สายจูงสุนัข สำคัญไฉน

สวัสดีผู้อ่านที่น่ารักทุกท่านค่ะ

ในช่วงยุคของการระบาดโควิด 19 นี้ หลายๆครอบครัวก็พยายามหากิจกรรมใหม่ๆทำ เนื่องจากต้องใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านมากขึ้น ซึ่งการเลี้ยงสุนัขหรือเพิ่มเจ้าสี่ขามาเป็นสมาชิกใหม่ในบ้านนั้นก็เป็นกิจกรรมที่นิยมมากขึ้นในช่วงยุคโควิดนี้ เมื่อเริ่มเลี้ยงสุนัขอุปกรณ์ที่จะขาดเลยไม่ได้ก็คือ สายจูงนั้นเองค่ะ ดังนั้นในบทความนี้จะพูดถึงชนิดและประเภทของสายจูงต่าง ๆ รวมทั้งข้อดีข้อเสีย ให้เจ้าของสามารถเลือกพิจารณาใช้ได้อย่างเหมาะสม "จะเป็นอย่างไรหากเราสามารถเลือกใช้สายจูงที่เหมาะสม ที่ทำให้เจ้าสุนัขตัวน้อยและเจ้าของสามารถทำกิจกรรมได้อย่างมีความสุขและช่วยเสริมสร้างสัมพันธภาพระหว่างสุนัขและเจ้าของได้ดีอีกยิ่งขึ้นด้วย"

แต่ก่อนที่เราจะไปรูจักกับสายจูงชนิดต่างๆ เราควรมาทำความเข้าใจกับความยาวของสายจูงที่เหมาะสมก่อนนะคะ ความยาวของสายจูงที่เหมาะสมนั้นคือ ความยาวรูปตัว J หรือกล่าวอีกนัยว่า สายจูงจากมือคนจูงถึงบริเวณคอสุนัขควรเป็นรูปตัว J เพื่อแสดงถึงความไม่หย่อนเกินไปหรือตึงเกินไป ทำให้สุนัขรู้สึกไม่อึดอัดและอยู่ในระยะที่เจ้าของสามารถควบคุมทิศทางได้ง่ายค่ะ

2.Retractable leash (สายจูงปรับระดับ)

เครดิตรูปภาพจาก ภาพที่ 2 Retractable leash (สายจูงปรับระดับ)

สายจูงชนิดนี้เป็นสายจูงที่มีลักษณะการทำงานคล้ายตลับเมตร สามารถทำการปรับระดับและล็อกความยาวของสายจูงได้ตามที่เราต้องการ สายจูงชนิดนี้ไม่เหมาะกับการใช้งานในการจูงสุนัขที่ดื้อหรือชอบดึงสายจูงมากนัก หากสุนัขเกิดการดึงสายจูงอย่างรวดเร็วจะทำให้สายจูงเกิดการรั้งคอของสุนัขได้ แต่สามารถแก้ไขได้โดยทำการปรับความยาวให้มีลักษณะเป็นรูปตัว J หรือความยาวจากมือเจ้าของหรือคนจูงถึงคอสุนัขให้มีลักษณะเป็นรูปตัว J เพื่อไม่เกิดความตึงหรือหย่อนมากเกินไปอีกทั้งยังสามารถอยู่ในระยะที่ควบคุมการจูงสุนัขได้ดีอีกด้วย

3.Slip leash (สายจูงฝึกสุนัข)

ภาพที่ 3 Slip leash (สายจูงฝึกสุนัข)

สายจูงฝึกชนิดนี้เป็นสายจูงที่ปลายด้านนึงจะลอดเข้าห่วง หากมีการดึงสายจูงจะทำให้ห่วงที่เกี่ยวตรงบริเวณคอมีขนาดเล็กลง สายจูงฝึกนี้ถูกนิยมใช้เป็นอย่างมากในการฝึกสุนัข เนื่องจากหากสุนัขไม่ปฎิบัติตามคำสั่งผู้ฝึกหรือเจ้าของจะทำการดึงเชือกขึ้นทำให้ห่วงเชือกที่เกี่ยวคอมีขนาดเล็กลงจนในบางครั้งเกิดการรัดคอสุนัข สายจูงนี้ไม่เหมาะกับการใช้งานในการพาสุนัขไปเดินเล่นแม้ว่าจะสามารถทำให้สุนัขปฏิบัติตามคำสั่งได้ก็ตาม เนื่องจากสายจูงชนิดนี้หากสุนัขดื้อหรือดึงสายจูงมากจะทำให้เกิดแรงดึงที่รุนแรงจนสายจูงสามารถรัดคอสุนัขจนหายใจไม่ออก หรือสามารถเกิดแรงดันที่รุนแรงที่กระบอกตาได้โดยเฉพาะในสุนัขพันธุ์หน้าสั้น เช่น พันธุ์ปั๊ก เป็นต้น

4. Chest harness or harness and double ended leash (สายจูงเกาะอกที่มีเชือกบังคับ 1หรือ2 สาย)

ภาพที่ 4  Chest harness  (สายจูงเกาะอกที่มีเชือกบังคับ 1 สาย)

ภาพที่ 5   Harness and double ended leash (สายจูงเกาะอกที่มีเชือกบังคับ 2 สาย)

สายจูงชนิดนี้เป็นสายจูงที่ประกอบด้วยส่วนที่รัดรอบอกและตัวสายจูงที่จะเกาะบริเวณด้านหลังของสุนัขหรือทางด้านหน้าของล่างคอสุนัข สายจูงชนิดนี้เหมาะสำหรับการใช้งานในการจูงสุนัขมาก ไม่ว่าจะเป็นสุนัขดื้อที่ชอบดึงเชือกหรืสุนัขที่เชื่อง เนื่องจากสายจูงชนิดนี้หากมีแรงดึงที่เกิดจากการดึงรั้งของสุนัขแรงต่างๆเหล่านี้จะไม่ทำให้เกิดการดึงรั้งบริเวณลำคอจนทำให้สุนัขหายใจไม่ออก แต่แรงเหล่านี้จะอยู่บริเวณช่วงของลำตัวสุนัขที่มีกระดูกซี่โครงที่แข็งแรงคอยรับแรงกระแทกทำให้อวัยวะสำคัญภายในช่องอกและคอ สามารถทำงานได้อย่างปกติและสุนัขไม่เกิดปัญหาการหายใจติดขัดหรือเกิดแรงดันที่กระบอกตา

จากบทความข้างต้นที่กล่าวมาจะทำให้รู้ว่าสายจูงนั้นมีหลากหลายชนิดและมีความหลากหลายในการใช้งานรวมทั้งความเหมาะสม ดังนั้นผู้เขียนเลยจึงอยากจะชวนผู้อ่านและคนรักสัตว์ทุกท่านเลือกใช้สายจูงที่เหมาะสม เพื่อส่งเสริมความสัมพันธุ์ที่ดีกับเรา เช่น สุนัขทำกิจกรรมกับเราได้อย่างมีความสุขไม่รู้สึกอึดอัดและสุนัขอีกทั้งยังส่งเสริมสุขภาพร่างกายและสวัสดิภาพที่ดีของสุนัขอีกด้วย

ขอบคุณรูปภาพจาก

ภาพหน้าปก:  เครดิตรูปภาพจาก Mirko Sajkov / Unsplash

ภาพที่ 1 Standard leash (สายจูงธรรมดา) : เครดิตรูปภาพจาก Jeffrey F Lin / Unsplash

ภาพที่ 2 Retractable leash (สายจูงปรับระดับ) : เครดิตรูปภาพจาก Kevin Lehtla / Unsplash

ภาพที่ 3 Slip leash (สายจูงฝึกสุนัข) :เครดิตรูปภาพจาก bmrix rass /Unsplash

ภาพที่ 4  Chest harness  (สายจูงเกาะอกที่มีเชือกบังคับ 1 สาย) : เครดิตรูปภาพจาก Dominik Kempf / Unsplash

ภาพที่ 5   Harness and double ended leash (สายจูงเกาะอกที่มีเชือกบังคับ 2 สาย) : เครดิตรูปภาพจาก Annie Spratt /Unsplash

เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !