อุปมา 4 กับธรรมชาติของการใช้ชีวิต..

เครดิตภาพจากผู้เขียน (ดร.อาบแสงจันทร์ ต.)

“ใบไผ่ปลิวระริ้วไหว ๆ ดอกหญ้าโปรยกลีบร่วงล่นประดับพื้นโลกา นกบินกลับรังกลางนา แสงแดดจ้าส่องแสงริ้ว ๆ ตะวันรอน..”สวัสดีครับท่านผู้อ่านทั้งหลายวันนี้ผู้เขียนมาด้วยอารมณ์นักกลอน..เป็นไงบ้างครับก็ว่ากันไปตามอารมณ์ (อิอิ...)

วันนี้เห็นธรรมชาติ เห็นความเปลี่ยนแปลงของชีวิต เห็นความเป็นธรรมดาของโลก ก็เลยคิดว่าอยากจะอุปมาชีวิตคนกับธรรมชาติให้ท่านผู้อ่านได้อ่าน และนำปรับไปใช้กับชีวิตได้บ้างมามาดูกันครับว่าชีวิตคนเรานั้นอุปมากับธรรมชาติในสิ่งใดได้บ้าง

เครดิตภาพจากผู้เขียน (ดร.อาบแสงจันทร์ ต.)

1. ชีวิตคนอุปมากับต้นไผ่ ท่านว่าจริงหรือไม่ครับ เคยสังเกตหรือไม่ครับธรรมชาติของต้นไผ่เป็นไม้ที่มีความอดทนสูงมากไม่ว่าจะเจอกับสถานการณ์เช่นใด ไม่ว่าฝนจะตก แดดจะออก น้ำจะท่วม ต้นไผ่ก็อยู่ได้ครับไม่ตาย และที่สำคัญไม่ว่าลมจะแห้งแล้งแค่ไหน หรือจะลมจะพัดโหมกระหน่ำเพียงใดต้นไผ่ก็จะลู่ไปตามลม โน้มไปตามลม ไม่ต้านลม สุดท้ายเมื่อลมสงบกลับมาสู่สภาวะปกติต้นไผ่ก็ยังตั้งตระหง่านเหมือนเดิม ตรงนี้อุปมาชีวิตของคนกับต้นไผ่ว่า ไม่ว่าจะเจอเรื่องร้าย เรื่องหนักหนาสาหัสเพียงใดหากเรามีสติคอยคิดแก้ไข และปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์เหมือนต้นไผ่ที่ลู่ไปตามลม (ลมเปรียบเหมือนปัญหาอุปสรรค์ที่เข้ามาในชีวิต) ไม่ต้านลมก็จะผ่านพ้นปัญหาไปได้

เครดิตภาพจาก https://pixabay.com/images/id-1347385/

เครดิตภาพจากผู้เขียน (ดร.อาบแสงจันทร์ ต.)

3. อุปมาดวงอาทิตย์ ผู้เขียนเคยสงสัย และเคยมีคำถามแบบคนโง่ ๆ ยกมือถามอาจารย์ผู้สอบวิชาปรัชญาว่า “อาจารย์ครับกลางวันกับกลางคืนต่างกันอย่างไร”  ผู้อ่านลองตอบเล่น ๆ ซิครับว่ามันต่างกันอย่างไร แน่นอนครับคำตอบต้องหลากหลาย และผู้เขียนเชื่อว่าแต่ละคำตอบมีเหตุผลอยู่ในตัวอย่างแน่นอนอาจารย์ผู้สอบปรัชญากับตอบง่าย ๆ ว่า “ต่างกันนิดเดียวแค่กลางวันมีแสงของดวงอาทิตย์กลางคืนไม่มีแสงของดวงอาทิตย์”...ใช่หรือไม่ครับ ผู้เขียนเข้าใจว่า อาจารย์ท่านต้องการสื่อให้เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้เป็นแค่สิ่งที่สมมุติขึ้นมาในโลกทั้งนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงดำเนินต่อไปตามวิถีของสรรพสิ่ง (กลางคืนก็ยังมีเรา มีสรรพสิ่ง มีทุกอย่างไม่ต่างจากกลางวัน) ฟังแล้วงง..ใช่ไหมครับ..ลองคิดดูดี ๆ (อิอิ...) อุปมาชีวิตของคนกับดวงอาทิตย์ว่า ชีวิตมีขึ้น มีลง มีสว่าง มีมืดเหมือนความสุข ความทุกข์เคยได้ยินประโยคนี้หรือไม่ครับ “ปล่อยมันไปพรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว...”

เครดิตภาพจากผู้เขียน (ดร.อาบแสงจันทร์ ต.)

4. อุปมาชีวิตเหมือนผลมะเดื่อ ผู้เขียนคิดว่าท่านคงจะเคยเห็นผลมะเดื่อนะครับ ธรรมชาติของผลมะเดื่อโดยเฉพาะมะเดื่อป่าเวลาที่มีผลเมื่อสุกจะมีสีแดง กลิ่นหอมมาก รสชาติหวาน กินได้ครับ เป็นที่หมายปองหรือเป็นแหล่งอาหารของนก แมลง ลิง ค่าง บ่าง ค้างคาว  เป็นต้น แต่ท่านทราบไหมครับเมื่อผลสุกเต็มที่มันก็จะเน่า และล่วงหล่นตกลงดินเน่าสูญสลายไปในที่สุด อุปมาชีวิตของคนกับผลมะเดื่อ เปรียบเหมือนชีวิตของมนุษย์ครับเมื่อมี ยศ ลาภ อำนาจ ทรัพย์สิน เงินทอง มีข้าทาส บริวาร แวดล้อมมากมายแต่พอหมดยศ ลาภ อำนาจ ทรัพย์สิน เงินทอง หรือเกิดความร่วงโรยของสังขารสุดท้ายย่อมเสื่อมไปเป็นธรรมดาเหมือนผลมะเดื่อเน่าที่ตกลงพื้นดิน และไม่เป็นที่ต้องการของใคร

เครดิตภาพจาก https://pixabay.com/images/id-2079166/

เครดิตภาพจากผู้เขียน (ดร.อาบแสงจันทร์ ต.)

เห็นไหมหละครับ อุปมาชีวิต 4 ประการที่ผู้เขียนนำเสนอมานี้ผู้เขียนเชื่อว่าหากท่านลองอ่านแล้วลองทบทวนดูดี ๆ จะเห็นว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราสามารถนำมาเป็นข้อคิดชีวิตได้ไม่มากก็น้อยสำหรับวันนี้เอาแค่นี้ก่อนนะครับ...แล้วพบกันใหม่...สวัสดีครับ