อื่นๆ
อยากมีชีวิตที่ดีขึ้น ต้องละทิ้งสิ่งเหล่านี้...

สวัสดีคุณผู้อ่านครับ ผมเชื่อว่าผู้คนส่วนใหญ่ล้วนแล้วอยากจะมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่มีเพียงผู้คนส่วนน้อยเท่านั้นที่จะทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้นได้จริง ๆ การจะมีชีวิตที่ดีขึ้นได้นั้นขึ้นอยู่กับอะไร ? ความพยายาม โชคลาบ หรือความบังเอิญ ? ทั้งหมดนั้นมีผลทั้งนั้นแหละครับ แต่จริง ๆ แล้วพื้นฐานของคนที่จะประสบความสำเร็จและมีชีวิตที่ดีนั้นขึ้นได้นั้นมันอยู่ที่ "วิธีคิด" หรือในภาษาอังกฤษเรียกว่า "Mindset" ครับ
"วิธีคิด" นั้นสำคัญที่สุด แนวคิดที่ถูกต้องจะนำไปสู่พฤติกรรมที่ถูกต้อง แล้วพฤติกรรมที่ถูกต้องนั่นล่ะครับที่จะนำไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้น ในบทความนี้ผมจึงมีแนวคิดหรือแนวทางการใช้ชีวิตที่คุณควรจะละทิ้งหรือควรจะแก้ไขมาฝากคุณผู้อ่านครับ ลองอ่านแล้วคิดตามกันดูนะครับ
ภาพ: Kate Torline
1. เปรียบเทียบชีวิตตัวเองกับคนอื่นบน Instagram
Advertisement
Advertisement
ในยุคสมัยนี้ไม่ว่าใครก็สามารถรับรู้ชีวิตของคนอื่นได้ง่ายมาก ชีวิตของพวกเขาช่างดูมีความสุขและมีชีวิตที่ดีเหลือเกิน แต่ความจริงแล้วนั่นไม่ใช่ชีวิตทั้งหมดของพวกเขาหรืออาจไม่มีอะไรใช่เลยก็ได้ พวกเขาแค่ให้คุณเห็นเฉพาะสิ่งที่พวกเขาอนุญาตหรือต้องการให้คุณเห็นเท่านั้น ในชีวิตจริงพวกเขามันไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอกครับ
ผมเคยเจอคนที่ชีวิตมีแต่เรื่องทุกข์ใจ แต่เมื่อถ่ายรูปลงโซเชียลเขาจะยิ้มตลอดเพื่อแสดงให้คนอื่นเห็นว่าชีวิตเขามีความสุขดี แล้วหลังจากถ่ายรูปเสร็จสีหน้าของเขาก็กลับไปเป็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความทุกข์ ซึ่งก็มีหลาย ๆ คนที่เป็นแบบนั้น พวกเขาอาจลงแต่ภาพที่ดูดี แต่เชื่อเถอะครับว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่ในชีวิตคนเราจะมีแต่เรื่องดี ๆ
การจะเอาทั้งชีวิตคุณไปเปรียบเทียบกับภาพเพียงภาพเดียวที่ถูกเลือกมาอย่างสมบูรณ์นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดเลย
Advertisement
Advertisement
ในชีวิตคนเราน่ะมันสุขและทุกข์กันคนละเรื่องอยู่แล้ว เวลาเห็นความสุขของใครจงนึกไว้เสมอว่าเขาก็มีความทุกข์เช่นกัน พวกเขาแค่ไม่แสดงด้านที่เป็นทุกข์ให้เราเห็นเท่านั้นเอง แทนที่จะเสียเวลาหลายชั่วโมงต่อวันเลื่อนนิ้วส่องดูชีวิตคนอื่นไปเรื่อย ๆ อย่างไม่มีเหตุผล เอาเวลาไปเชื่อมต่อกับผู้คนที่คุณชื่นชมจริง ๆ ดีกว่า

ภาพ: Benjamin Davies
2. ความกลัวที่ฉุดรั้งคุณไว้จากสิ่งที่คุณต้องการจะทำ
เพื่อที่จะปลดปล่อยความกลัว ความอับอายและความกลัวผิด คุณต้อง "ส่องไฟไปที่พวกมันก่อน" มองดูให้ดีว่าสิ่งที่คุณกลัวคืออะไรกันแน่ คุณไม่จำเป็นต้องละทิ้งความกลัวก็ได้ โอบกอดมันเอาไว้เลย แต่จงอย่าให้มันมาฉุดรั้งคุณ ลงมือทำมันไปทั้ง ๆ ยังกลัวอยู่นี่แหละ แล้วสุดท้ายคุณก็จะเลิกกลัวมันไปเอง แต่ถ้าหากคุณไม่อยากทำในขณะที่ยังกลัวอยู่จริง ๆ ผมขอแนะนำให้ทำความเข้าใจมันให้มากที่สุด คนเรามักจะกลัวในสิ่งที่เราไม่รู้และไม่เข้าใจ ฉะนั้นคุณต้องศึกษาสิ่งที่คุณกำลังจะทำให้ดี เพื่อที่จะลดทอนความกลัวจนถึงระดับที่คุณกล้าทำมัน
Advertisement
Advertisement

