉันขำจนน้ำตาเล็ด การ์ตูนเรื่องนั้นคือ Courage the Cowardly Dog เรื่องราวของหมาน้อยขี้กลัวสีชมพูที่อาศัยอยู่กับคู่สามีภรรยาเกษตรกรผู้แร้นแค้น หมาน้อยตัวนี้แม้จะเป็นโรควิตกกังวลและมีปกติขี้ขลาด แต่ไม่ว่าเมื่อใดที่มีเรื่องราวเหนือธรรมชาติต่างๆ เกิดขึ้น มันจะพยายามต่อสู้กับความหวาดกลัวและหาทางปกป้องเจ้าของของมัน ดิฉันได้ดูการ์ตูนเรื่องนี้โดยบังเอิญ เพราะปกติเป็นคนไม่ดูโทรทัศน์ แต่เนื่องจากลูกสาวของคนงานก่อสร้างมานั่งดูการ์ตูนรอแม่ของเขาในห้องรับแขกที่บ้าน ดิฉันเลยได้ดูการ์ตูนเรื่องนี้ไปด้วย
Advertisement
Advertisement
แม้จะได้ดูเพียงแต่ตอนเดียว และไม่รู้ว่าการ์ตูนชื่อเรื่องอะไร แต่ก็ทำให้ประทับใจจนต้องไปค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติม ฉากที่ดิฉันประทับใจมากในความสร้างสรรค์ของผู้สร้าง คือ ฉากที่วิญญาณที่มาทวงคืนของรักจากครอบครัวของเจ้าหมาน้อย ที่สองสามีภรรยาได้ขโมยมาจากสุสานของเขา วิญญาณแค้นปรากฏตัวขึ้นและทำลายทุกอย่างรอบตัว แม้ทั้งคู่จะหวาดกลัว แต่สิ่งที่เขาทั้งสองสนใจหาใช่ผีตนนั้น กลับเป็นท่อน้ำที่แตกเพราะแรงอาฆาตของผีตนนั้น "ดูนั้นสิ! ดูท่อน้ำที่แตกนั้นสิ โถ่เอ๊ย! เงินทั้งนั้น เราจะหาเงินที่ไหนมาซ่อมท่อน้ำพวกนี้เนี้ย" ดิฉันหัวเราะร่วน ชอบใจในความสร้างสรรค์ของผู้สร้างจริงๆ ที่นำเสนอแง่มุมในการเจอผีได้ถูกใจดิฉันจริงๆ ระหว่างการเจอผี มีสารพัดอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ได้มีแค่ความกลัวเท่านั้น การนำเสนอและปลูกฝังทางเลือกในการตอบสนอง ต่อปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างหลากหลาย การกรีดร้องอย่างไร้สติ จึงไม่ใช่บทสรุปเดียวของการเจอผี
Advertisement
Advertisement
ถ้าดิฉันจะเล่าเรื่องผี มันจะต้องแตกต่าง จากสิ่งที่มีอยู่แล้ว
มันถึงจะคุ้มค่าในการนั่งเขียนเรื่องผี ในขณะที่เจ้าของเรื่องมายืนดูอยู่ข้างๆ
หากคุณได้ติดตามอ่านเรื่องราวการเจอผีของดิฉันก็จะทราบว่า ดิฉันทดลองสารพัดวิธี ที่จะทำให้ตัวเองเลิกมองเห็นผี และเป็นคนกลัวผีอย่างเปิดเผย จนในวันนึงที่พบว่าความกลัวดับลงได้ ทำให้เห็นความกลัวสุดขีดแบบไม่มีสาเหตุดับลง ทุกวันนี้จะบอกว่าไม่กลัวผีก็ไม่ใช่ เพราะคนที่ปราศจากความกลัวมีเพียงพระอรหันต์เท่านั้น ดิฉันยังคงไม่ชอบที่ต้องเจอผี แต่ก็ชินเสียแล้ว เหมือนที่หลวงพ่อที่ดิฉันเคารพเคยเมตตาสอนสั่งไว้ทุกประการ "วิธีทำให้เลิกเจอผีไม่มีหรอก ถ้าเขามาก็แผ่เมตตาให้เขาไป เดี๋ยวก็จะชินไปเอง"
