ศีลเสมอกัน

(ภาพปกโดย qimono จาก Pixabay)

ชีวิตคู่ไม่ใช่แค่การที่คนสองคนมาอยู่ด้วยกันเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการที่ครอบครัวสองครอบครัวต้องมาดองมาเกี่ยวข้องกันด้วย คนรอบข้างเราแต่งงานแล้วหลายคน บางคู่ยังประคับประคองชีวิตแต่งงานไว้ได้ดี บางคู่มีระหองระแหงสามวันดีสี่วันไข้ ในขณะที่บางคู่ก็เลิกกันแบบจบไม่สวย

(ภาพโดย toanmda จาก Pixabay) ชีวิตคู่มีจุดเริ่มต้นและจุดจบที่หลากหลาย

ตามธรรมเนียมแล้วก่อนแต่งงานต้องมีการดูฤกษ์ดูยาม แต่บางคู่พิเศษกว่านั้นคือ ให้หมอดูดูดวงของทั้งฝ่ายหญิงฝ่ายชายว่าเมื่อแต่งแล้วดีไหม เราพอเห็นกรณีหลังมาบ้าง เพื่อนคนหนึ่งเอาดวงของหนุ่มที่มาจีบให้หมอดูดู โดยเทียบกับดวงของตัวเอง เราเองไปเป็นเพื่อนเพื่อน พอตรวจดวงเสร็จ หมอดูส่ายหน้าบอกผ่านก่อนดีกว่า “ให้เลือกคนที่ศีลเสมอกัน” ประโยคนี้เราจำได้แม่นจนถึงทุกวันนี้ หมอดูบอกเพื่อนเราว่า คนที่ศีลธรรมไม่ดีถ้ามาอยู่กับคนที่มีศีลมีธรรมอย่างไรก็ไปกันไม่รอด ตอนนั้นฟังก็เข้าใจ แต่ก็ไม่ได้เก็บมาคิดอะไรมาก เพราะเรื่องแต่งงานยังไกลตัว แต่เพื่อนเราเลิกคิดเรื่องผู้ชายคนนั้นทันที

(ภาพโดย Takmeomeo จาก Pixabay) หากศีลไม่เสมอกัน ก็ยากที่จะประคองชีวิตคู่

ทีนี้ขอพูดถึงญาติเราเองบ้าง คู่นี้ในทางโหราศาสตร์จีนปีเกิดชงกันเต็ม ๆ เพราะอายุห่างกันหกปี ใครรู้เรื่องนี้ต่างพากันทัก แต่รู้ไหมว่าทั้งคู่อยู่กินกันมาหลาย 10 ปี มีลูกสามคน ตอนนี้ก็ยังมีความสุขดี เท่าที่เห็นคนสองคนมีวิธีคิด มุมมอง และทัศนคติคล้ายกัน นอกจากนี้พื้นฐานครอบครัวยังคล้ายกันด้วย กล่าวคือมีความเชื่อไม่ค่อยต่างกันนัก มองอะไรถูกผิดคล้ายกัน สรุปดวงชงทำอะไรคู่นี้ไม่ได้ ส่วนสิ่งที่ทำให้ครองคู่กันได้อย่างราบรื่นก็คือ “ศีลเสมอกัน”

เมื่อได้เห็นกรณีศึกษาที่เกิดขึ้นหลายกรณี คำพูดของหมอดูจึงกลับมาอีกครั้ง เราได้ข้อคิดว่า ดวงไม่อาจเทียบได้กับศีล หากคนเรามีศีลและคู่ครองก็มีศีล ชีวิตคู่ก็จะมั่นคงยืนยาวโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งดวงเลย เพราะฉะนั้นหากต้องเลือกใครสักคนเข้ามาในชีวิต สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนคือ คน ๆ นั้นมีศีลเสมอกันหรือไม่ ถ้าวิธีคิดคล้ายกัน อย่างน้อยก็ไม้ต้องปรับเปลี่ยนอะไรเยอะจนรู้สึกอึดอัด (ภาพโดย Olessya จาก Pixabay) หากศีลเสมอกัน ชีวิตคู่ก็มีแนวโน้มที่ดี