หนังสือ 6 เล่ม "ฮีลหัวใจ" ในวันที่หมดไฟ ในการทำงาน

สวัสดีนักอ่านทุกๆ ท่าน หายหน้า หายตากันไปนาน พักใหญ่ๆ เลยคะ กลับมาครั้งนี้ เปิดประเดิมด้วยบทความที่อยากจะส่งต่อหนังสือที่ตัวเราเองอ่านแล้ว ช่วยฮีลหัวใจ ในการทำงาน และใช้ชีวิต มากๆ กอปกับสถานการณ์โควิดยังอยู่กับเรา ตอนนี้ก็จะ 2 ปีกว่าแล้ว รู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วมาก แปปๆ ก็จะหมดปีอีกล่ะ ช่วงโควิดที่ผ่านมา สำหรับเราได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองเยอะมาก ได้ทำอะไรใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำ และไม่เคยคิดว่าจะทำได้ ทั้ง challenge แล้วก็สนุก เป็นประสบการ์ณใหม่ๆ ในชีวิต มีเวลาตกตะกอนความคิดกับเหตุการณ์ในชีวิตที่ผ่านมา และกอบกู้เรี่ยวแรงที่จะเดินต่อไปข้างหน้าอีกครั้ง

วันนี้เลยขอมาแชร์ หนังสือ ที่เราอ่านแล้วทำให้เรามีมุมมองที่เปลี่ยนไป เข้าใจตัวเอง คนอื่น และบริบทต่างๆ ในชีวิตมากขึ้น ขอบอกก่อนว่าเป็นมุมมองของเราเท่านั้นนะ  ขอเริ่มเลยละกัน ไปลุยกันเลยยย

2. INTO THE MAGIC SHOP เราทุกคนล้วนมีร้านเวทมนตร์อยู่ในใจ

เล่มนี้เป็นเรื่องราวของ ประสาทศัลยแพทย์คนหนึ่ง ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของตัวเองประสบการณ์ในวัยเด็ก การเลี้ยงดู ตลอดเส้นทางการดำเนินชีวิตจากจุดต่ำสุดจนถึงจุดสูงสุด ความเจ็บปวดในวัยเด็กที่เค้าได้เจอ จนวันหนึ่งเค้าได้พบคนที่ทำให้ชีวิตเค้าเปลี่ยนไปอย่างที่ตัวเค้าเองก็คาดไม่ถึง ถ่ายทอดเป็นเรื่องเล่าผ่าน ความเชื่อ จิตวิญญาณ การทำงานของสมองและหัวใจที่สัมพันธ์กันแบบแยกไม่ออก ตลอดจนการดึงศักยภาพภายในของตัวราออกมา ที่ที่เรามาไม่ได้เป็นตัวการันตี ที่ที่เราจะไป การยอมรับตัวเอง เพื่อเปิดออกไปสู่อีกโลกใหม่ เป็นหนังสือ How to อีกเล่มที่ให้แรงบันดาลใจ และค้นพบปาฎิหาริย์ที่ซุกซ้อนอยู่ภายในใจของเรา ว่าเราสามารถเป็นอะไรได้มากกว่าที่เราคิด

3. The Power of POSITIVE THINKING คิดบวก

"แค่เปลี่ยนความคิด ชีวิตก็เปลี่ยน" คำพูดยอดฮิตที่ใครๆ ก็ชอบพูดกัน อนุภาพของการคิดบวกจะพาเราไปเจอกับการเปลี่ยนแปลงในชีวิต ตั้งแต่เรื่องเล็กน้อยไปจนถึงเรื่องที่ยิ่งใหญ่ ทุกอย่างเริ่มต้นที่ตัวเราเอง และพลังนั้นจะแพร่กระจายออกไปสู่คนรอบข้าง  โดยการนำปรัญชาการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายนำไปสู่ความสุขในชีวิต โดย "นอร์แมน วินเซนต์ พีล" ได้ถ่ายทอดประสบการณ์การช่วยแนะแนวทางการใช้ชีวิตให้กับบุคคลที่หลากหลายแต่ละวงการ การคำนึงถึงพระเจ้าในศาสนาคริสต์ เพื่อเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจในการดำเนินชีวิต ตื่นรู้ตลิดว่าเรากำลังทำอะไรอยู่

4.วัยว้าวุ่น รุ่น 30

พอเริ่มทำงานมาสักพัก และตัวเลขนำหน้าอายุใกล้เข้าเลข 3 เราจะมีภาวะหนึ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง คือ "ภาวะวิกฤตวัยกลางคน หรือ Midlife Crisis" เป็นอาการที่กังวลกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง กังวลว่าเราดีพอหรือยัง ประสบความสำเร็จหรือยัง เพื่อนรุ่นเดียวกันมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันไปแล้ว บ้างคนมีรถ มีบ้าน มีลูก แต่เรายังทำได้แค่นี้เอง หนังสือเล่มนี้เป็นอีกเล่มที่เปรียบเสมือนคู่มือในการนำพาเราก้าวผ่านช่วงอายุ 30 ไปอย่างมีสติ แล้วเราจะถึงบางอ้อว่า เห้ย อายุ 30 มันก็ไม่ได้แย่นิ ใครๆ ก็เคยผ่านมากันทั้งนั้น และมันเป็นแค่จุดเริ่มต้นของการเดินทางเท่านั้น ยังมีอะไรให้เจอและเรียนรู้อีกเยอะ โดยคุณท้อฟฟี่ แบรดชอว์ ผู้เขียนได้ถ่ายทอดเรื่องราวโดยใช้ภาษาที่เรียบง่าย อ่านไปก็ขำไป บ้างหยุดคิดบ้าง เหมาะกับทุกเพศทุกวัยที่อาจจะอายุยังไม่ถึง 30 หรือเลย 30 มาสักพักแล้วก็ตาม แนะนำเลยค่ะ

5.นี่เราใช้ชีวิตยากเกินไปหรือเปล่านะ

หลายครั้งที่มีคนมาคอยบอกให้ทำอย่างนั้นสิ อย่างนี้สิ มันดีมากนะ ทำไมไม่ลองละ อายุเท่านี้แล้วทำไมยังไม่แต่งงาน ไม่มีครอบครัว ไม่ซื้อบ้าน กี่ครั้งแล้วที่เราดำเนินชีวิตโดยยึดเอาเสียงของคนรอบข้างมาขับเคลื่อนชีวิตเรา จนมาถึงจุดหนึ่งที่เราเหนื่อยที่จะต้องทำตามใจคนอื่น ใช้ชีวิตแบบรอให้คนอื่นมา approve ชีวิตเราว่าตอนไหนควรจะสุขและควรจะทำ พอกันที !! ต่อไปนี้เราจะตั้งใจใช้ชีวิตแล้ว หนังสือเล่มนี้เล่าถึงชีวิตของผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่วิ่งตามความฝัน แต่เป็นฝันที่คนอื่นบอกว่าดี พอได้มาสัมผัสกับตัวเองกลับไม่ได้เป็นแบบที่ตัวเองคิดไว้สักนิด เค้าจึงตัดสินใจทำบ้างอย่างที่คนข้างนอกมองเข้าไป อาจจะเรียกว่าแปลก แต่เค้าไม่สนใจอะไรแล้ว เพราะเค้ายืนยัดที่จะใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการ ทำให้เค้าค้นพบความสุขอีกรูปแบบหนึ่ง ที่สร้างมันขึ้นมากเอง เป็นหนังสือที่เหมาะกับคนที่กำลังหมดไฟ หรือหมดใจในการทำงาน หรือเบื่อหน่ายกับชีวิต ลองอ่านแล้วจะได้ไอเดียในการใช้ชีวิตที่เราไม่ต้องพยายามอะไรมาก แต่ก็มีความสุข

6.อะไรไม่จำเป็นก็ทิ้งไป

เล่มนี้เล่าถึงสไตส์การใช้ชีวิตแบบ "มินิมัลลิสม์" ของหนุ่มชาวญี่ปุ่นที่มีชีวิตที่แสนจะวุ่นวาย กับแนวทางการใช้ชีวิตแบบใหม่ที่ มีเท่าที่จำเป็น ตั้งแต่สิ่งของ การจัดการความคิด การดำเนินชีวิตประจำวัน ไปจนถึงการจัดบ้าน เป็นหนังสือที่ช่วยจัดระเบียบในการใช้ชีวิตที่ดีมากอีก 1 เล่ม การสร้างความทรงจำกับสิ่งของที่เราอยากได้ แต่พอได้มาแล้วก็วางมันอยู่ตรงนั้น การมองเห็นคุณค่าของสิ่งนั้น และพบสิ่งที่สำคัญกับเราจริงๆ เอาเวลาไปใช้กับสิ่งที่เราสนใจ วางบ้างอย่างที่เราแบกเอาไว้จนหนักลง และโฟกัสแต่สิ่งที่จำเป็น รู้คุณค่าของการไม่ได้มา และใช้เท่าที่จำเป็น นำพาอิสระกลับคืนสู่ตนเองอีกครั้ง ปล่อย ปลง วางลงได้ ใจก็เบา

และนี้หนังสือ 6 เล่มที่เราคิดว่า เหมาะกับสถานการณ์ในปัจจุบันมากๆ ด้วยอะไรหลายๆ อย่างก็เปลี่ยนผ่านและหมุนเวียนไปอย่างรวดเร็ว และเรามีเวลาอยู่กับตัวเองน้อยลงทุกวัน การพาตัวเองออกไปเที่ยวหรือเรียนรู้อะไรใหม่ๆ แล้วกลับมาสู้ต่อกับการทำงาน อาจจะทำให้เรามีไฟขึ้นมาอีกครั้ง สุดท้ายแล้ว ความรู้สึกทั้งสุขและทุกข์จะไม่คงอยู่กับเราไปตลอด มันจะสลับและหมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ  ทักษะการเรียนรู้และปรับตัว จะนำพาเราผ่านทุกช่วงเวลาของชีวิต ขอแค่เรามีสติ และก้าวเดินต่อไปอีกครั้ง และอีกครั้ง ขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่กำลัง หมดไฟ หมดใจ ไม่ว่ากับเรื่องอะไรก็ตาม เราเชื่อว่าคุณจะต้องผ่านมันไปได้อย่างดีแน่นอน ทุกอย่างเราเลือกได้ และเราต้องเลือกเอง  สู้ๆ ค๊า

ภาพถ่ายโดย : นฤมล นาครัตน์

ภาพปก จาก : ThoughtCatalog / Pixabay

เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !