ไลฟ์แฮ็ก

สุขอยู่ที่ใจ

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
สุขอยู่ที่ใจ

ิวิวเขา
สวัสดีค่ะ นี่เป็นบทความแรกที่ลองเขียนให้ทุกๆ คนได้เข้ามาอ่านกัน กับช่วงสถานการณ์แบบนี้ คิดว่าหลายๆ คนอาจจะได้มีเวลาในการอ่านบทความต่างๆ เพิ่มขึ้น แน่นอนว่าในทุกวันนี้ทุกคนอาจจะรู้สึกสิ้นหวัง ท้อใจ รู้สึกชีวิตไม่แน่นอน หรือหมดแรงจะทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อสร้างกำลังใจ หรือเป็นแรงบันดาลใจให้กันไปบ้าง เพราะนอกจากจะอยู่บ้านและไม่ได้ออกไปไหนเป็นระยะเวลาเกือบสองปี หรือหลายๆ คนอาจจะประสบปัญหาในการดิ้นรนต่างๆ มากมาย ซึ่งแม้แต่จะอธิบายให้เข้าใจถึงปัญหาของแต่ละคน ก็ไม่สามารถเข้าใจได้ทั้งหมดและทุกคนได้ เอาเป็นว่าให้กำลังใจซึ่งกันและกันนะคะ ไม่ว่าชีวิตจะเป็นยังไง ขอให้สู้ๆ และเข้มแข็งไว้ค่ะทุกคน

กังหันลมเราจะมาชวนทุกคนมองหาความสุขที่ใจ สุขจากภายในของเรา ซึ่งอาจจะดูขัดกับตอนนี้หน่อยว่าทุกข์มีให้เห็นมากมายขนาดนี้ จะให้มีความสุขยังไงไหว แต่มันสามารถหาได้จริงๆ นะคะ เริ่มจากหัวใจเราเองนี่แหละค่ะ มาถึงตอนนี้เราลองมาค่อยๆ เปลี่ยนความคิดในตั้งแต่ตื่นนอน เพื่อหาคำตอบว่าสุขอยู่ที่ใจที่เราพูดถึงนั้น จะเกิดขึ้นได้ยังไงกันค่ะ

Advertisement

Advertisement

ริมเขายายเที่ยงอันดับแรกเราอาจจะต้องยอมรับสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวเราก่อน มันอาจจะยากไปสักหน่อย แต่เราต้องเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นและยอมรับมันให้ได้ พอใจเรามันยอมรับ ใจเรามันเข้าใจ เราก็จะมองมันเป็นเรื่องปกติค่ะ เช่น ตื่นมาต้องเจอกับงานที่ยาก ไม่อยากทำ ต้องประชุมทั้งวัน มีปัญหาที่รอให้แก้ไขอยู่มากมาย รู้สึกไม่อยากตื่นขึ้นมา ไม่อยากทำ พอเป็นแบบนี้แล้ว เราลองนึกถึงแค่เรื่องใกล้ๆ ตัวเราก่อนจะไปเจอกับสิ่งพวกนั้นก่อนก็ได้ค่ะ ก็คือ ลืมตื่นขึ้นมา ฉันจะลุกขึ้นมาทันทีเลย ไม่นอนงัวเงียต่อแล้วรำพึงรำพันกับตัวเองว่า ไม่อยากตื่นด้วยมากมายหลายเหตุผลของเราในหัวของเรา เปลี่ยนมาเป็นคิดแค่สิ่งที่จะเกิดกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเรา แค่ไม่วินาทีหลังจากนี้เท่านั้น พอเราสามารถทำได้ เหตุการณ์ต่อไปที่มันจะพาไปมันก็เริ่มง่ายขึ้นค่ะ และเราจะรู้สึกว่าเราก็ผ่านเรื่องเล็กๆ มาได้ 1 อย่างแล้วเดี๋ยวอย่างต่อๆ ไปมันจะผ่านไปได้อีก 1 อย่างล่ะค่ะ

