อื่นๆ

อาถรรพ์นาฬิกาทราย

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
อาถรรพ์นาฬิกาทราย

ภัทรเป็นเซลล์ของบริษัทแห่งหนึ่ง งานหลักของภัทรในส่วนใหญ่คือออกพบลูกค้าตามจังหวัดต่างๆ ทั้งคอยดูแลลูกค้าเก่าและคอยหาลูกค้าใหม่ๆ ตลอดเวลา จึงทำให้ภัทรต้องเดินทางไปโน่นไปนี่ตลอดเวลาแต่ภัทรเองก็ชอบ ภัทรรักในงานที่เธอทำเพราะมันไม่ซ้ำซากจำเจได้พบเจอผู้คนใหม่ๆ ตลอดเวลา และยังทำให้ภัทรได้เที่ยวไปในตัวด้วย

       ภัทรเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ขาว น่ารัก และอัธยาศัยดี เป็นคนคุยเก่งซึ่งเหมาะกับอาชีพที่เธอทำมาก จึงทำให้ผู้คนที่ได้พูดคุยกับเธอก็ต่างเอ็นดูและชอบในความเป็นกันเองของเธอ ครั้งนี้ก็เช่นกันภัทรได้มีโอกาสไปติดต่องานที่ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นครั้งแรกของภัทรที่ได้เดินทางไปต่างประเทศ เพราะส่วนใหญ่แล้วภัทรจะมีลูกค้าแค่ในประเทศเท่านั้น จึงทำให้ภัทรมีความกลัวอยู่เล็กน้อย เพราะเธอพูดภาษาอังกฤษไม่ได้

หลอน                                                                    ที่มาภาพจาก  https://pixabay.com/th/photos

Advertisement

Advertisement

          เมื่อภัทรเดินทางไปถึงทางเจ้าของบริษัทที่ก็นั่นต้อนรับเป็นอย่างดี ภัทรขอให้หัวหน้าที่ออฟฟิศไปเป็นเพื่อนอีกคน ชื่อพี่อัง เพราะภัทรไม่เคยไปต่างประเทศมาก่อนจึงเกิดความประหม่า มีพี่อังไปด้วยจึงทำให้ภัทรมีความมั่นใจมากขึ้น ในตอนแรกภัทรกังวลเรื่องภาษามากแต่โชคดีที่บริษัทนี้มีคนไทยเป็นหุ้นส่วน จึงทำให้เขาพอเข้าใจภาษาไทย ภัทรใช้เวลาในการพูดคุยทักทายกันสักพักเพื่อให้รู้สึกผ่อนคลายถึงมาคุยเรื่องงาน ด้วยความเป็นกันเองของเจ้าของบริษัทจึงทำให้คุยง่าย ไม่รู้สึกว่ากดดัน ต่อรองกันง่าย และตกลงจะเป็นลูกค้าของภัทร หลังจากที่คุยเรื่องงานกันจบทางหุ้นส่วนเห็นว่าภัทรไม่เคยมาเที่ยวที่นี่ จึงเสนอให้อยู่เที่ยวต่อสักวันสองวันก่อน โดยที่เขาอาสาจะเป็นคนพาเที่ยวเอง ด้วยความที่ว่าเป็นคนไทยเหมือนกันและก็ไม่ได้มีโอกาสมาเที่ยวแบบนี้บ่อยๆ  บวกกับงานก็จบแล้วด้วย ภัทรจึงตอบตกลงไป  หุ่นส่วนบริษัทคนนั้นชื่อว่าอาร์ต คุณอาร์ตเป็นกันเองมากหาที่พักให้ พาไปหาอะไรกิน และยังพาไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ภัทรได้ตกลงกับพี่อังไว้ว่าจะเที่ยวแค่วันเดียวแล้วพรุ่งนี้ก็จะกลับเพราะมีงานที่ต้องเคลียร์ต่อ

Advertisement

Advertisement

หลอน                                                                       ที่มาภาพจาก  https://pixabay.com/th/photos

วันนี้คุณอาร์ตจึงพาภัทรและพี่อังไปเที่ยวเมืองโบราณแห่งหนึ่ง ในระหว่างทางภัทรก็เจอกับร้านขายของเก่าโบราณเล็กๆ จึงขอให้คุณอาร์ตพาเข้าไปดู ในขณะที่เดินดูโน่นดูนี่อยู่นั้น อยู่ๆ สายตาของภัทรก็หันไปเห็น ชายรูปร่างสูงใหญ่ ผิวขาว มองจากด้านข้างก็ดูดีเลยทีเดียว กำลังจ้องมองอะไรบางอย่างอย่างตั้งใจ  ภัทรจึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ แต่เกิดสะดุดของที่วางอยู่บนพื้น พอเงยหน้าขึ้นมาชายหนุ่มคนนั้นก็หายไปแล้ว ภัทรมองไปตรงที่ชายหนุ่มคนนั้นยืนมองอยู่ก็เห็นนาฬิกาทรายโบราณที่ดูสวยสะดุดตาวางอยู่ตรงนั้น ภัทรมองไปที่มันแล้วก็รู้สึกเหมือนถูกสะกดตกอยู่ในภวังค์ พี่อังเรียกอยู่ภัทรหลายครั้งเธอกลับไม่ได้ยินจนต้องเดินมาสะกิด ภัทรถึงกับตกใจสะดุ้ง พี่อังจึงถามไปว่าเป็นอะไร แต่ภัทรก็ส่ายหน้า ภัทรตัดสินใจซื้อนาฬิกาทรายอันนั้นกลับไปด้วย ระหว่างทางภัทรดูแปลกไป จากคนที่ชั่งพูดร่าเริงก็ดูเงียบขรึมไป เอาแต่นั่งกอดนาฬิกาทรายแล้วมองเหม่ออยู่แบบนั้นตลอดเวลา ตั้งแต่ออกจากร้านขายของโบราณนั่น จนคุณอาร์ตทักว่าภัทรเป็นอะไรหรือป่าว ภัทรก็เอาแต่ส่ายหน้า

Advertisement

Advertisement

หลอน                                                                         ที่มาภาพจาก  https://pixabay.com/th/photos

       หลังจากกลับมาจากที่นั่นภัทรก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเอาแต่เก็บตัวไม่ร่าเริงเหมือนเก่า ทำงานก็เหม่อลอยชอบแยกตัว จะกลับแต่ห้อง ร่างกายก็ดูซูบผอมไปมากไม่สดใสเหมือนเก่า พี่อังนึกเอะใจ เพราะภัทรเปลี่ยนไปตั้งแต่กลับจากร้านขายของโบราณนั่น จึงแอบไปหาภัทรที่ห้องไปถึงพี่อังก็เคาะประตูแต่ไม่มีใครมาเปิด จึงลองเปิดเข้าไปดูปรากฏว่าประตูไม่ได้ล็อค พี่อังไปที่ ห้องรับแขกก็ไม่มีใคร ห้องดูรกรุงรัง มีกลิ่นฉุนๆแปลกๆ จะหอมก็ไม่ใช่จะเหม็นก็ไม่เชิง พี่อังจึงเดินไปที่ห้องนอน ก็เห็นภัทรนอนอยู่บนเตียงสายตาเหม่อมองไปที่นาฬิกาทรายนั่น ดูซูบผอมเหมือนกำลังจะตาย

แต่พี่อังก็ต้องตกใจเมื่อหันไปเห็นข้างๆพบว่ามีผู้ชายร่างสูงใหญ่ ผิวขาวจนซีด ใบหน้าคมเข้ม แววตาดูดุดัน นั่งเอามือลูบหัวภัทรที่นอนอยู่ แล้วพี่อังก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อชายคนนั้นหันมามองที่พี่อังในตาเป็นสีแดงเลือด แล้วก็กระโจนใส่พี่อังจนพี่อังต้องวิ่งหนีออกไปจากห้อง ในตอนนั้นพี่อังไม่รู้จะทำยังไงจึงโทรไปหาคุณอาร์ตและเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง คุณอาร์ตคิดว่าน่าจะเป็นเพราะนาฬิกาทรายนั่น จึงไปถามที่ร้านของเก่า ร้านของเก่าจึงบอกว่าอาจจะเป็นเจ้าของเก่าของนาฬิกานั่นเขาคงผูกพันกับนาฬิกานั้นมาก

คุณอาร์ตจึงตัดสินใจจะเอานาฬิกานั่นไปคืนที่ร้านขายของเก่า คุณอาร์ตและพี่อังจึงไปหาภัทรที่ห้อง แต่ภัทรก็ไม่สนใจเอาแต่นอนมองนาฬิกาทรายนั่น พี่อังเห็นท่าไม่ดีจึงเข้าไปคุยและจับตัวของภัทร ตัวของภัทรเย็นมากพี่อังเห็นว่าอาการไม่ดีจึงจะพาภัทรไปโรงพยาบาล ในขณะนั้นคุณอาร์ตก็มาหยิบนาฬิกาทรายไป แล้วอยู่ๆภัทรก็คลุ้มคลั่งขึ้นมา ในตาเป็นสีแดงกร่ำ เสียงดูแหบแห้ง จับเท่าไหร่ก็เอาไม่อยู่ ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงตัวเล็กๆ ถึงมีเรี่ยวแรงได้มากมายขนาดนี้ พี่อังจึงเอาสร้อยพระมาใส่คอให้ ภัทรจึงสงบลง คุณอาร์ตเอานาฬิกาทรายนั่นกลับไปคืนยังที่ที่มันเคยอยู่ หลังจากนั้นมาทุกๆอย่าง ก็กลับสู่สภาพปกติ ภัทรกลับไปร่าเริงแจ่มใสเหมือนเดิมกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านไป คุณอาร์ตก็ชอบมาชวนพี่อังกับภัทรไปทำบุญอยู่บ่อย ๆ ภัทรไม่เคยพูดถึงเรื่องนาฬิกาทรายนั่นอีกเลยเหมือนมันไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์