ภาพ: Eugene Triguba
3. กังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกินกว่าจะควบคุม
คำแนะนำที่ห่วยแตกที่สุดคือการแนะนำว่า "จงเลิกกังวลหรือเลิกเครียดไปซะ" เพราะจริง ๆ แล้วพวกมันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เราหลีกเลี่ยงความรู้สึกพวกนี้ไม่ได้ มันเป็นสิ่งปกติในชีวิต แต่คุณสามารถเลือกโฟกัสหรือสนใจเฉพาะความกังวลที่คุณมีปัญญาจัดการมันได้ โฟกัสเฉพาะในสิ่งที่คุณสามารถเปลี่ยนแปลงได้ก็พอ หากคุณมีความรู้สึกกังวลเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ มากมาย จงเขียนมันออกมาเลย เขียนออกมาว่าสิ่งไหนที่คุณมีปัญญาเปลี่ยนแปลงได้ และสิ่งไหนที่คุณไม่มีปัญญาเปลี่ยนแปลงมัน จงทำในส่วนที่คุณเปลี่ยนแปลงมันได้ก็พอ ส่วนที่เหลือก็จงปล่อยให้มันเป็นไป มันอาจต้องใช้เวลา และฝึกฝนอย่างมากในการเรียนรู้ทักษะจัดการความกังวลนี้ แต่หากคุณทำได้ คุณจะพบว่าความกังวลของคุณน้อยลง
หากคุณไม่สามารถจัดการกับความกังวลที่มากเกินไปได้จริง ๆ โดยเฉพาะความกังวลต่อสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุม คุณอาจต้องลองปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญ เพราะมันจะเป็นสัญญาณของโรควิตกกังวล ซึ่งเป็นหลาย ๆ คนมีปัญหากับโรคนี้
ภาพ: Alex Mihai C
4. ความขุ่นเคืองหรือความคับแค้นใจ
งานวิจัยหลายแห่งนั้นได้แสดงให้เห็นว่าการแบกเอาความแค้น หรือความโกรธไว้นานเกินไปนั้น ส่งผลเสียเป็นพิษต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจของคุณ จงปล่อยเรื่องราวเก่า ๆ ทิ้งไปแล้วสานความสัมพันธ์ที่บาดหมางหรือความสัมพันธ์ที่ตัดขาดกันให้กลับมาดีต่อกันอีกครั้ง (ยกเว้นความสัมพันธ์กับคนที่เคยสร้างความบาดแผลหรือทำร้ายคุณอย่างรุนแรง) คุณควรจะปล่อยวางความขุ่นเคืองในอดีตลงแล้ว Move on ได้แล้ว อย่าจมปรักกับความรู้สึกเก่า ๆ
ภาพ: JodyHongFilms
5. กังวลกับสิ่งที่คนอื่นคิดกับคุณ
"สิ่งที่คนอื่นคิดกับตัวคุณ มันไม่เกี่ยวอะไรกับตัวคุณ" สิ่งสำคัญจริง ๆ คือคุณต้องรู้ว่าคุณค่าของคุณคืออะไรและอะไรที่คุณให้ค่ากับมัน เพื่อที่จะได้ไม่ไปเสียเวลากับอิทธิพลด้านลบจากความคิดของคนอื่น แต่ก็มักจะมีคำถามในทำนองที่ว่า "แล้วถ้าพวกเขาไม่ชอบคุณล่ะ...มันจะเกิดอะไรขึ้น ?" คำตอบคือ "ไม่มีอะไรทั้งนั้น"
ความจริงคือโลกมันไม่แตกหรอก และคุณไม่จำเป็นต้องทำให้ทุกคนชอบคุณ จงให้ความสำคัญกับกลุ่มคนให้การสนับสนุนคุณ คนที่รักและเคารพคุณอย่างแท้จริง ไม่ต้องไปเสียเวลากังวลเกี่ยวกับคนที่เขาไม่ต้อนรับคุณ ถ้าเขาไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร มันโอเค คุณไม่สามารถเข้าได้กับคนทุกกลุ่มหรอก
ภาพ: Andrej Lišakov
6. อยากเป็นฝ่ายถูกในทุก ๆ ความขัดแย้ง
เราทุกคนล้วนอยากจะเป็นผู้ชนะในการโต้เถียง แต่นั่นอาจไม่คุ้มค่านักเมื่อต้องแลกกับความเครียดที่ได้รับมา ซึ่งการจะละทิ้งความรู้สึกอยากเอาชนะไปนั้นมันต้องใช้พลังงานมหาศาลมาก เพราะคนเรามักจะต้องการเป็นฝ่ายที่ถูกต้องเสมอ
กี่ครั้งกันนะที่เราทะเลาะกับใครสักคนเพียงเพราะอยากจะเป็นฝ่ายถูก ? แล้วเราก็จะเผลอพูดจาไม่ดีออกไป จนในภายหลังเราก็คิดได้แล้วกลับไปขอโทษ ซึ่งในบางครั้งเราก็กลับมาคิดกับตัวเองว่า "ฉันทำเกินไป" หรือ "เราทะเลาะกันเพื่ออะไรโง่ ๆ แค่นี้เนี่ยนะ" บางครั้งเราก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเราเริ่มทะเลาะกันเพราะอะไร... ซึ่งปัญหาแบบนี้นั้นมันจะนำไปสู่ความวิตกกังวลและความเครียด ซึ่งจะกระทบต่อความสัมพันธ์ได้
การจะแก้ไขเรื่องนี้ได้คุณต้องพึงระลึกเอาไว้ในใจว่า "เราทะเลาะกันเพื่อแก้ไขปัญหา" แล้วคุณจะสามารถวางความถูกต้องลงแล้วมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหา
ผมรู้ครับว่าการละทิ้งสิ่งเหล่านี้มันยากและท้าทาย แต่ถ้าหากคุณสามารถทำได้ผมรับรองเลยครับว่ามันจะคุ้มค่า และคุณจะมีความสุขมากขึ้นอย่างแน่นอนครับ
Better Mind, Better Life
ภาพปก: Artem Maltsev
ความคิดเห็น






