ไลฟ์แฮ็ก

"หนึ่งในวิธีบรรเทาทุกข์"

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
"หนึ่งในวิธีบรรเทาทุกข์"

ความอึดอัด ความคับข้องใจ ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ ความผิดหวัง ท้อแท้ สิ้นหวัง เสียใจ รวมทั้งความรู้สึกไม่ดีทั้งหลายแหล่เราอาจเรียกรวมๆ ได้ว่ามันคือ"ความทุกข์"

777 แต่ไหนแต่ไรมา ส่วนใหญ่เราถูกปลูกฝังไม่ให้พูดถึงเรื่องของ "ความตาย" เนื่องด้วยมันไม่เป็นมงคล เป็นลางร้าย เป็นสิ่งที่มิควรกล่าวถึง ทั้งๆ ที่โดยแท้จริงแล้ว มันเป็นหนึ่งในกระบวนการของชีวิตที่เราทุกคนต้องพบเจอ แต่เรากลับหลอกตัวเองและพยายาม"กระโดด"ข้ามกระบวนการนี้ไป

เรา"เตรียมตัว"กับแทบทุกเรื่องในชีวิต เราศึกษา ทำความเข้าใจ วางแผนเรื่องต่างๆ นานา แต่เราไม่เคย (หรืออาจไม่ค่อย) "เตรียมตัวตาย" เหตุที่เราหลีกเลี่ยงที่จะคิดและพูดถึงเรื่องความตาย เนื่องด้วยรากเหง้าของมันคือ"ความกลัว" ครั้งหนึ่งผมเองก็ไม่กล้าคิด ไม่กล้าที่จะพูดถึงมัน แต่เมื่อผมเห็นและสังเกตุสิ่งที่ผ่านมาในชีวิต เหล่าเพื่อนผองและรุ่นน้องหลายๆ คนที่อายุยังไม่มากเท่าไหร่นัก พวกเขา"ตาย"

Advertisement

Advertisement

DEad

ผมจึงค่อยๆ "ตระหนักรู้" ว่า "ไม่ต้องรอให้แก่ก็ตายได้" ดังนั้นการ"รู้"กับการ"ตระหนักรู้" ไม่เหมือนกัน หากรู้เฉยๆ มันไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่หากตระหนักรู้การเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดขึ้น การกล่าวหรือคิดถึงความตายในที่นี้ไม่ไดัหมายถึง ให้คิดแบบหดหู่ หวาดกลัว เพียงแค่"ยอมรับ"ไปตามความเป็นจริง และเวลาพบเจอเรื่อราวเลวร้ายในชีวิตไม่ต้องทำร้ายตนเอง และอย่าได้คิดทำเลย เราได้สิทธิ์นั้นโดยชอบธรรมกันทุกคนอยู่แล้ว เดี๋ยวถึงเวลามันตายเองไม่ต้องรีบร้อน และหากเราทำ จะรู้ได้อย่างไรว่ามันจะจบ จงมีชีวิตอยู๋ต่อไปใช้ชีวิตต่อไป แต่ลองเพียรระลึกถึงความตายบ่อยๆ เช่น ก่อนนอนลองระลึกว่า ถ้าไม่มีพรุ่งนี้แล้ว เราพร้อมจะจากไปหรือยัง ยังมีสิ่งใดที่ยังค้างคาหรือเปล่า ถ้ายังมีสิ่งดีๆ สิ่งใดที่อยากทำ และยังไม่ได้ทำ เช่น การขอโทษ การให้อภัย บอกรัก ฯลฯ ควรใช้เวลาที่เหลือทำมัน

Advertisement

Advertisement

Way

หากถามว่าสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดมันช่วยบรรเทาทุกข์อย่างไร? สามารถอธิบายได้ดังนี้ เมื่อเรานึกถึงความตายบ่อยๆ มันจะทำให้เรา"วาง" สิ่งต่างได้เองโดยอัตโนมัติ...เนื่องด้วยเพราะถึงอย่างไร เราก็ตายอยู่ดีมันจะเกิดการตั้งคำถามถึง "ความหมาย "และ"ความจริง" ของชีวิต มันจะเกิดภาวะที่"รู้สึก" หรือ "สัมผัส" ได้ (ไม่ใช่การคิด) และไม่เห็นประโยชน์ของ"การแบก"และ"การยึด" เราจะรู้สึกได้ว่าจะแบกไปทำไม ทุกข์ไปทำไมเดี๋ยวเราก็ตายแล้ว อีกประการหนึ่งหลายคนชอบเข้าใจผิดว่า "การปลง" คือการหมดอาลัยตายอยาก คือการหมดไฟ การนั่งเหม่อลอยไปวันๆ หากแต่ความจริงมันมิได้เป็นเช่นนั้นเมื่อเรารู้ว่า เราต้องตาย เราจะใช้ชีวิตทุกวันอย่างมีความหมาย จะเพียรทำประโยชน์ทั้งต่อตนเองและเพื่อนร่วมโลก...เราจะ"เบิกบาน"มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ เรารู้จักตนเอง รู้จักความจริง เข้าใจตนเองและเข้าใจผู้อื่น เราจะอยู่อย่างทุกข์น้อยลงมากทีเดียว ค่อยๆ เรียนรู้มันไป และไม่ต้องเชื่อที่ผมเขียน แต่ให้ลองไตร่ตรองดูด้วยตนเองอาจได้พบคำตอบครับ

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ThanitSEastSide
ThanitSEastSide
อ่านบทความอื่นจาก ThanitSEastSide

นักเศรษฐศาสตร์ ผู้ไม่ใช่แค่นักเศรษฐศาสตร์... แต่เพียรหาความหมายอันจริงแท้ของชีวิต ผ่านมุมมองชีวิตและ

ดูโปรไฟล์

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์