อยากเรียนเก่งทำไงดี บทความนี้มีคำตอบ

ครัยโอ

31 ม.ค. 2022|3 min read

อ่านบทความอื่นจาก ครัยโอ

คัดลอกลิงค์

แจ้งตรวจสอบ

เชื่อว่าใครหลายๆคนก็คงอยากจะเป็นคนเรียนดี วันนี้ผู้เขียนมีวิธีมาแนะนำ

เด็กนักเรียนในบ้านเราหลายๆคนคงเจอกับปัญหาผลการเรียนที่ไม่ค่อยดีนักซึ่งอาจเกิดจากได้เรียนรายวิชาที่ไม่ถนัด ซึ่งก็ไม่ได้ถือว่าผิดอะไร เพราะคนเรามีทั้งสิ่งที่ถนัดและสิ่งที่ไม่ถนัด แต่สำหรับบ้านเมืองเรามักจะมีค่านิยมที่มีความต้องการเด็กที่เรียนเก่ง ทำให้คนที่เรียนไม่เก่งอาจถูกสภาพแวดล้อมกดดัน ส่วนที่เรียนได้ก็อาจจะไม่มีปัญหา แต่ที่ผ่านมาจากประสบการณ์ผู้เขียนเองพบว่าเด็กหลายคนที่หลุดออกไปจากระบบการศึกษาเพียงเพราะคิดว่าตัวเองเรียนไม่เก่ง เรียนไม่ได้ หรือจะทำไม่ดี สู้ออกไปหางานทำดีกว่า ซึ่งแนวคิดแบบนี้ก็ไม่ถือว่าผิด เพราะคนเรามีจุดมุ่งหมายในการเรียนจบออกไปทำงานหาเงินด้วยซ้ำ แต่ในระยะยาวอาจส่งผลต่อการพัฒนาประเทศได้ เพราะในโครงสร้างประชากรจะพบว่าคนที่เรียนหนังสือในระบบการศึกษามีน้อยลง ที่ได้เกริ่นๆไปนี้ผู้เขียนต้องการให้เห็นถึงปัญหาของการที่เด็กคนนึงไม่ถนัดในการเรียนบางวิชา แล้วมีคนไปกดดันเขา แทนที่จะช่วยเหลือให้เขาทำได้ดีขึ้น ในวันนี้ผู้เขียนจึงได้นำประสบการณ์ที่มี นำมาเขียนเป็นวิธีที่ช่วยให้การเรียนดีขึ้น โดยกลั่นกรองออกมาจากประสบการณ์จริง และผู้เขียนมองว่าวิธีที่นำมาแบ่งปันในวันนี้เป็นวิธีที่เมื่อนำไปปรับใช้แล้วจะเห็นผลแน่ๆ แต่จะเร็วจะช้านั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลเอง

นักเรียน

วิธีที่ 1 หาตัวช่วยในการเรียน การที่เราจะเดินไปถึงที่หมายไม่จำเป็นว่าเราจะต้องเดินเพียงอย่างเดียว เราสามารถที่จะนั่งรถ นั่งรถบิน หรือปั่นจักรยานไปก็ได้ เพราะฉะนั้นในการเรียนก็เช่นเดียวกัน เราอย่าไปคิดว่าการเรียนเราจะต้องเรียนด้วยตัวเองและเรียนในห้องเพียงอย่างเดียว เราอาจจะหาตัวช่วยอื่นๆมาช่วยทำให้เราเข้าใจได้ เช่น การเรียนพิเศษ การติวกับเพื่อน หรือการดูสื่อ VDO ที่เข้าใจง่าย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นตัวช่วยทั้งสิ้น แต่ในมุมของผู้เขียนเห็นว่าการเรียนพิเศษอาจไม่เหมาะกับนักเรียนที่อยู่ในพื้นที่ที่ไม่สถาบันสอนพิเศษ อีกทั้งอาจจะเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายให้กับครอบครัวด้วยซ้ำ สำหรับคนที่ไม่สามารถจะเรียนพิเศษได้จริงๆ ก็ให้ใช้วิธีการติวกับเพื่อนแทนได้นะ สำหรับผู้เขียนมีโอกาสได้ติวกับเพื่อนและเรียนพิเศษอยู่บ่อย ทำให้รู้สึกว่ามันเป็นการทวนเนื้อหา หรือได้รับรู้เนื้อหาในมุมอื่นไปบ้าง ซึ่งก็ช่วยให้เราเรียนดีขึ้น

