อื่นๆ
สรุปข้อคิดที่ได้จากหนังสือ “Designing Your Life” เพราะชีวิตลิขิตเองได้

เมื่อปีที่แล้ว เรามีโอกาสได้อ่านหนังสือที่เป็น 1 ในหนังสือที่ดีที่สุดในชีวิตของเรา คือ “Designing You Life” โดยผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ คือ Bill Burnett และ Dave Evans ซึ่งเป็นคอร์สยอดนิยมสำหรับนักศึกษาใน Stanford กันเลยทีเดียว แต่ตอนนั้นเราเองยังไม่ได้สนใจที่จะซื้อมาอ่าน เพราะเราคิดว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะไกลตัว เพราะเรียนจบมาตั้งนานแล้ว ไม่น่าจะต้องมาดีไซน์ชีวิตตัวเอง จนเมื่อติดตามสื่อออนไลน์หลาย ๆ ช่อง เรากลับพบว่า หนังสือเล่มนี้ถูกพูดถึงอย่างมาก ทั้งในแง่ขอการทบทวนชีวิตของตัวเอง Part การทำงานที่เราชอบ และไม่ชอบ แล้วไปถึงการออกแบบชีวิตของเราเองได้อีกด้วย เลยทำให้เราต้องตัดสินใจหามาอ่านแล้วว่า ทำไมหนังสือเล่มนี้ถึงได้รับการพูดถึงมากขนาดนี้
เครดิตภาพ กุลธิดา แสงงาม ผู้เขียน
Advertisement
Advertisement
ภายในพาร์ทแรกมีการพูดถึง แนวความคิดที่คนส่วนใหญ่มักจะคิดเสมอว่า การกำหนดชีวิตตัวเอง ทั้งในเรื่องอนาคตหรืองานในฝันนั้น มันเป็นไปได้ยาก สิ่งที่ทำได้คือการทำตามทางที่มันควรจะเป็น โดยที่ไม่ได้มีการตั้งคำถามในชีวิตเลยแม้แต่น้อย ว่ามันคือชีวิตที่เราต้องการไหม หนังสือไม่ได้บอกให้คุณลาออกจากงานที่ทำอยู่ แล้วหางานใหม่ แต่มันคือการสรุปทบทวนชีวิตตัวเองว่าตอนนี้ชีวิตเราเป็นอย่างไหร่บ้าง โดยในแต่ละบทจะมีแบบทดสอบให้คุณต้องทำการบ้านทบทวนตัวเองอยู่เสมอ โดยแบ่งเป็น 4 หัวข้อที่ต้องประเมินตัวเองจาก 1-10
หัวข้อที่ 1 งาน ประเมินตัวเองว่าชีวิตการทำงานตอนนี้เป็นอย่างไหร่บ้าง ให้คะแนนตัวเองเท่าไหร่ และทำไมถึงให้คะแนนเท่านี้
หัวข้อที่ 2 ความรักความสัมพันธ์
หัวข้อที่ 3 งานอดิเรกหรือกิจกรรมสร้างสุข คืองานที่คุณทำเพราะอยากทำจริง ๆ เพื่อความสุขทางใจโดยเฉพาะ
Advertisement
Advertisement
หัวข้อที่ 4 สุขภาพ เป็นเรื่องที่หลาย ๆ คนมองข้ามไปเลยนะ เพราะส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปทางการงานกับความรักมากกว่า ซึ่งมันทำให้เราได้ทบทวนตัวเองในด้านสุขภาพด้วยเช่นกัน
เครดิตภาพ กุลธิดา แสงงาม ผู้เขียน