เมื่อช่วยเหลือตัวเองให้ทุเลาความหวาดกลัวลงไปได้แล้ว ถ้าช่วยคนอื่นๆ ให้กลัวน้อยลงได้ด้วยก็น่าจะดี แม้จะเสี่ยงแต่ถ้าเราระวังและตั้งใจให้ตรง การนำเรื่องเล่านี้ออกสู่สังคมออนไลน์ ผ่านการเล่าที่ไม่น่าเบื่อ น่าจะช่วยคนได้จำนวนมากทีเดียว ไม่ว่าจะทำอะไรลงไปก็ประกอบด้วยบุญและบาปทั้งนั้น ตามสัดส่วนของความสว่างความมืดของสิ่งที่ทำค่ะ
ความเข้าใจโลกอีกใบอย่างถูกต้อง
การทำให้จิตใจของผู้อื่นกระเจิดกระเจิงแตกกระจาย จะส่งผลให้ความสามารถในการรวมจิตให้สงบเป็นสมาธิของคนผู้นั้นเป็นไปได้โดยยาก การกระทำที่ทำให้จิตของผู้อื่นสงบ ใจของเราย่อมสงบไปด้วย การเล่าเรื่องผีโดยทั่วไปมักส่งผลให้จิตของผู้อ่านหรือผู้ฟัง หดเล็ก กระจัดกระจายไร้ทิศทาง ด้วยความหวาดกลัว จะเล่าเรื่องผียังไง ให้จบด้วยความสงบและมีประโยชน์
ในตอนเด็กๆ ก่อนที่จะได้รับอนุญาตให้ดูละครผีๆ ดิฉันไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ใหญ่ต้องห้าม ผีคืออะไร น่ากลัวอย่างไร และเมื่อถูกห้ามก็เลยแอบดูซะเลย ผลก็คือดิฉันไม่กลัวผีในละครแม้แต่น้อย ดิฉันพบแต่จุดบกพร่องที่ไม่สมเหตุสมผลให้ต้องหวาดกลัว อาจจะเป็นเพราะเทคโนโลยีในการถ่ายทำที่ยังไม่พัฒนาเท่าปัจจุบัน ผีที่ถูกสร้างขึ้น จึงไม่มีความสมจริงมากเพียงพอ ที่จะทำให้เด็กที่ยังไม่เข้าใจถึงเหตุและผล ของการต้องกลัวผีอย่างดิฉัน เกิดความคล้อยตามและหวาดกลัวเมื่อผีในละครปรากฏตัว และถ้าผู้ใหญ่กลัวผีกันขนาดนี้ จะสร้างหนังผีกันขึ้นมาเพื่ออะไร
การขู่เด็กให้หยุดพฤติกรรมที่ผู้ใหญ่ไม่ต้องการ ด้วยผี ตำรวจ หมอ หรือแม้แต่ครู คือสิ่งที่ดิฉันต่อต้านมาโดยตลอด เพราะนอกจากจะแสดงถึงความไม่สร้างสรรค์ในการอบรมเด็กๆ แล้ว ยังปลูกฝังความกลัวที่ไร้เหตุผล ความเชื่อในปรากฏการณ์ต่างๆ อย่างไร้สติ ไร้การไตร่ตรอง แก่สังคม ซึ่งยากต่อการแก้ไข
การเจอผีแต่ละครั้ง ทำให้ดิฉันได้บทเรียนที่แตกต่างกัน ทุกๆ ครั้งเป็นโอกาสให้ได้เรียนรู้และเข้าใจความเป็นไปของโลกธาตุ เรื่องผีเป็นเรื่องที่เด็กๆ นักศึกษา มันจะเรียกร้องให้ดิฉันเล่าให้ฟังบ่อยๆ ถ้าเล่าแล้วสอนพวกเขาให้ตั้งอยู่ในศีลธรรมได้ กลัวผีน้อยลงได้ หรือเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตให้ดีขึ้น ก็นับว่าเป็นการเล่าเรื่องผีที่มีประโยชน์
ผี อาจจะมาในภาพลักษณ์ที่ไม่น่ามอง แต่ที่สภาพสวยงามชวนมองก็มีมากมาย ที่มาที่ไปของภาพลักษณ์ของพวกเขาเหล่านั้นมีเหตุผลเสมอ เช่น เดียวกันกับรูปร่างหน้าตาของมนุษย์เรา ที่มีทั้งคนสวย คนหล่อ และคนที่ไม่อาจทนมองรูปลักษณ์ของตนเองได้ หากดูละครผีๆ พร้อมกับลูก สิ่งที่ควรสอนคือเรื่องของกฏแห่งกรรม และศีลธรรม ไม่ใช่การใช้ภาพลักษณ์ที่น่าหวาดกลัวของผี มาขู่ให้ลูก หวาดกลัวและยอมทำตนตามที่ผู้ใหญ่ต้องการ คุณอาจจะกระหยิมใจที่หลอกเด็กได้สำเร็จ ในวันที่ผลกรรมปรากฏแม้ตัวคุณจะสำนึกในความมักง่ายของตนเอง แต่ก็คงหมดสิทธิบ่ายเบี่ยงที่จะไม่รับผลกรรมที่ตนเองได้ก่อไว้ เมื่อต้องรับผลกรรมก็ขอให้ได้ตั้งใจว่า จะไม่ทำแบบนี้อีก นอกจากนั้นจะทำสิ่งที่ตรงกันข้าม คือการทำความเข้าใจที่ถูกต้อง เมื่อมีโอกาสอีกครั้ง ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่ว่าดิฉันไม่เคยทำผิดนะคะ ดิฉันก็ทำพลาดมาแล้ว ได้รับผลกรรมแล้ว และพยายามที่จะมีสติรอบครอบไม่เผลอทำผิดอีกค่ะ

ความกลัวอยู่ที่ตรงไหน
จังหวะแรกที่เจอผี รู้สึกอย่างไรคะ ดีใจ เสียใจ โมโห เฉยๆ สงสัย งง ตกใจ หรือกลัวคะ เราจะรู้สึกอย่างไรอยู่ที่ว่าเรามีความทรงจำอย่างไร เมื่อตอนที่มีชีิวต เราอาจจะเคยรักคนนึงสุดหัวใจ แต่เมื่อเขาเปลี่ยนภพภูมิไปและมีสภาพที่น่าสยดสยอง เราจะยังยินดีที่จะรักเขาอยู่รึเปล่าคะ บางคนสงสาร และดีใจที่ได้เจอคนที่รัก เมื่อรู้ว่าเขาทรมานก็ทำบุญใส่บาตรให้ไม่เคยขาด บางคนก็กลัว ไม่ดีใจที่ได้เจอคนที่รัก นอกจากควมารักจะคลายสลายตัวแล้ว ยังเร่งทำบุญให้พ้นๆ หวังว่าจะไม่มาให้เจออีก ความรักยังพลิกกลับกลายเป็นความกลัวไปได้ แล้วความกลัวจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้เลยเหรอคะ
ถ้าคุณจริงจังกับการกลัวผี และต้องการจะเลิกกลัวผี
วิธีที่จะตัดขาดกับความกลัวมีทางเดียวคือการรู้ทันความกลัวค่ะ!
เริ่มจากฝึกสังเกตความรู้สึกตัวเองเช่น ตอนที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่คุณรู้สึกอย่างไรคะ กลัวรึเปล่าคะ ใจสั่นรึเปล่าคะ หรือว่ากำลังสนุกคะ รู้สึกตามที่เป็นจริงๆ นะคะ ถ้ากลัวก็คือกลัว ไม่ต้องหลอกตัวเอง ไม่ต้องปกปิด ไม่ต้องอวดเก่ง บางคนกลัวนิดๆ แต่อยากสร้างภาพว่าตัวเองเป็นคนเข้มแข็ง ก็จะบอกกับตัวเองว่า ฉันไม่กลัว! ถ้าติดนิสัยสร้างภาพแบบนี้ ก็จะทำให้การรู้จักตัวเอง และการตัดขาดจากความกลัวของตัวเองยากมากขึ้นค่ะ การฝึกทำความรู้จักตัวตนของตัวเองนี่เราแอบทำเงียบๆ คนเดียวนะคะ ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครให้คะแนน ไม่มีใครนินทา ไม่ต้องอาย ไม่ต้องรักษาภาพพจน์ใดๆ นะคะ ฝึกถามตัวเองเวลาทำกิจกรรมต่างๆ ว่าเรารู้สึกอย่างไร เวลาเรามีความสุขก็ถามนะคะ นับหมดเลยค่ะ ไม่ต้องรอเฉพาะเวลาที่ความกลัวปรากฏนะคะพอฝึกไปได้สักพัก จะเริ่มเห็นว่าความรู้สึกต่างๆ นี่มันเปลี่ยนได้ด้วยนะ กินขนมอร่อยๆ มีความสุขอยู่ดีๆ เจอศัตรูเดินมาอารมณ์เปลี่ยนทันทีเลย ความกลัวก็เหมือนกันค่ะ เราจะเห็นความกลัวเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างอื่น สมมติกำลังกลัวผีอยู่ดีๆ คนที่แอบชอบเดินเข้ามาทำให้เราอบอุ่นใจไอ้ที่กลัวๆ เมื่อกี้เปลี่ยนเป็นความสุขทันทีเลย หลังจากนั้นเราจะรู้สึกตัวเมื่อความกลัวเกิดขึ้นค่ะ เมื่อเรามีสติเห็นความกลัว ความกลัวจะดับลง ความกลัวจะหายไป อันนี้แหละค่ะ ที่ทำให้หายกลัว แต่ความกลัวนี้ก็จะวนเวียนกลับเข้ามาใหม่ได้อีกเรื่อยๆ จนกว่าความกลัวจะดับสิ้นนะคะ เพราะฉะนั้นถ้าความกลัววนเวียนเข้ามาตอนไหน ก็มีสติรู้สึกตัวว่ากำลังกลัว อยากจะหายกลัว ไม่ชอบความกลัว ฝึกแบบนี้ไปเรื่อยๆ แม้จะไม่หายขาด แต่ก็ขาดหายเป็นช่วงๆ รู้ว่าเราสามารถหายกลัวได้ ดีกว่ากลัวจนสติแตกไปตลอดชีวิตนะคะ ที่สำคัญคือ จิตขณะที่รู้ว่ากลัวผี แล้วความกลัวดับลง เป็นจิตที่มีความสว่าง เมื่อเกิดความสว่างความมืดก็เข้ามาไม่ได้ ต้องกระเด็นกระดอนออกไปไม่สามารถเข้าถึงเราได้หรอกค่ะ มาถึงตรงนี้เราจะสามารถพอช่วยเหลือตัวเองให้พ้นภัยได้บ้างแล้วหละค่ะ

อย่าประมาท
ในครั้งหนึ่งพวกเขาเหล่านั้นต่างมีชีวิตเลือดเนื้อเช่นเดียวกันกับพวกเราทุกคน หลังจากเขาได้สิ้นลมหายใจจากภพภูมิของเรา พวกเขาก็ได้เกิดในภพภูมิที่พวกเราส่วนใหญ่ไม่สามารถมองเห็นหรือสัมผัสได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า ภพภูมิที่พวกเขาท่องเที่ยงอยู่เป็นภพภูมิที่มีแต่ความทุกข์ทน ความทุกข์ที่มนุษย์ได้รับแม้ทุกข์ที่สุดก็ยังเทียบกับความทุกข์ของพวกเขาไม่ได้ ลองจินตนาการดูนะคะ ว่าคุณอยู่ในโลกที่ประชากรหนาแน่น แต่ทรัพยากรมีจำกัดชนิดที่ว่าต้องแย่งชิงกันอย่างดุเดือด เพื่อความอยู่รอด ข้าวปลาอาหารที่มีคนจากอีกโลกอุทิศมาให้ หากเขารักเรามากใส่บาตรเฉพาะเจาะจงให้เราทุกวันไม่ขาดเลย อย่างมากเราก็มีอาหารกินโดยที่ไม่ต้องแย่งชิงกับใครก็วันละหนึ่งมื้อเท่านั้น ในขณะที่อีกสองมื้อที่เหลือต้องอดอยาก หรือไปรุมแย่งชิงอาหารไหว้อันน้อยนิดกับคนอื่นๆ นอกจากนั้นคนที่รักเรา แม้ความรักของเขาจะไม่พร่องลงเลยก็สามารถใส่บาตรให้เราได้ ตราบเท่าที่เขายังมีร่างกาย มีลมหายใจที่พร้อมจะอำนวยในการทำกุศลเท่านั้น แต่ภพภูมิของผีนั้น กินเวลายาวนานกว่าภพภูมิมนุษย์มากมายนัก เราต้องทนทุกข์อดอยากอีกตั้งกี่ร้อยกี่พันปีจึงจะได้เลื่อนภพ
ในตอนนี้เรายังมีร่างกาย ใช้ประกอบได้ทั้งกุศลและอกศุลให้แก่ตนเองได้ตามที่ต้องการ ในวันที่ร่างกายยังคงแข็งแรงสวยงาม ชีวิตเป็นดั่งใจ มีความสุขสบาย ก็คงไม่แปลกที่เราจะลืมคิดไปว่า ความตายมาพร้อมกับเราตอนเกิด และหลังจากตายแล้วเราจะมั่นใจได้มากแค่ไหน ว่าเราจะไม่กลายเป็นผี กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่เราเคยหวาดกลัวเสียเอง ไม่ว่าคุณจะมีความคิดเห็นอย่างไรในเรื่องกฏแห่งกรรมและการเวียนว่ายตายเกิด