วิธีที่ 2 ทำใจให้ชอบเราจะไม่มีทางทำอะไรให้ดีหรือประสบความสำเร็จได้เลย ถ้าใจเราไม่ชอบ เพราะฉะนั้นข้อนี้คือสำคัญมาก เพราะการมีแนวคิดแบบนี้จะทำให้เราเปิดใจยอมรับมันมากขึ้น ถ้าเรามัวแต่อคติกับมัน เราก็จะพลาดโอกาสที่จะเรียนรู้มันได้ ในชีวิตของเราคนทุกคนคือครูสำหรับคนเก่งคนดีก็คือครู สำหรับคนไม่ดีก็คือครูที่สอนเราว่าอย่าทำผิด ทุกคนคือครู เปิดใจยอมรับบทเรียนจากหลายๆแหล่ง แล้วจะมีความรู้มากขึ้น แต่ส่วนตัวผู้เขียนมักจะเลือกยอมรับเหมือนกัน ในบางครั้งก็จะรับฟังและเปิดใจให้กับคนเก่งๆที่รู้จริง จะไม่ชอบรับฟังคนรู้ไม่จริงเลย แต่คนรู้ไม่จริงก็เป็นครูสอนเราได้ว่าอย่าทำตัวแบบนั้น มุมของผู้เขียนมองว่าข้อนี้สำคัญมากเพราะถ้าใจเราว่าได้มันก็จะทำได้ และทำได้ดีด้วย แต่ถ้าไม่ไหวไม่ชอบจริงๆแล้วมีโอกาสได้เปลี่ยนเส้นทางเดิน การลองดูก็ไม่เสียหาย อย่าฝืนอย่าทน เพราะผู้เขียนเองเลือกจะทน เลือกจะฝืน สุดท้ายคุณก็ต้องทนกล้ำกลืนไปตลอดทั้งชีวิต

วิธีที่ 3 อย่าท้อ หลายคนพอเริ่มเปลี่ยนตัวเองได้ไม่กี่วันก็เริ่มท้อแท้แล้ว ยังไม่ได้เห็นความสำเร็จเป็นรูปเป็นร่างเลยด้วยซ้ำ ถ้าใครมีความฝันที่จำเป็นต้องเรียนหนังสือจริงๆ แนะนำให้หากำลังใจให้ตัวเอง อย่าไปใช้วิธีอดทนนะ เราจะอดทนไม่ให้เราท้อมันทำไม่ได้อยู่แล้ว ให้เราไปหากำลังใจให้ตัวเอง หา passion ให้ตัวเอง การมี passion ก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว สำหรับตัวผู้เขียนเองมักจะใช้วิธีนี้เมื่อท้อมากๆ จะไปหา passion จากที่ต่างไป หรืออาจไปพักผ่อนบ้าง อย่าเครียดจนเกินไป ถ้าเราสู้ เราก็จะชนะ วิธีนี้คือวิธีที่ค่อนข้างเห็นผลชัดเจนเลยทีเดียว

นักเรียน และนี่ก็คือวิธีที่ผู้เขียนได้กลั่นกรองจากประสบการณ์ที่เคยผ่านเรื่องราวเหล่านี้มาแล้วทั้งสิ้น แต่ผู้เขียนเองอยากจะเตือนเอาไว้อย่างหนึ่งว่าการมีฝันหรือการมีความพยายามไม่ใช่เรื่องผิด แต่การทำอะไรเกินตัว ทำอะไรเกินความสามารถ อาจทำให้เจ็บหนักได้ เช่น วันหนึ่งถ้าปลาอยากจะบินบนท้องฟ้า มันเลยกระโดดออกจากบ่อ มันก็ได้แค่ลอยอยู่บนอากาศไม่กี่เสี้ยววินาที สุดท้ายมันก็ตกลงมาตายบนพื้น การทำอะไรเกินตัว ผลลัพธ์มันไม่คุ้มกับความเสียหายที่เกิดขึ้นแน่นอน อย่าลืมประเมินตัวเองว่าเราทำได้แค่ไหน เพื่อไม่ให้เราเหนื่อยจนเกินไปนะครับ หากข้อไหนใครไม่สามารถทำได้จริงๆ แนะนำให้ทำเท่าที่ทำได้นะครับ อย่าฝืนตัวเอง