พาร์ทถัดไปจะเป็นในเรื่องของการระดมสมองแล้วมองหางานที่ทำแล้วมีความสุข โดยจะให้เราบันทึกกิจกรรมแห่งความสุขเป็นเวลา 3 สัปดาห์ว่าอะไรที่เราทำแล้วรู้สึกมีความสุข มีพลังที่ได้ทำ และมีสมาธิในการทำสิ่งนั้นได้เป็นเวลานาน ๆ จากนั้นหนังสือก็จะพาเราเข้าไปสู่ความบันเทงเต็มรูปแบบที่เราชอบมาก ๆ นั้นก็คือ การสร้างแผนไอเดียอาชีพในฝัน โดยที่เราไม่ต้องคำนึงความสมเหตุสมผลหรือเป็นไปได้ในตอนแรก เพราะสิ่งที่หนังสือต้องการให้เราทำคือ สร้างไอเดียและมองเห็นทางเลือกที่หลากหลายมากขึ้น เช่น เราชอบ งานดีไซน์เสื้อผ้า เราเลือกคำนี้เป็นคำหลัก แล้วคิดคำที่เวลานึกถึงคำนี้ออกมาจะเป็นอะไรได้บ้าง ปรากฏว่า พอทำเสร็จ เราได้อาชีพที่น่าสนุกมากคือ ทำเวิร์คช็อปพาคนไปหา Inspiration การทำเสื้อผ้าที่วัด ซึ่งมันเหมือนการที่เราได้กลับไปมองชีวิตเราใหม่อีกครั้งจริง ๆ ว่าตอนนี้เราทำอะไรอยู่ มีความสุขดีไหม
Advertisement
Advertisement
พาร์ทสุดท้ายเป็นพาร์ทที่เราเลิฟมาก และเป็นพาร์ทที่เราว่ายากทีสุดด้วย เพราะเราจะต้องทำแผนโอดิซีย์ ซึ่งแผนโอดิซีย์นี้เราจะต้องออกแบบชีวิตเราออกมาทั้งหมด 3 แบบ โดยมีหัวข้อย่อยอีกประมาณนี้
แผนที่ 1 สิ่งที่เราทำอยู่ เป็นแผนตั้งมั่นในชีวิตที่เรามีอยู่แล้วในใจ เช่น ตอนนี้เราทำขายของออนไลน์ แผนที่เราอยากทำหรือขยายต่อไปจากนี้คืออะไร พยายามเขียนออกมาให้ละเอียดที่สุด หรือแม้กระทั่งไอเดียบางอย่างที่คุณอยากจะทำมันออกมาจริง ๆ แล้วก็ได้
แผนที่ 2 คือแผนที่ ถ้าแผนที่ 1 มันหายไปหรือไม่เป็นไปตามที่เราตั้งไว้ คุณจะทำอะไรต่อไป ความยากอยู่ที่ เราจะต้องไม่ทำให้แผนที่ 2 เป็นแผนสำรองของแผนที่ 1 และจะต้องไม่ต่อยอดมาจากแผนที่ 1 หรือพูดง่าย ๆ ว่าห้ามเหมือนกับที่ 1 โดยสิ้นเชิง อย่างของเราถ้าไม่ขายของออนไลน์ เราอยากไปเป็นครูสอนออกกำลังกาย มันคือการฝึกให้เราสร้างทางเลือกที่หลากหลายมากกว่าการไปยึดติดอยู่กับแผนการเดียวจนชีวิตรู้สึกว่าไม่มีทางเลือกอะไรเลย
แผนที่ 3 ถ้าเราอยู่ในจุดที่ไม่ต้องคิดเรื่องเงินทอง ภาพลักษณ์ อะไรต่าง ๆ แล้ว เราจะอยากทำอะไร ข้อนี้สนุกมาก เราตอบแบบไม่คิด คือ แก้ผ้าวิ่งลงทะเลตอนหน้าหนาวในต่างประเทศ ฮ่า ๆ
สำหรับเพื่อน ๆ ที่ลังเลว่าเราควรจะซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่านไหม เราบอกเลยว่าใครที่ชอบคิดว่า “ชีวิตนี้เราไม่มีทางเลือกอะไรเลย” เราแนะนำให้ไปร้านหนังสือแล้วซื้อเล่มนี้มา จากนั้นชีวิตการมองโลกของคุณจะเปลี่ยนไปตลอดกาล สวัสดีค่ะ
ความคิดเห็น






