วิเคราะห์ 4 สไตล์การเลี้ยงลูกในเรื่อง มาตาลดา

1.6k

SunnysisterStudio

25 ก.ค. 2023|4 min read

อ่านบทความอื่นจาก SunnysisterStudio

คัดลอกลิงค์

แจ้งตรวจสอบ

วิเคราะห์ 4 สไตล์การเลี้ยงลูกในเรื่อง มาตาลดา

มาตาลดาเป็นละครใหม่ของช่อง 3 ที่บอกเลยว่ากระแสมาแรงสุด ๆ เชื่อว่าใครก็ตามที่มีโอกาสดูมาตาลดาก็น่าจะฟินกันไปตาม ๆ กันเพราะบอกเลยว่าเป็นละครน้ำดีที่ดูได้เพลิน ๆ ตลอดเรื่อง ดูแล้วมันอบอุ่นละมุนใจอย่างบอกไม่ถูก แถมมาตาลดายังมีข้อคิดสอนใจเยอะมาก ๆ อีกด้วย วันนี้ Sunnysister Studio เองก็อยากจะมาวิเคราะห์สไตล์การเลี้ยงลูกของแต่ละบ้านให้ดูกันว่า พ่อแม่เขาทำยังไงลูกของพวกเขาถึงมีความเป็นตัวเองที่แตกต่างกันไป

1. "หมอปุริม" (เป็นหนึ่ง) รับบทโดย เจมส์ จิรายุ ตั้งศรีสุข

มาตาลดา ละครไทย

หมอปุริม (เป็นหนึ่ง) เป็นอาจารย์ศัลยแพทย์โรคหัวใจที่ทั้งเก่งและหล่อ ถือว่าเป็นหน้าเป็นตาและความพอใจของครอบครัว แต่เมื่อมองจากภายนอกแล้วเขาช่างเป็นคุณหมอที่เย็นชาเรื่องความรัก จนทำให้เพื่อนร่วมงานต่างก็เรียกเขาว่า "คุณหมอหัวใจที่ไร้หัวใจ" เขาเป็นคนกลัวความรักและค่อนข้างปิดใจกับอะไรหลาย ๆ อย่าง เพราะต้องทำตามคำสั่งของพ่อที่ขีดเขียนและตีกรอบให้เขาเดินตามมาตลอดตั้งแต่เล็กจนโต หลายครั้งหมอปุริมก็รู้สึกเหมือนว่าชีวิตตัวเองไม่ใช่ของตัวเองแม้แต่น้อย

การเติบโตในวัยเด็ก

เป็นหนึ่งเป็นลูกชายที่ผู้เป็นพ่อพยายามบังคับให้ทำทุกอย่างตามความต้องการของเขา โดยไม่ได้สนใจว่าลูกจะมีความสุขหรือได้ใช้ชีวิตวัยเด็กหรือเปล่า เขาแค่อยากให้ลูกตั้งใจเรียน สอบให้ได้ที่ 1 และเป็นผู้ชนะในทุกการแข่งขัน ถ้ามีเวลาว่างก็จะจับเป็นหนึ่งให้เรียนนั่นนี่ตลอด เพราะเขาต้องการให้ลูกสมบูรณ์ที่สุด (ในสายตาคนภายนอกที่มองเข้ามา) อยากให้เป็นหนึ่งกลายเป็นคนพิเศษตามค่านิยมของสังคมและดีเด่นเกินใคร

การเลี้ยงดูของครอบครัวเป็นหนึ่งเรียกว่า "การเลี้ยงลูกแบบเข้มงวด" (Authoritarian Parenting Style) ซึ่งเป็นการเลี้ยงดูที่พ่อแม่อยากให้ลูกเป็นอย่างที่ตัวเองต้องการ มักมีการดุด่าว่ากล่าว ไปจนถึงการทำร้ายร่างกายเพื่ออยากให้ลูกเป็นไปอย่างที่ต้องการโดยมองข้ามความรู้สึกของลูกไปอย่างสิ้นเชิง

การเปลี่ยนแปลง

หมอปุริมที่เคยมองว่า "หัวใจ" ของคนเราไม่ได้เกี่ยวกับความรักเพราะมันไม่ต่างอะไรกับปั๊มน้ำที่คอยฉูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เขาใช้ชีวิตอย่างเย็นชามาหลายปีมาก มีหลายเรื่องที่อยากทำแต่ก็ไม่ได้ทำเพราะกรอบที่พ่อตีเอาไว้ จนวันที่มาตาลดา ผู้หญิงผมฟูแสนสดใสได้ย่างก้าวเข้ามาในชีวิต เธอเปรียบเสมือนสีสันที่คอยให้กำลังใจและเป็นความสุขให้กับเขา และที่สำคัญมาตาลดายังช่วยจุดประกายเขาด้วยคำพูดที่ว่า "ชีวิตเป็นของเรานะเป็นหนึ่ง เราเลือกได้ว่าอยากทำอะไร" อย่างตอนที่เป็นหนึ่งอยากจะเลี้ยงเจ้าหมาแต่ก็ยังสองจิตสองใจ จนมาตาย้ำว่าเลี้ยงได้สิถ้าอยากจะเลี้ยง ตั้งแต่วันนั้นเขาก็เริ่มมีหัวใจที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาเรื่อยมา

2. "มาตาลดา" (มาตา) รับบทโดย เต้ย จรินทร์พร จุนเกียรติ

ch3 matalada

มาตาลดาเป็นนักวาดภาพประกอบที่แสนสดใส เธอเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีอยู่ตลอด พร้อมเลือกที่จะมองข้ามความทุกข์เล็ก ๆ น้อย ๆ ในแต่ละวันของตัวเอง แล้วโอบกอดตัวเองด้วยความรักอยู่เสมอ อีกทั้งยังมีความใจดีให้แก่ทั้งตัวเองและคนรอบข้าง ไปไหนก็เหมือนมีสายรุ้งอยู่รอบตัว แต่เห็นใจดีแบบนี้ เวลามีเรื่องจริง ๆ ก็แข็งแกร่งไม่ยอมใครง่าย ๆ เหมือนกันน้า

การเติบโตในวัยเด็ก

มาตาลดาเติบโตมากับพ่อเกรซ พ่อเลี้ยงเดี่ยวที่เป็น LGBTQ+ กับเพื่อน ๆ ของพ่อที่ทำงานด้วยกันในบาร์ที่พัทยา เรียกได้ว่าตั้งแต่เล็กจนโต มาตาก็รายล้อมด้วยพลังบวกแห่งความครึกครื้นของเหล่าตัวแม่มาแต่ไหนแต่ไร แต่แน่นอนว่ามาตาเองก็ต้องรับมือกับพวกที่ชอบเหยียดเพศและตัดสินใจคนอื่นที่แตกต่างว่าผิดปกติอยู่เช่นกัน อย่างตอนที่เป็นเด็ก เพื่อนคนหนึ่งก็เคยล้อว่าพ่อมาตาเป็นตุ๊ดจนได้มีเรื่องกัน

แต่พอมาเล่าเรื่องนี้ให้พ่อเกรซฟัง พ่อเกรซกลับไม่ได้โกรธหรือตีโพยตีพายใด ๆ เขาใช้เหตุผลชวนให้มาตาคิดตามแต่สิ่งดี ๆ และหัดเข้าใจคนอื่นเรียกได้ว่าเป็นการเลี้ยงลูกแบบ "เอาใจใส่" (Authoritative Parenting Style) ซึ่งจะใส่ใจให้ลูกสามารถช่วยเหลือตัวเองในการอยู่บนโลกนี้ได้ มีความสุขด้วยตัวเองได้ ไม่ได้คาดหวังสิ่งใด ๆ จากลูกมากเกินไป จนเราได้เห็นว่ามาตาเป็นผู้หญิงที่เติบโตมาอย่างดีแค่ไหน

การเปลี่ยนแปลง

มาตาลดาคือคนที่ใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างสงบสุข จนได้เจอกับเป็นหนึ่ง ชีวิตของมาตาก็เปลี่ยนไป เธอได้ใช้พลังแห่งความใจดีที่มีในการเยียวยาเขาอย่างเต็มที่ ส่วนคุณหมอเองก็เติมเต็มในการดูแลให้มาตาฟรีแลนซ์ที่ไม่ค่อยดูแลตัวเองให้มีสุขภาพกายที่ดีขึ้น แต่ด้วยความที่เป็นหนึ่งมีคนที่พ่อแม่อยากให้แต่งงานด้วยอยู่แล้ว ก็ทำให้มีหลายครั้งที่มาตารู้สึกสับสนจนไม่สบายใจเช่นกัน แต่การรับฟังปัญหาของพ่อเกรซและน้าวีนัสก็ทำให้เธอก้าวผ่านปัญหาเหล่านั้นไปจนได้