ดิฉันอยากให้มองอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เทียบเคียงกับเรื่องของกฏแห่งกรรมและการเวียนว่ายตายเกิด หากเมื่อวานคุณเตรียมอาหารไว้สำหรับวันนี้ วันนี้คุณจะมีอาหารไว้รับประทาน และถ้าในวันนี้คุณไม่ได้เตรียมอาหารไว้ คุณก็จะไม่มีอาหารที่คุณเตรียมเองไว้รับประทานในวันพรุ่งนี้ จะแน่ใจได้อย่างไรว่าพรุ่งนี้จะมีอาหารที่คนอื่นทำให้รอเราอยู่แล้ว ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนดีที่สุดค่ะ ทางในการสร้างกุศลมีมากมาย จงเลือกส้รางกุศลที่ถูกทาง เพราะการหลงผิดไม่ศึกษาทางในการสร้างกุศลอย่างถูกต้อง จะค่อยๆ สะสมกรรมในทางที่ผิดให้แก่ผู้กระทำ และต้องใช้เวลาอีกนานเลยค่ะ กว่าจะกลับมามีใจตั้งตรงถูกต้องได้ อย่าเข้าใจผิดว่าทำบุญที่ไหนก็ดีเหมือนกัน ถ้าทำด้วยความมักง่าย เราก็เดินหลงทางได้ง่ายๆ เหมือนกันนะคะ
ผี 4.0
ทุกครั้งที่เขียนเรื่องผี ก็ต้องเจอผี ทุกครั้งที่วาดภาพประกอบก็ต้องเจอผี เลยพยายามวาดภาพน่ารักๆ หน่อย ขนาดเมื่อวานก่อนพิมพ์เรื่องผีเรื่องนึงเสร็จแล้วปิดคอมพิวเตอร์ ไปเปิดมือถือเช็คข้อความ ปรากฏว่ามือถือเปิดไปที่หน้าข่าวเองโดยอัตโนมัติ และทุกข่าวที่ปรากฏคือข่าวของคนที่เจอผี ขอย้ำว่าทุกๆ ข่าวค่ะ ไล่ขึ้นไล่ลง มีแต่เรื่องผี ดูแล้วก็ชั่งใจว่าจะเอายังไง จะเชื่อว่านี้มันอาจจะเป็นเพราะเราพิมพ์เรื่องผีก็ได้นะ เลยมีแต่ข่าวเรื่องผีขึ้นมา แต่มันจะไม่มีเรื่องอื่นๆบ้างเลยเรอะ! ฉันใช้คอมพิวเตอร์พิมพ์เรื่องผีนะ ไม่ได้ใช้มือถือ! ครั้นจะแคปภาพหน้าจอเก็บไว้เป็นหลักฐานก็ไม่รู้จะทำไปเพื่ออะไร ไม่ชอบเก็บรูปที่ถ่ายติดผี(ถ่ายติดหลายครั้งเลยค่ะ) หรือหลักฐานใดๆ ที่มีร่องรอยความมืดไม่เป็นมงคลไว้กับตัว เลยได้แต่มาเล่าแห้งๆ แบบนี้นะคะ ครั้งนี้นับว่าเป็นการเจอผีรูปแบบใหม่ ทันสมัยที่สุด เข้ากับยุค 4.0 จริงๆ บางเรื่องที่เจ้าของเรื่องไม่อยู่แล้ว ก็ยินดีกับเขาด้วย แต่ส่วนใหญ่จะยังอยู่กันทั้งนั้นเลย เพราะภพภูมิของผีมันยาวนานนัก บางครั้งเขาก็ชอบใจ ขอบคุณที่เขียน ทำให้คนที่ได้อ่านอุทิศส่วนกุศลให้กับเขา บางเรื่องที่โหดมากๆ แค่คิดว่าจะเล่ายังไงดี เจ้าของคดีก็มายืนท่าทางขึงขังแล้วหละค่ะ
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว มาเช็คความรู้สึกของตัวเองกันอีกซักรอบค่ะ
ตอนนี้รู้สึกยังไงคะ กลัวรึเปล่าคะ กลัวมากขึ้น หรือน้อยลงค่ะ ใจสั่นรึเปล่าคะ อยากให้หายกลัวเร็วๆ รึเปล่าคะ ฝึกรู้สึกตัวให้บ่อยๆ นะคะ จะได้หายกลัวผีกันซะที (บอกตัวเองด้วยค่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า)
*ภาพปก และภาพประกอบบทความโดยผู้เขียน
ความคิดเห็น