Advertisement

Advertisement

ริมทะเลอีกฝั่งเราสามารถใช้ความคิดเหล่านี้ได้กับทุกอย่างเลยนะคะ คือไม่กังวลไปก่อนที่เหตุการณ์ต่างๆ จะเกิด อีกตัวอย่างนึงอาจจะเป็น ไม่อยากฟังแม่บ่น หรือไม่อยากอยู่กับแม่เลย ทำไมแม่ต้องบ่นตลอด ทำไมแม่ถึงไม่เข้าใจเราบ้าง เราลองคิดกลับกันดูค่ะ ว่าเมื่อเราเข้าใจอยู่แล้วว่าแม่ต้องบ่น ต้องหัวเสีย ลองหาสาเหตุดูค่ะ ว่าเพราะอะไร ทำไมแม่ถึงบ่น ถ้าเจอแล้วก็ลองใช้ใจฟังแกบ่นดีกว่า ทำไมถึงบ่นนะ บ่นว่าเราตื่นสาย เพราะเจตนาของแม่คือเป็นห่วงหรือเปล่า กลัวจะเสียการงานหรือไม่ พอเข้าใจแม่มากขึ้น เราจะลืมไม่เอามาเป็นอารมณ์ค่ะ หรือถ้าสิ่งที่แม่บ่นไม่ได้ช่วยให้เราดีขึ้น หรือเป็นสิ่งที่เราอาจจะมองว่าเราไม่ได้เป็นแบบนั้น ก็จะเปลี่ยนเป็นอธิบายให้เค้าเข้าใจแทนค่ะ อาจจะยากไปสักหน่อยกับการที่ต้องอธิบายสิ่งที่เราเป็นให้ใครรับรู้ แต่ถ้าเป็นเรื่องของครอบครัวแล้ว อยู่ด้วยกันทุกวัน เจอกันทุกวัน มันต้องมีความรู้สึกที่ต้องกระทบกระทั่งกันได้อยู่แล้วค่ะ อยู่ที่ว่าเราเปิดใจรับฟังกันหรือไม่ และพร้อมที่จะเข้าใจ ยอมรับข้อเสียซึ่งกันและกันหรือเปล่านั่นเองค่ะ

Advertisement

Advertisement

อย่างสุดท้ายที่อยากจะฝากไว้ชวนคิดคือ ถ้าเรายังมีความสุขเล็กๆ น้อยๆ รอบตัวไม่ได้ เราก็จะไม่มีความสุขกับเรื่องใหญ่ๆ ได้นะคะ เรามองหาความสุขใกล้ๆ ตัว จากการได้กินอาหารอร่อย การทำงานเสร็จ 1 อย่าง การได้รับคำชมจากหัวหน้า การที่เราได้มีงานทำ มีเพื่อน มีความครอบครัวที่ดี
มันอาจจะดีไปกว่าการคิดว่าทำไมฉันถึงไม่มีเงินเยอะๆ ที่จะซื้อสิ่งที่อยากได้ ทำไมคนอื่นไม่เข้าใจฉัน ฉันอยากมีงานทำที่สบายกว่านี้ มีแฟนที่ดีกว่านี้ มีครอบครัวที่ดีกว่านี้
เป็นอย่างไรบ้างคะ แค่อ่านคำเหล่านี้ก็ไม่สบายใจแล้วใช่ไหมคะ เพราะทุกอย่างคือการพะวงกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น และบางอย่างไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หรือถ้าจะเกิดขึ้นได้ก็ต้องเกิดจากกระทำที่ต้องใช้เวลา

อย่ากังวลกับอนาคตมากไป จนลืมมองสิ่งรอบตัวที่ทำให้เรามีความสุขได้เหมือนกันนะคะ

*ภาพทุกภาพเป็นภาพถ่ายของนักเขียนเองทั้งหมดนะคะ

อัปเดตบทความดีต่อใจ ๆ แบบนี้อีกมากมาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์