3. "ไตรฉัตร" (ไตร) รับบทโดย ริว วชิรวิชญ์ อรัญธนวงศ์

matalada ch3plus

ไตรฉัตรเป็นหนุ่มคาสโนว่าทรงเสน่ห์ เขาทำงานเกี่ยวกับการต่อเติมบ้านซึ่งเป็นธุรกิจที่ได้เงินไม่น้อย แต่ผู้เป็นแม่กลับไม่เคยพอใจในตัวของลูกชายคนนี้สักนิด นั่นทำให้เขาเกิดปมขึ้นในใจที่ต้องการเอาชนะปุริมผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องให้ได้ ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง

การเติบโตในวัยเด็ก

แม่ของไตรฉัตรเป็นน้องสาวของแม่ของปุริม เธอรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตามาตลอดว่าทำไมถึงไม่ได้ดีอย่างพี่สาว จนต้องมาพาลกับคนในครอบครัวอยู่เสมอ ทั้งลูกและสามีต่างก็ไม่สบายใจกับพฤติกรรมของเธอ ตั้งแต่เล็กจนโตไตรฉัตรไม่เคยดีพอสำหรับผู้เป็นแม่ เขาไม่ได้เป็นหมอ ไม่ได้มีฐานะร่ำรวย ไม่ได้มีหน้ามีตาเทียบเท่ากับปุริมผู้เป็นญาติ ทำให้แม่ของเขาได้แต่ปักใจให้ไตรฉัตรคิดจะเอาชนะปุริมให้ได้ ซึ่งมันก็มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ไตรฉัตรเอาชนะอีกฝ่ายได้ตลอด นั่นคือเรื่องของความรัก

การเปลี่ยนแปลง

ไตรฉัตรตามจีบผู้หญิงทุกคนที่ปุริมชอบและแย่งพวกเธอไป เช่นเดียวกับ อรุณรัศมี (แพง) ผู้หญิงแสนเพียบพร้อมที่ผู้ใหญ่อยากให้แต่งงานกับปุริม เขาก็พยายามดึงเธอเข้าไปในเกมการแข่งขันของตัวเอง จนก่อให้เกิดความรู้สึกต่าง ๆ ระหว่างพวกเขาทั้งคู่ แต่สุดท้ายเขาจะเปลี่ยนตัวเองได้หรือไม่ ต้องติดตามชมมาตาลดาช่อง 33

4. "อรุณรัศมี" (แพง) รับบทโดย อแมนด้า ชาลิสา ออบดัม

matalada ch3

อรุณรัศมีหรือแพงเป็นผู้หญิงสวย เก่ง และมีเกียรติจนเรียกได้ว่าเพียบพร้อมไปทุกกระเบียดนิ้วเลยก็ว่าได้ เธอเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งตามคำแนะนำของผู้เป็นพ่อ ชีวิตเธอดูเผิน ๆ เหมือนจะสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่างแต่ความจริงแล้วแพงเองก็มีเรื่องปวดใจเกี่ยวกับครอบครัวเช่นกัน

การเติบโตในวัยเด็ก

แพงเติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูแบบเข้มงวด ผู้เป็นพ่อต้องการให้แพงเติบโตเป็นผู้หญิงที่พิเศษแตกต่างจากผู้หญิงทั่ว ๆ ไป เธอต้องทั้งสวย เก่ง มีเกียรติ จนใครต่อใครก็ชื่นชมไปทั่วกัน ซึ่งไม่เคยถามความรู้สึกของเธอแม้แต่น้อยว่าอยากทำอะไรหรืออยากเป็นอะไรกันแน่ รวมทั้งปมเรื่องที่พ่อของเธอมีบ้านเล็ก ๆ ซึ่งพวกผู้หญิงของพ่อก็มักจะมาพยายามยุ่งเกี่ยวกับเธอและแม่จนไม่สบายใจ หลายครั้งที่แพงต้องเห็นแม่เสียน้ำตาเพราะคนพวกนี้เธอก็ยิ่งแค้นใจและอยากหลุดพ้นการบ่งการชีวิตของผู้เป็นพ่อให้ได้เสียที

การเปลี่ยนแปลง

แพงตั้งใจว่าเธอจะแต่งงานกับหมอปุริมตามที่ผู้ใหญ่เห็นสมควร เพราะเธอคิดว่านี่คงเป็นหนทางเดียวที่เธอจะหลุดพ้นการบ่งการชีวิต ให้มันเป็นครั้งสุดท้ายที่คนอื่นจะบอกว่าเธอควรทำอะไรหรือไม่ทำอะไรสักที โดยที่ไม่ได้แคร์ว่าเธอและหมอปุริมจะรักกันจริงหรือเปล่า แต่การได้เจอกับไตรฉัตร รวมถึงลูกไม้ต่าง ๆ ของเขาก็ทำให้เธอหัวใจไม่อยู่กับตัวเองและไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี