อื่นๆ

ศพลอยน้ำ

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ศพลอยน้ำ

ผมชอบไปบ้านเพื่อนคนหนึ่ง ชื่อบอล ที่อยู่แถวเขตบางบอนครับ แถวนั้น ยังเต็มไปด้วยธรรมชาติ มีสวนดอกไม้ สวนมะม่วง มีลำคลอง มีเรือหางยาว ให้เห็น โดยไม่ต้องไปไกลถึงต่างจังหวัด

พอถึงช่วงวันหยุดงาน ถ้าไม่มีธุระต้องไปไหนกัน ก็จะไปรวมตัวที่บ้านเพื่อนคนนี้ หากิจกรรมอะไรทำกันตามประสาผู้ชาย เช่นยิงนก ตกปลา หรือไม่ก็ตั้งวงดื่มเหล้าสรวลเสเฮฮากัน

อีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนุกสำหรับผม ก็คือ บ้านเพื่อนผมอยู่ริมคลอง รถไม่สามารถวิ่งเข้ามาถึงบ้านมันได้ เวลาจะเข้าบ้าน ก็ต้องมีเรือหางยาวมารับ ผมมาบ่อย ๆ ก็เลยชอบหัดขับเรือหางยาว จนขับเป็น สามารถขับไปไหนมาไหนได้เอง โดยไม่ต้องง้อใคร

วันหนึ่ง ผมกับเพื่อนอีก 2-3 คน ก็นัดกันมาเที่ยวบ้านไอ้บอลกันตามเคย วันนี้กะว่าจะมานั่งตกปลา แล้วเอามาเผาแกล้มเหล้ากันแบบชิล ๆ ตกขึ้นมาปุ๊บ! ก็เผากินปั๊บ! จะมีโอกาสได้กินปลาสดจากสวนแบบนี้ได้ที่ไหนอีก ไม่ต้องเสียเงินเสียทองไปเที่ยวที่แพง ๆ ที่ไหนเลยด้วย

Advertisement

Advertisement

เราตั้งวงกันตั้งแต่เย็น ได้ปลาตัวย่อม ๆ มาเผากินกันสองตัว พอหายอยาก ใครรักการหาปลา ก็หาไปเรื่อย ๆ ใครรักเสียงเพลงก็เล่นกีตาร์รองเพลง ใครรักจะดื่ม ก็ดื่มอย่างเดียว

“เฮ้ย! โด่ง เอ็งขับเรือเป็นแล้วนี่หว่า ไปซื้อเหล้าให้หน่อยสิ เหล้าจะหมดแล้ว” เพื่อนผมมันได้ที ใช้ผมขับเรือไปซื้อเหล้าซะเลย

“ก็ให้ไอ้บอลขับไปสิ มืดค่ำแล้ว ข้าไม่ใช่คนแถวนี้ซักหน่อย” ผมบ่ายเบี่ยง

“ไอ้บอลมันตั้งอกตั้งใจหากับแกล้มให้กินอยู่ไม่เห็นรึไง เอ็งนั่นแหละ ไปซื้อเหล้ามา  ร้านเจ๊หมวยแค่นี้เอง ขับเรือปื๊ดเดียวก็ถึง”

“งั้นก็นั่งไปเป็นเพื่อนกันหน่อยสิวะ”

“อะไรวะ นี่อย่าบอกนะ ว่ากลัวผี ....ฮ่า ๆ ”

“ผีเผอที่ไหนมีวะ มันมืด แค่จะหาคนไปส่องไฟให้ก็เท่านั้น”

เมื่อได้ยินเราคุยกัน จู่ ๆ ไอ้บอลก็ละมือจากการตกปลา แล้วเดินกลับเข้ามาในวง ผมหลงดีใจว่ามันคงจะขับเรือไปซื้อเองแน่ ๆ แต่ที่ไหนได้

Advertisement

Advertisement

“เดี๋ยวนี้เค้ามีไฟคาดหัวแล้วเว้ยโด่ง ไม่ต้องใช้คนส่อง เอาคาดหัวไว้ ก็มองเห็นทางสว่างโล่ง” ไอ้บอลพูดพลางยื่นไฟฉายคาดหัวให้ ท่ามกลางเสียงฮาครืนของเพื่อนในวง

“เออ ๆ ข้าไปเองก็ได้  ใครจะเอาอะไรบ้างบอกมาเลยทีเดียว ไม่ไปหลายรอบนะเว้ย”

ผมรู้ดีว่างานนี้โดนพวกมันแกล้งแน่ เพราะไม่มีใครยอมไปเป็นเพื่อนผมเลยสักคน แต่ผมทำใจดีสู้เสือ ยอมขับเรือไปคนเดียว ดีกว่าเสียศักดิ์ศรีให้เพื่อนล้อว่าปอดแหก ทั้งที่ความจริงแล้ว ผมก็หวั่น ๆ อยู่เหมือนกัน ก็คลองบ้านไอ้บอลนี่มันบรรยากาศพิลึกชอบกล อย่างกับคลองในเรื่องแม่นาคพระโขนงก็ไม่ปาน

ผมลงเรือ แล้วก็สตาร์ท 2-3 ครั้ง เครื่องถึงจะติด จากนั้นก็ออกตัว มุ่งหน้าไปยังร้านค้าที่ว่า จนไปถึงทางโค้งที่เหมือนเป็นคุ้งน้ำ ที่เคยมีบ้านคนมาก่อน แต่บัดนี้รกร้าง และเต็มไปด้วยกอไผ่ล้อมรอบ

Advertisement

Advertisement

แวบหนึ่ง ผมเหลือบไปเห็นเหมือนศาลไม้เก่า ๆ ตั้งอยู่ตรงคุ้งน้ำนั้น จำไม่ได้ว่ามันเคยมีอยู่เมื่อไหร่ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร พยายามมองแต่ทางตรงข้างหน้า แล้วก็ขับต่อไป จนเห็นไฟที่ร้านค้า จึงได้อุ่นใจขึ้นมาบ้าง

“อ้าว! พ่อหนุ่ม ขับมาซื้อเองเลยเหรอ ทำไมไอ้บอลมันไม่ขับมาให้” เจ๊หมวยคงจำได้ว่าผมเป็นเพื่อนไอ้บอล จึงเอ่ยทัก

“ไม่เป็นไรครับ ผมแค่อยากขับมาเอง”

“มาคนเดียว ดึก ๆ ไม่กลัวรึไง นี่เจ๊ก็กำลังจะปิดร้านอยู่แล้ว ดีนะมาพอดี”

“กลัวอะไรเหรอครับเจ๊”

“เปล่า ๆ ไม่มีอะไร จะเอาอะไรบ้างล่ะ เดี๋ยวไปหยิบให้” เจ๊หมวยตอบเฉไฉ

ผมสั่งของที่ต้องการ และจ่ายเงินเป็นที่เรียบร้อย หลังจากนั้นก็เตรียมตัวขับเรือกลับ พลางนึกถึงสิ่งที่เจ๊หมวยพูดแล้ว ก็รูสึกหวาดขึ้นมานิด ๆ เหมือนกัน

เรือของผมแล่นมาแถวบริเวณกอไผ่นั่นอีกครั้ง แต่คราวนี้ ผมรู้สึกว่ามันมืด ๆ หรือว่าไฟดับ ไม่สิ! มันมืดราวกับมีใครเอามือมาปิดตาไว้อย่างนั้นแหละ

“เฮ้ย! ใครปิดตากูวะ”  ผมรู้สึกตกใจจนคิดอะไรไม่ออก ก็เลยตะโกนออกไปอย่างนั้น

ได้ผล! เพราะผมเริ่มมองเห็นทางแล้ว

แต่พอตาเริ่มมองเห็น ก็มีบางสิ่งบางอย่างปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ที่ผมกำลังจะขับเรือผ่าน ผมต้องชะลอความเร็วลง เพราะไม่รู้ว่าวัตถุชิ้นนั้นคืออะไร เห็นเพียงแต่สีขาว ๆ ลอยอยู่ข้างหน้า

และเมื่อขับเข้าไปใกล้ ๆ สิ่ง ๆ นั้น ก็ปรากฏชัดขึ้น ชัดขึ้น!

“เฮ้ย!” ผมร้องได้คำเดียวเท่านั้นแหละครับ จิตก็เตลิดไปแล้ว เพราะภาพที่เห็นมันคือ

ศพที่ถูกมัดตราสังข์ห่อด้วยผ้าขาวไว้เรียบร้อยแล้ว นอนพนมมือลอยปริ่มน้ำอยู่

มันชัดมาก...มากอย่างที่ผมไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ผมตัดสินใจบิดคันเร่งเรืออย่างเร็วเพื่อให้พ้นภาพนั้นไป โดยไม่ได้สนใจทิศทาง พรวดเดียวก็ถึงบ้านเพื่อน

“เฮ้ย ๆ ไอ้โด่ง เบา ๆ เดี๋ยวชน”

โครม!

ไม่ทันขาดคำเพื่อน ๆ ผมก็เบรกเรือเข้ากับฝั่งโครมเบ้อเร่อ แล้วก็รีบวิ่งขึ้นจากเรือไปนั่งสงบสติอารมณ์

เพื่อน ๆ พยายามไถ่ถามผม กว่าจะได้ความว่าผมไปเจออะไรมา แต่ผมยังไม่ทันบอกว่าตรงไหน ไอ้บอลมันก็ออกปากขึ้นมาว่า

“ตรงกอไผ่นั่นใช่มั้ย”

เท่านั้นก็ทำให้ผมยิ่งมั่นใจว่าเจอของจริงเข้าไปแล้ว  สรุปว่าวันนั้นวงแตก พวกเราเลิกกินเหล้า เข้าบ้านนอนกันเลย เพราะรู้สึกไม่ดีไปตาม ๆ กัน

พอตอนเช้า ไอ้บอลถึงมาเล่าให้ฟังว่า ตรงก่อไผ่นั่น เฮี้ยนมาก ๆ มันก็ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุหรอกว่า เพราะอะไร แต่เขาเล่ากันต่อ ๆ มาว่า บริเวณนั้น เคยเป็นที่อยู่ของเศรษฐีสองตายาย ซึ่งเป็นคนที่ขี้งก ขี้หวง ไม่ค่อยมีน้ำใจ ขนาดกอไผ่ที่แกปลูกไว้ยื่นออกมาเกะกะขวางทางวิ่งเรือในคลอง มีคนหวังดีมาตัดแต่งให้ แกยังคว้าลูกซองออกมายิงไล่เขา

ขนาดแกตายไปนานนมแล้ว แถวนั้นยังเป็นที่เฮี้ยน ๆ ที่คนมักจะเจออะไรแปลก ๆ อยู่บ่อย ๆ แต่ขอผมนี่ถือว่าหนักหน่อย เพราะเจอจัง ๆ ทีแรก ก็คิดว่ามีคนตกน้ำตายตรงนั้นซะอีก แต่ทุกคนก็ยืนยันว่าไม่มี จะมีก็แต่เจ้าที่เฮี้ยน ที่ไม่ค่อยจะเป็นมิตรกับใครเท่าไหร่นั่นแหละ

หลังจากเจอผีหลอกคราวนี้ ผมไม่ได้ไปบ้านไอ้บอลอีกนานเลยครับ ยังทำใจไม่ค่อยได้ เห็นเงียบ ๆ เหมือนไม่กลัว  แต่กลับไปไข้ขึ้นเลยนะจะบอกให้...


ภาพปกโดย Pete Linforth จาก Pixabay

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์