สุขภาพดีด้วยน้ำปั่นผักสมุนไพร (เคล็ดลับปั่นยังไงให้ไม่ขม)

สมุนไพรชนิดที่สอง คือ ใบชะพลู ในที่นี้จะขอนำเสนอ สมุนไพรที่สามารถหาได้ง่าย ๆ จะได้ลองนำมาปั่นทานกันดูนะคะ ใบชะพลู มีรสเผ็ดร้อน ช่วยในการเจริญอาหาร ทำให้ทานอาหารได้อร่อยมากขึ้น มีเบต้าแคโรทีนช่วยบำรุงสายตา ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน ช่วยในการขับถ่าย ช่วยขับลมในลำใส้ 
ใบมะกรูด ประโยชน์เยอะมาก รู้แค่ช่วยขจัดรังแค อาการคัน ขจัดความมันเท่านั้น แต่ความจริงแล้วประโยชน์เยอะมาก ๆ เลย  ช่วยต้านทานโรคมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูง ใบมะกรูดมีสรรพคุณช่วยยับยั้งหรือชะลอการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง ช่วยดับกลิ่นคาวของอาหาร ซึ่งก็น่าจะช่วยลดความเหม็นเขียวในน้ำผักปั่นลงได้ ต่อมาใบตำลึง นอกจากะนำไปทำแกงจืดตำลึงได้อร่อยแล้ว คุณพ่อก็ได้นำใบตำลึงมาปั่นเป็นน้ำผักรับประทานเพื่อรักษาโรคเบาหวาน ป้องกันโรคโลหิตจาง บำรุงสายตา ช่วยขับสารพิษในลำไส้ ช่วยป้องกันการเป็นตะคริวด้วย ต่อมา ใบโหระพา สมนุไพรตัวเด็ดอีกตัว ก็ว่าได้ ช่วยรักษาโรคเข่าเสื่อม รักษาอาการอักเสบต่าง ๆ ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย รักษาแผลในกระเพาะอาหาร บรรเทาอาการคลื่นใส้อาเจียน แก้หวัดขับเหงื่อใบมะยม สมุนไพรตัวสุดท้าย ที่หาได้ง่าย แต่ประโยชน์ไม่ใช่ย่อยเลย ใบมะยม ช่วยรักษาอาการโรคเบาหวานซึ่งจะช่วยไปกระตุ้นตับอ่อนให้แข็งแรง ช่วยลดความดันโลหิตสูง บรรเทาอาการปวดหัว บำรุงประสาทได้ดีอีกด้วย น้ำปั่นสมุนไพรของคุณพ่อ หากปั่นเสร็จแล้วก็เก็บไว้ในตู้เย็นได้หลายวัน แต่แนะนำว่า ทำวันต่อวัน ก็จะได้ความสด มากกว่า จริง ๆ แล้วมีสมุนไพรอีกหลายชนิดที่นำมาปั่น นำมาใส่ลงไป แล้วแต่วันว่าวันนี้อยากใส่ชนิดไหน แต่โดนรวมแล้ว สมุนไพรบ้านเรามีประโยชน์ดีๆอีกมากมาย ไม่ต่างอะไรกับอาหารเสริม เพียงแค่ความสะดวกในการรับประทาน แตกต่างกัน และ ความสะดวกในการจัดหาวัตถุดิบ ในทั้งนี้ ที่อยากแนะนำคือ คุณพ่ออายุ 70 ปี แต่สุขภาพโดยรวมเรียกได้ว่า แข็งแรง กระฉับกระเฉง นอนหลับขับถ่ายปกติดี แค่นี้ก็ทำให้ครอบครัวมีความสุข อะไรจะสำคัญไปกว่าการมีสุขภาพดี หากมีเงินทองมากมายแต่ต้องนำเงินไปรักษาร่างกาย นอกจากจะไม่มีความสุขแล้วยังทรมานกับอาการเจ็บปวดอีก ดังนั้นลองหันมาใส่ใจสุขภาพ รู้เท่าทันก่อนก็ย่อมดีกว่า มารู้ตัวตอนเสียโอกาสนี้แล้ว